รู้ไว้ก่อนไปรัสเซีย

Things to Know before go to Russia

update 2023

🟥 รัสเซียเป็นประเทศยกเว้นวีซ่าสำหรับพาสปอร์ตไทย เจ้าหน้าที่ก็ไม่ถามอะไรมาก รู้ว่าเป็นคนไทยก็ประทับตราให้เข้าเมืองได้เลย ไม่ต้องกรอกเอกสารขาเข้า แต่ตม.รัสเซียจะพิมพ์ออกมาให้ เก็บให้ดีๆเพราะต้องมีตอนขาออก และเวลาเช็คอินที่พักเขาดูใบขาเข้าด้วย

🟥 คนรัสเซียใช้ภาษาอังกฤษได้น้อยมาก ป้ายต่างๆก็พอมีภาษาอังกฤษอยู่บ้าง แต่ไม่ละเอียดและมีไม่มาก การสื่อสารที่เราใช้ได้ง่ายๆคือ Google Translate พิมพ์ข้อความให้อ่าน เขาก็พิมพ์ตอบ สะดวกรวดเร็วใช้ได้

🟥 ลืมรีวิวที่ผ่านมาจากหลายๆเวปว่า ออกจากสนามบินแล้วหาซื้อซิมการ์ดจากร้านโทรศัพท์เพื่อใช้งานได้ง่ายๆ เพราะปัจจุบันไม่มีร้านโทรศัพท์ในสนามบิน ไม่สามารถซื้อซิมรัสเซียในสนามบินได้ แนะนำให้เปิด Data roaming หรือซื้อ Sim 2 fly จากไทยไปใช้ได้เลย

🟥 มีตู้กดอัตโนมัติขายซิมมือถืออยู่ที่ Terminal C ไม่แนะนำให้ซื้อ เพราะต้องลงทะเบียนถึงจะใช้งานได้ และลงทะเบียนเองไม่ได้

🟥 ไม่สามารถใช้บัตรเครดิตต่างประเทศในรัสเซียได้ ตั้งแต่มีสงครามรัสเซีย-ยูเครน ใช้ได้แค่เงินสด ให้แลกเงินมาให้พอกับการใช้จ่าย ถ้าเตรียมเงินสำรองมาแลกเพิ่ม แนะนำเป็นเงินยูโร ดีกว่าเงินดอลลาร์

🟥 ปลั๊กไฟเป็นแบบยุโรป Type C/F ขากลม (ดูรูป)

🟥 เงินรูเบิลรัสเซียมีให้แลกที่ประเทศไทย แต่ควรโทรไปจองเงินล่วงหน้า (1 ₽‎ : 0.43 ฿, 11 Apr. 2023)

🟥 สนามบินระหว่างประเทศของรัสเซียมีหลายสนามบิน และมีหลายเทอร์มินอล ต้องดูชื่อสนามบินให้ดี ระวังไปผิดสนามบิน ที่มอสโควมีสนามบินระหว่างประเทศหลักๆ 3 สนามบิน คือ

  • Sheremetyevo International Airport : SVO
  • Moscow Domodedovo Airport : DME
  • Vnukovo International Airport : VKO

🟥 ด้านในสนามบินมีร้านอาหาร ร้านขายของ เยอะมาก ไม่ต้องกลัวอด ทั้งบินระหว่างประเทศและในประเทศ แต่ราคาแพง (เป็นปกติของทุกสนามบิน) และมีที่ Wrap กระเป๋าอยู่ทุก Terminal

🚇 การเดินทาง 🚇

🔴 การเดินทางเข้าเมืองด้วย Aero Express Train ราคา 500 รูเบิลต่อคน ใช้เวลาประมาณ 1 ขม. ถึงสถานีปลายทาง Belorussky Rail Terminal ถ้ามา 2-3 คน แนะนำนั่งแท้กซี่เข้าเมือง สะดวกกว่า ราคาถูกกว่า (ประมาณ 1000-1200 รูเบิล)

🔴 มีคำแนะนำจากทุกคนว่า ห้ามขึ้นแท้กซี่ที่คอยดักเรียกคนอยู่หน้าประตูเด็ดขาด เพราะจะโดนโก่งราคาแพงกว่าที่ควร 5-10 เท่า ยังยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง และมีคนโดนอยู่ตลอด (คนไทยที่มาก่อนเรา 2 วันก็โดน)

🔴 ใช้ แอพ Yandex Goในการเรียกรถ ให้โหลดแอพและลงทะเบียนมาล่วงหน้าเลย การใช้งานเหมือนการเรียก Grab Taxi ในบ้านเรา แอพใช้ภาษาอังกฤษได้ มีขนาดรถให้เลือก เล็กใหญ่ตามจำนวนคนนั่ง ราคาบอกชัดเจน ให้เลือกจ่าย Cash ถึงที่ก็จ่ายตามราคาในแอพ

🔴 การใช้แอพ Yandex Go รถให้เลือกจุดรับที่ชัดเจน ที่สนามบินจะมีจุดรอรถอยู่ด้านนอก มีเสาเลขต่างๆ ให้เลือกเบอร์เา่แล้วไปยืนรอ ถ้าเรียกที่อื่นเช่นในเมือง ให้เลือกที่มีจุดสังเกตชัดๆ ไม่อย่างนั้นแท้กซี่จะหาไม่เจอ แล้วคนขับจะโทรมา ซึ่งคุยกันไม่รู้เรื่องแน่นอน

🔴 จากรีวิวต่างๆที่บอกว่าการซื้อตั๋วรถไฟให้ซื้อตู้อัตโนมัติมีปุ่มเปลี่ยนภาษาอังกฤษได้ ปัจจุบันปุ่มยังมีแต่กดแล้วเปลี่ยนไม่ได้ ทั้ง Aero Express Train ทั้ง Metro ถ้าคนไม่รอซื้อเยอะก็ใช้แอพแปลภาษาช่วยได้ ถ้าคนเยอะแนะนำไปซื้อกับเจ้าหน้าที่

🔴 ราคารถไฟใต้ดินมอสโคว ราคาเที่ยวละ 62 รูเบิล ราคาเดียวตลอดสาย (อัพเดต เม.ย. 2023)

🔴 ราคารถไฟใต้ดินมอสโควแบบ 1 day pass ราคา 285 รูเบิล / 3 day pass ราคา 540 รูเบิล (อัพเดต เม.ย. 2023)

🔴 ถ้าจะเที่ยวชมสถานีรถไฟ ไม่แตะออกจากสถานี แค่แวะถ่ายรูป ซื้อแบบ Single 62 รูเบิลได้เลย เดินทางได้ทั่วมอสโคว

📷 สถานที่เที่ยว 📷

✳️ ราคาตั๋วเข้าสถานที่ต่างๆราคาขึ้นจากช่วงก่อนโควิด เช่น Armory Chamber ใน Kremlin เพิ่มจาก 700 เป็น 1000 รูเบิล

✳️ มี Hop on Hop Off bus ให้นั่งเที่ยวทั่วมอสโกได้ มุจุดขึ้นตรงลานด้านหลังของ St. Basil

✳️ พิพิธภัณฑ์ส่วนมากปิดวันจันทร์เหมือนทั่วโลก เช่น พิพิธภัณฑ์อวกาศ (Museum of Cosmonautics)

✳️ ทุกสถานที่เที่ยว ไม่สามารถซื้อตั๋วล่วงหน้าออนไลน์ได้ เพราะไม่สามารถใช้บัตรเครดิตต่างปรเทศได้ในรัสเซียตั้งแต่เริ่มมีสงคราม รัสเซีย-ยูเครน

✳️ Flotilla Radisson Royal cruise จองล่วงหน้าผ่านเวปไม่ได้เหมือนเมื่อก่อน ต้องไปซื้อที่สำนักงานตรงท่าเรือ และแม้ชื่อจะเป็น Radisson แต่ไม่เกี่ยวกับโรงแรม Radisson เลย ไม่ว่าโรงแรมสาขาไหนก็จองตั๋วเรือไม่ได้

🛏 ที่พัก / ร้านอาหาร 🍴

💠 เวปจองที่พักทั่วไป เช่น booking.com ไม่สามารถจองที่พักในรัสเซียได้แล้ว (น่าจะตั้งแต่มีสงครามและโดนบอยคอต) เวปที่เข้าไปเลือกดูโรงแรมในรัสเซียได้คือ https://ostrovok.ru/ แต่ก็จองเองไม่ได้เพราะไม่รับเครดิตต่างชาติ วิธีการจองให้ email ตรงไปที่พักเพื่อทำการจอง หรือให้ agent ในไทยที่มี contact บริษัทในรัสเซียทำการจองให้

💠ที่พักหลายที่ไม่มีลิฟต์ บางที่มีลิฟต์ไม่ครบทุกชั้น เตรียมใจมายกกระเป๋าด้วย

💠 ร้านค้า ร้านอาหารหลายที่ปิดกิจการ แนะนำให้เช็คก่อนเดินทางไป เช่น อีลิซีฟสกี้ (Eliseevsky Store) ซุปเปอร์มาร์เก็ตคลาสสิคหนึ่งเดียวในมอสโกที่ตกแต่งสไตล์นีโอบาโร้ค (Neo-Baroque) ก็ปิดกิจการถาวร

💠 ร้านอาหารหลายที่ปรับเปลี่ยนเวลาการเปิด-ปิด หลายร้านปิดถาวร

💠 ร้านอาหารในมอสโควส่วนมากเปิด 10:00 น. หรือเที่ยง ถ้าไม่ทานอาหารเช้าของโรงแรม แนะนำซื้อของกินจากซุปเปอร์มาเก็ตไว้กินรองท้องตอนเช้าจะได้ไม่เสียเวลาออกเที่ยว

💠 ราคาอาหารแพงกว่าในเมืองไทยนิดหน่อย อาหารทั่วไปราคาพอๆกับราคาอาหารแถวสุขุมวิท-ทองหล่อคือจานละ 150 บาทขึ้นไป

💠 หลายรีวิวบอกว่าราคาอาหารไม่แพง ต้องบอกว่าไม่แพงเมื่อคุณเลือกอาหารระดับพรีเมี่ยม เช่น สเต็ก หรือซีฟู๊ดระดับ King crab เพราะเทียบคุณภาพกับราคาแล้วถูกกว่าที่เมืองไทยมาก แต่ถ้าทานอาหารจานเดียวทั่วไปราคาไม่ได้ถูก อย่างที่บอกว่าส่วนมากจานละ 100 บาทขึ้นไป

💠 น้ำเปล่าขวดเล็กที่บ้านเราราคา 8-10 บาท ที่รัสเซียราคาประมาณ 30 รูเบิล (ประมาณ 15 บาท) น้ำก็อกดื่มไม่ได้

💠 กาแฟตามร้านทั่วไปราคาประมาณ 150-200 รูเบิล ถ้าคาเฟ๋หรูหน่อยก็ 200-300 รูเบิล ก็ราคาพอๆกับเมืองไทย ที่ลองซื้อชิมก็ไม่ได้อร่อยเด่นอะไร แต่มีตู้กดกาแฟเยอะมาก มีทั่วไป ไม่มีอดกาแฟ ตามปั้มป์น้ำมันก็เป็นตู้กดไม่มีร้านกาแฟ แต่ราคาจะแพงหน่อยคือกาแฟตู้กดราคาเท่าตามร้านกาแฟเลย

💠 สอบถามคนรัสเซียแล้วบอกว่า ที่รัสเซียไม่ต้องทิป ไม่ว่าจะเป็นบริการอะไร ถ้าเป็นคนอายุมากจะมองว่าการให้ทิปเป็นการดูถูก แต่ถ้าเราอยากให้ก็ให้วางไว้ ถ้ายื่นให้กับมือส่วนมากจะไม่รับ

💤 ที่พักที่ได้ไปพักในคราวนี้ 💤 (จองโดย agent ในรัสเซีย ส่งชื่อมาให้เลือก)

MOSCOW

GRADA BOUTIQUE HOTEL (6,000 Rub./night)

📍 https://goo.gl/maps/Fp1iRoQaMgUUrs5AA

โรงแรมระดับ 4 ดาว ทำเลดี อยู่กลางเมือง ออกจากโรงแรมเดินเที่ยวได้เลย เดินไป Red square ได้สบายๆ มีร้านอาหารและบาร์ดนตรีอยู่ใกล้ๆในถนนเดียวกัน หลายคนรีวิวว่าเสียงดัง แต่เราหลับไม่ได้ยินอะไรเลย มีซุปเปอร์มาเก็ตใหญ่อยู่ตรงข้าม โรงแรมอยู่ในตึกเก่าแต่ปรับปรุงดูใหม่ ห้องไม่กว้างมากแต่ก็ไม่แคบเกินไป โรงแรมมีลิฟต์ แต่เป็นลิฟต์แบบโบราณที่ต้องเปิดประตู แต่ก็ไม่น่ากลัวอะไร พนักงานต้อนรับช่วยเหลือดี พูดอังกฤษได้ดี

MURMANSK

<Мини отель> TRI-BARSUKA MINI-HOTEL (3,975 Rub./night)

📍https://goo.gl/maps/pwbsA2ERzjhL9aoo9

ที่พักขนาดเล็กๆ มี 8-10 ห้อง อยู่อาคาร 5 ชั้น แต่ห้องพักอยู่ชั้น 1 ทั้งหมด ห้องพักสะอาด ห้องน้ำในตัว มีห้องครัวส่วนกลางที่เข้าไปใช้ได้ตลอดเวลา มีตู้น้ำดื่ม ชา กาแฟ ราคารวมอาหารเช้า (ที่เหมือนกันแทบทุกวัน) โดยรวมแล้วดีใช้ได้ พนักงานต้อนรับพูดอังกฤษพอสื่อสารได้ ไกด์บอกว่าคนไทยชอบมาพักที่นี่ (ทำไมไม่รู้) วันที่ไปก็เจอคนไทย Check out พอดี

🍽 ร้านอาหารที่ได้ไปกิน 🍽

MOSCOW

KHLEB NASUSHCHNYY

📍https://goo.gl/maps/k9MA1X1s3yjhuFK69

ร้านอาหารในมอสโควส่วนมากเปิดสาย 10 หรือ 11 โมง แม้จะเป็นร้านคาเฟ่หรือเบเกอรี่ เราจองโรงแรมแบบไม่รวมอาหารเช้าเลยต้องออกมาหาทานข้างนอก ร้านนี้ Search หามาล่วงหน้า อยู่ใกล้ๆ Red Square พอดี เปิด 7 โมงเช้า เป็นร้านมีหลายสาขาทั่วมอสโคว ขายชา กาแฟ ขนมปัง อาหารเช้า คนทำงานเข้ามาซื้อกาแฟ มากินขนมปังก่อนเข้าทำงานกันเยอะ ฝากท้องยามเช้าได้

Food court @GUM, Red Square

📍 https://goo.gl/maps/daDJBMTnYJGi5Gc16

เคยอ่านรีวิวเจอว่าในห้าง GUM มี Food court อยู่ชั้นบน ก็เลยเดินไปหา เห็นคนต่อแถวกันยาวออกมานอกร้าน น่าสนใจมาก ต้องถูกและดีแน่อน เลยไปต่อแถวกับเขาด้วย เป็นอาหารถาด ก็จิ้มๆเอาตามต้องการ อ่านไม่ออกว่าอะไรบ้าง ถามแค่ว่าอันนี้ เนื้อ หมู ไก่ หรือปลา คนตักก็ไม่เข้าใจเลย ดังนั้นจิ้มมั่วเอา อยากหยิบอะไรก็หยิบ มีน้ำ มีขนม มีซุป สลัด ข้าว ครบทุกอย่าง เราเลือกมาแค่ในรูป คิดเงินมาอย่างอึ้ง 1740 รูเบิล!! คือ 900 บาท!! อิ่มแล้วลองเดินดูใน Food court มี 3 ร้าน อีก 2 ร้าน ดูราคาน่าจะถูกกว่าหน่อย แต่ไม่ค่อยมีคนกินแฮะ ส่วนร้านแรกนั่นคนต่อคิวยาวมากน่าจะอร่อยสุด(มั้ง) สรุปว่าทุกอย่างในห้างนี้คือแพงมาก ค่าเข้าห้องน้ำยัง 50 รูเบิลเลย อาหารไปหากินตามร้านข้างนอกดีกว่า ไม่ได้ถูกกว่าแต่ได้อาหารดีกว่า

Flotilla Radisson Royal

📍 https://goo.gl/maps/CUXKbgFLsJDqxxiz9

ล่องเรือแม่น้ำ Moskva พร้อมทานอาหาร หรือจิบเครื่องดื่ม มี 3 รอบต่อวัน (หน้าร้อนมี 5-6 รอบต่อวัน) พวกเราเลือกรอบบ่าย 3 นั่งชมวิวไปด้วยทานอาหารกลางวัน+เย็นไปด้วยเลย ราคาล่องเรือ 1600 รูเบิลต่อคน ไม่รวมอาหาร จะสั่งแต่เครื่องดื่มมานั่งจิบไปชมวิวไปเขาก็ไม่ว่า (รายการอาหารและราคามีใน เวปไซต์ เข้าไปดูก่อนได้) มื้อนี้เราสั่งอาหาร พร้อมเบียร์และไวน์ รวมราคาแล้ว 6000 รูเบิล (ประมาณ 3000 บาท)

MURMANSK

Kruzhka

📍 https://goo.gl/maps/bnTYS19ytw5Y9Apc8

ร้านที่ไกด์พาไปกินมื้อเที่ยง อยู่ในตัวเมืองมูร์มันสค์ อาหารรวมในราคาทัวร์แล้ว เลยไม่รู้ราคาเท่าไหร่บ้าง แต่อร่อยใช้ได้ พนักงานพูดอังกฤษได้นิดหน่อยด้วย น่าจะเพราะทัวร์มาลง

Тундра, Grill & Bar

📍 https://goo.gl/maps/1ySbbhBvj84hLTGA7

ร้านดังของมูร์มันสค์ ตามรีวิวมีแต่คนแนะนำให้มา ไกด์ก็แนะนำ ร้านดังคนเต็มตลอดแนะนำให้โทรจองถ้าไม่อยากรอนาน ให้โรงแรมโทรให้นะ เพราะทั้งร้านไม่มีใครพูดอังกฤษได้เลย เวลาสั่งอาหารก็ต้องใช้ google translate คุยกัน แต่พนักงานน่ารักมาก ช่วยเหลือดีมาก เมนูเด่นคืออาหารทะเล และสเต็ก พวกเรามากัน 6 คน ลองสั่งกันมาตามแต่ชอบ ทั้งปลา ทั้งหอย ทั้งกุ้ง น้องที่กินหอยเม่นบอกว่าดีมาก เราสั่งสเต็กเนื้อก็ดีมาก และเมนูที่ทุกคนแนะนำให้ลองคือ King crab ที่นี่ใช้วิธีย่าง ย่างดีเนื้อไม่แห้งเลย ก็รอนานหน่อยแต่คุ้ม สด หวาน อร่อย ขายเป็นชุดๆละ 800 กรัม ราคาต่อกรัมต้องถามเอาแต่ละวัน (วันที่ไปราคา กก.ละ 4,900 รูเบิล) สั่งกันมาหลายอย่าง King Crab สั่งมา 2 ชุด มีเบียร์กับไวน์ด้วย คิดเงินมารวม 16,000 รูเบิล หาร 6 ตกคนละสองพันกว่ารูเบิลคือประมาณคนละพันกว่าบาท ถือว่าไม่แพงเมื่อเทียบกับคุณภาพ

บางวันเหนื่อยมาก ขี้เกียจออกไปกินข้าวนอกที่พัก ก็เลยเข้าซุปเปอร์ซื้อของไปกิน ซึ่งอาหารเป็นอาหารสำเร็จพร้อมตัก ราคาตามน้ำหนักเหมือนซุปเปอร์บ้านเรานั่นแหละ คิดเงินออกมาแล้วมันแพงนะ ไม่ได้ถูกเลย อาหารแค่ 2 จานนั้นกับน้ำ 2-3 ขวด 1000 รูเบิล ตก 500 บาท ไปกินตามร้านก็ราคาประมาณนี้แต่อาหารดีกว่าอีก ใครบอกอาหารรัสเซียถูก เถียงเลยนะ

มารัสเซียซื้อของอะไรดี

ของฝากของที่ระลึกยอดฮิตก็ต้อง ตุ๊กตาแม่ลูกดก มีขายทั่วไป หลากหลายคุณภาพหลากหลายราคา ถ้าซื้อตามร้านเล็กๆหรือตลาดนัดก็น่าจะถูกหน่อยและต่อรองราคาได้ ถ้าซื้อร้านใหญ่ก็แพงหน่อย ที่สำคัญมันสวยงามต่างกันด้วย อันถูกๆบางอันวาดไม่สวยเอาเลย

ของฝากที่เห็นคนชอบซื้อกันอีกอย่างคือขนม พวกลูกอมหรือชอคโกแลต ก็ไม่รู้ทำไม แต่เราก็ซื้อมานะ อันที่เห็นคนชอบรีวิวคือยี่ห้อเด็กน้อย บางคนเรียกชอคโคแลตเด็กหน้าโง่ เราว่าหน้าตาน่ารักดีออก ราคาก็พอประมาณ ถ้าซื้อเป็นของฝากแล้วเลือกเอาแบบมีรูปมีสัญญลักษณ์รัสเซียมันก็จะแพงแบบไร้เหตุผล ก็เลยไม่ได้ซื้อ ชอคโกแลตหน้าปูตินก็แพง อันที่พยายามหาซื้อแต่หาไม่เจอคือ ลูกอมวอดก้า

เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็เป็นที่นิยมโดยเฉพาะวอดก้า มีหลากหลายยี่ห้อ ถ้าชอบก็หิ้วมาได้ แต่เขามีจำกัดปริมาณการนำเข้าแค่ 1 ลิตรต่อคนด้วยนะ ระวังศุลกากรจับนะ เดี๋ยวนี้เขามีเครื่องสแกนทุกกระเป๋าแล้ว ไม่ได้สุ่ม เราซื้อมาแต่เบียร์ เท่าที่ชิมมั่วๆหลายยี่ห้อก็อร่อยดีโดยเฉพาะเบียร์ดำ และในแต่ละท้องถิ่นก็จะมีเบียร์ประจำถิ่นด้วย ลองถามไกด์ดู

เนื่องจากรัสเซียตอนเหนือติดทะเล อาหารทะเลจึงเป็นของฝากอีกอย่างที่เห็นขายในสนามบิน ครั้นจะแบกปลากลับมาก็ไม่ได้ติดอกติดใจขนาดนั้น กลับมากินปลาสลิดบางบ่อบ้านเราดีกว่า นอกจากปลาแล้วก็มีคาเวียร์ที่มันราคาถูกเมื่อเทียบกับที่เห็นในไทย แต่เราไม่เคยกิน ก็ไม่รู้ว่ามันอร่อยเท่ายี่ห้อดังๆของยุโรปหรือเปล่า แต่ใครอยากซื้อของหรูๆมาฝากเพื่อนก็จัดมาได้แถบมูร์มันสค์มีขายเยอะแยะ

ส่วนของแบรนด์เนมนี่ไม่ได้ดูเลย เอาเป็นเสื้อผ้าที่เจอ พวกเครื่องกันหนาวทั่วไปราคาดี คุณภาพดี ใครเที่ยวเมืองหนาวบ่อยๆ ซื้อได้เลย ถ้าเอาเป็นแบรนด์ที่เจอคือ Columbia ราคาถูกมาก ซื้อได้มีร้านเปิดขายทั่วไปเลย

สรุปแล้วเที่ยวรัสเซียเอง เที่ยวได้ไม่ยากมากนัก แค่หาข้อมูลไปเยอะๆ ระวังความปลอดภัยตัวเอง ไม่เดินที่เปลี่ยว ไม่สะพายกระเป๋าด้านหลัง กระเป๋าเงินพกด้านหน้า ระวังคนล้วงกระเป๋า ไม่ตั้งขาตั้งกล้องไกลตัว ไม่โบกเรียกแท็กซี่ตามข้างทางให้ใช้แอพเรียกเท่านั้น ก็เที่ยวได้สบายๆแล้ว

เที่ยวใกล้ขั้วโลกที่มูร์มันสค์

Murmansk and around, Russia

Apr. 2023

จากมอสโกเมืองหลวงขึ้นไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ 1,900 กม. ถ้านั่งรถไฟก็ใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนกว่าจะถึง เราเลือกนั่งเครื่องภายในประเทศ ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. จากมอสโกก็มาถึงสนามบินเล็กๆของเมืองมูมันสค์ จากอุณหภูมิหนาวน้อยๆ 10°C ที่มอสโก มาเจอกับอุณหภูมิติดลบ มีร่องรอยหิมะให้เห็นตั้งแต่สนามบิน พวกเราจะเที่ยวในแถบนี้ 4 วัน 4 คืน พักอยู่ที่ตัวเมืองมูร์มันสค์ ออกเที่ยวเมืองรอบๆในช่วงกลางวัน แล้วออกล่าแสงเหนือในช่วงกลางคืน >> อ่านเรื่องล่าแสงเหนือที่มูร์มันส์ <<

การมาดูแสงเหนือใช้เวลาแต่ช่วงกลางคืน ช่วงกลางวันก็เลือกได้เลยว่าอยากทำอะไร บางคนอาจจะเหนื่อย ง่วงนอน ไม่อยากทำอะไร แค่อยู่ในเมืองเที่ยวเล่น ชมวิว อะไรไปก็ได้ แต่ไหนๆมาไกลขนาดนี้แล้ว เราก็เลยเลือกซื้อทัวร์แบบเต็มๆไปเลย คือกลางวันเที่ยว กลางคืนล่าแสงเหนือ ขอบอกว่าเหนื่อยและง่วงมาก แต่คิดว่าคุ้มค่าตั๋วเครื่องบิน ไว้กลับไปนอนที่บ้าน

โปรแกรมเที่ยว 4 วันที่เราเลือก เป็นมาตรฐานทั่วไป คือ City tour Murmansk / Khibiny Mt. / Teriberka / Sami Village แต่ถ้าใครไม่อยากเที่ยวทุกวันก็เลือกซื้อเอาได้ มีแบบ Day tour ให้เลือกหลายอย่าง ถ้าพลังเยอะ จะเลือกแบบไปเล่นสกี ไปปีนเขาก็ยังได้นะ ลองสอบถามโปรแกรมจากบริษัททัวร์ดูได้

Day tour – 1 เที่ยวเมืองมูร์มันสค์

Murmansk City | Му́рманск

มูร์มันสค์ หรือ เมอร์มันสค์ เป็นเมืองท่าสำคัญทางตอนเหนือของรัสเซีย บริเวณคาบสมุทรโคล่า (Kola Peninsula) บางคนให้ฉายาว่าเป็นเหมืองหลวงแห่งอาร์คติค เพราะมีทางออกสู่มหาสมุทรอาร์คติค (Arctic Ocean) ก่อนมาเรานึกภาพว่าเป็นเมืองบ้านนอกเล็กๆ แต่ความจริงแล้วมูร์มันสค์เป็นเมืองอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ มีท่าเรือน้ำลึกที่มีเรือตัดน้ำแข็งสามารถตัดน้ำแข็งแล่นไปถึงขั้วโลกเหนือได้ภายใน 4 วัน

มูร์มันสค์เป็นเมืองสำคัญของรัสเซียในเขตอาร์คติคโซน มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ลอยน้ำแห่งแรกของโลกที่ทำพิธีเปิดไปเมื่อปี 1997 และเรือตัดน้ำแข็งที่ใช้พลังงานนิวเคลียร์ลำแรกของโลกก็อยู่ที่นี่ด้วย

ที่เที่ยวในตัวเมืองมูร์มันสค์มีไม่มากมายนัก ส่วนมากเป็นอนุสาวรีย์ที่สร้างเป็นที่ระลึกให้กับนักเดินเรือ ให้วีรบุรุษจากสงคราม และจุดชมวิวสวยๆ เวลาที่เหลือเดินเล่นในตัวเมือง เข้าร้านค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ไปช้อปปิ้งใน Murmansk Mall ที่ใหญ่โตเท่าห้างใหญ่กลางเมืองบ้านเราก็ยังได้

Alyosha | Алёша

“Alyosha Monument” อนุสาวรีย์ที่สูงที่สุดในรัสเซีย สร้างอยู่บนเนินเขาริมอ่าวโคล่า สูง 35.5 ม. หนัก 5,000 ตัน สร้างอุทิศให้ทหารในกองทัพโซเวียตที่สามารถตรึงกองกำลังกองทัพเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่ 2 ไว้ได้ ขึ้นมาบนนี้จะมองเห็นเวิ้งอ่าวโคล่า | Kola Bay ได้มุมมองสวยงาม

ชมอนุสาวรีย์แล้วก็ชมวิวอ่าว Kola Bay กับท่าเรือขนาดใหญ่ด้านล่าง

Lake Semyonovskoye | Семеновское озеро ทะเลสาบกลางเมืองยังคงเป็นน้ำแข็ง มองจากบนเนินเขา

Nuclear-Powered icebreaker “Lenin” | “Ленин”

ความภาคภูมิใจของรัสเซียอย่างหนึ่งคือ เรือตัดน้ำแข็งพลังงานนิวเคลียร์ ที่สร้างได้เป็นลำแรกของโลก แถมเป็นครั้งแรกที่นำเอาพลังงานนิวเคลียร์มาใช้ในการผลิตพลังงานขับเคลื่อน (ไม่ใช่เอามายิงน้ำแข็งนะ) แล้วเสร็จใช้งานในปี 1959 หลังจบสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่นาน โดย โจเซฟ สตาลิน ตั้งชื่อเรือว่า “เลนิน” เพื่อเป็นเกียรติแก่ วลาดิเมียร์ เลนิน เรือเลนินใช้งานอยู่ร่วม 30 ปี จนปลดระวางมาจอดทำเป็นพิพิธภัณฑ์ให้คนได้เข้าชม

ธรรมเนียมการคล้องกุญแจมีทั่วโลก

ตามที่เล่าไว้แล้วว่า ทางตอนเหนือของรัสเซียติดกับมหาสมุทรอาร์คติค ซึ่งฤดูหนาวน้ำจะกลายเป็นน้ำแข็ง ทำให้ไม่สามารถเดินเรือได้ สหภาพโซเวียต(ในตอนนั้น)จึงคิดสร้างเรือตัดน้ำแข็ง ใช้เทคโนโลยี่สุดล้ำ วัสดุแข็งแรงพิเศษ และใช้พลังงานขับเคลื่อนจากนิวเคลียร์ที่มากเพียงพอให้เรือเคลื่อนไปและทำให้แผ่นน้ำแข็งแตกออกได้ เป็นการนำร่องให้เรือต่างๆ ล่องตามไปได้ (บนเรือมีไกด์รัสเซียอธิบายภาษารัสเซียน้ำไหลไฟดับ แล้วไกดฺอดัมมาเล่าต่อเป็นภาษาอังกฤษ ก็จับใจความได้ประมาณนี้นะ) ตอนที่สร้างเรือยังเป็นยุครุ่งเรืองของสพภาพโซเวียต สิ่งที่สร้างจึงต้องยิ่งใหญ่หรูหรา ดังนั้นเรือเลนิน นอกจากประสิทธิภาพสูงแล้วยังตกแต่งด้านในสวยเหมือนเรือสำราญ พื้นผนังเป็นไม้สวยงาม นอกเหนือจากห้องทั่วไป อย่างห้องอาหาร ห้องประชุม ห้องทำฟัน ห้องพยาบาล ไปถึงห้องผ่าตัด แล้วยังก็มีห้องดนตรี ห้องเต้นรำ ห้องหนังสือด้วย

Monument of Kursk submarine | Рубка атомной подводной лодки “Курск”

อนุสรณ์สถานที่ทำไว้ให้ระลึกถึงเหตุการณ์เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ 141-Kursk เกิดอุบัติเหตุจมลงในปี 2000 ทำให้ลูกเรือ 118 ชีวิตตายทั้งหมด มีชิ้นส่วนเรือดำน้ำของจริงมาวางไว้เป็นอนุสรณ์ ขึ้นเนินไปอีกหน่อยจะเป็น Church of the Saviour on the Waters | Cerkov Spasa na vodah สีขาวโคมทอง นอกจากอนุสรณ์สถานกับโบสถ์แล้วยังมีประภาคารกับสมอเรือของจริงวางอยู่ตรงจุดชมวิวเมืองมูร์มันสค์ด้วย

Monument of Kursk submarine | Рубка атомной подводной лодки “Курск” & Church of the Saviour on the Waters | Cerkov Spasa na vodah

Yakor’ | якорь

View Point & Monument women awaiting her husband | Skul’ptura Zhdushchaya

อดัมพาแวะอีกจุด ที่เป็นจุดชมวิว มีรูปปั้นหญิงสาวยืนโบกหันหน้าออกไปที่อ่าว อดัมเล่าว่ารูปปั้นนี้คือสัญญลักษณ์ของภรรยาที่มายืนคอยสามี เมื่อสามีกลับเข้าฝั่งก็จะต้องเห็นภรรยามาคอยรับ ใครไม่เห็นภรรยามารอรับครอบครัวต้องมีปัญหาแน่ๆ ทำนองนั้น

It was said that if a sailor went to sea, and there was no girl waiting for him to return, that he probably would not return!

Skul’ptura Zhdushchaya | Скульптура ждущая

จุดชมวิวอ่าวโคล่า

Tree of Love ที่อดัมบอกว่าใครก็ทำใบไม้สลักชื่อมาแขวนได้ พัฒนาไปกว่าการคล้องกุญแจ

จุดท่องเที่ยวในเมืองมูมันสค์มีไม่มากมายอะไร บ่ายแก่ๆก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน เพื่อรอออกล่าแสงเหนือตอนกลางคืน ใครอยากไปเดินเล่นก็เดินได้ อยากช้อปปิ้งก็ไป Murmansk Mall ที่ใหญ่โตอย่างคาดไม่ถึง ร้านแบรนด์เนมก็มี ร้านกาแฟก็เยอะ ร้านอุปกรณ์กันหนาวยี่ห้อดังก็มีราคาถูกด้วย

ตอนเย็นเราเดินไปทานร้านอาหารชื่อดังของเมือง Тундра, Grill & Bar ที่หลายๆคนแนะนำ เมนูแนะนำคือสเต็ก และอาหารทะเล อย่าง King Crab หอย กุ้ง ปลา เทียบกับคุณภาพแล้วราคาไม่แพงเลย ความยากลำบากอยู่ที่การสั่งอาหาร เพราะสื่อสารกันยากเพราะไม่มีพนักงานพูดอังกฤษได้เลย แต่น้องน่ารักมาก ต่างคนก็ Google Translate กันไปมา กว่าจะสั่งได้ มึนไปตามๆกัน แต่อร่อยคุ้มค่า แนะนำเลยร้านนี้

จากที่พักไปร้านอาหาร 1 กม.กว่าๆ ก็เดินไป ถือว่าชมเมือง หิมะเริ่มละลายแล้ว อากาศไม่หนาวจัดก็เดินได้สบายๆ ถ้าหนาวจัดคงเดินไม่ไหว

Тундра, Grill & Bar : แนะนำให้โทรจอง เพราะคนจองเต็มตลอด ไปเลยก็ได้แต่ต้องรอโต๊ะ วันนี้พวกเรามากัน 6 คน รอโต๊ะไป 40 นาที แต่ก็คุ้มค่าแก่การรอ สั่งอาหารกันหลายอย่าง รูปถ่ายมีไม่ครบ King Crab สั่ง 2 set แถม Wine แดงอีก 1 ขวด คิดเงินมาตามรูป หารกันแล้ว ถือว่าไม่แพง เมื่อเทียบกับคุณภาพและความอร่อย ซึ่งอร่อยทุกอย่างจริงๆ

Day tour – 2 เทอร์ริเบอร์กาประตูสู่อาร์คติค

Teriberka | Тери́берка

Day trip อีกวันที่ต้องนั่งรถออกจากตัวเมืองมูร์มันสค์ไป 140 กม.ไปหมู่บ้านชาวประมงทางเหนือขึ้นไปอีก เทอร์ริเบอร์กาตั้งอยู่ริม Barents Sea และเชื่อมต่อกับ Arctic Ocean ต้องนั่งรถราว 2 ชม.กว่าๆ ระหว่างทางไกด์จอดรถให้ลงไปลุยหิมะข้างทางกันได้ตามแต่จะบอก ชอบตรงไหนจอดตรงนั้น เพิ่งเคยเจอหิมะสูงเป็นเมตร จากที่รถกวาดหิมะลุยเปิดทางถนนไว้ให้ ต้องปีนกำแพงหิมะกันขึ้นไป แถบนี้ในฤดูร้อนจะเป็นทุ่งหญ้าทุนดร้า หญ้าที่เป็นอาหารโปรดของกวางเรนเดียร์ ตอนนี้มีแต่หิมะสุดลูกหูลูกตา ในเมืองมูร์มันสค์เริ่มละลายแล้ว แต่แถบนี้ยังไม่ละลาย

ไกด์เดนิสสุดหล่อเป็นคนขับรถพาเราเที่ยววันนี้

ก่อนถึงตัวหมู่บ้าน ถนนแย่สุดๆ

Teriberka เมืองเก่าแก่ย้อนไปได้ร้อยกว่าปี เป็นเมืองเล็กๆที่น่ารักมากมาย บ้านชาวประมงแต่ละหลังน่าจะจมหิมะในช่วงหน้าหนาว ตอนนี้ก็ยังมีหิมะล้อมบ้านอยู่ เข้าไปเดินเยี่ยมชมนิดๆหน่อยๆ แล้วทานอาหารกลางวันที่ร้านบรรยากาศดีอาหารอร่อย ประทับใจ อยากมานอนที่เมืองนี้สักคืน ถ้าถ่ายรูปแสงเหนือที่นี่น่าจะได้ฉากสวยๆกับกระท่อมเหมือนแถบไอซ์แลนด์ได้เหมือนกัน

ร้านอาหารที่บรรยากาศก็ดี อาหารก็อร่อย

กิจกรรมที่คนมาถึง Teriberka ควรต้องทำคือการไปเที่ยว Teriberka Nature Park ต้องนั่งรถออกจากหมู่บ้านไปอีกหน่อย แล้วไปนั่งรถลาก ที่มี Snow Mobile ลากผ่านทุ่งกว้างที่หิมะขาวโพลนกับทะเลสาบที่ยังเป็นน้ำแข็งอยู่ หนาวจนแก้มตึงแต่ประทับใจมาก นั่งไปสักพักจอดแล้วลงเดินอีกไม่ไกลเพื่อไปตรงหน้าผาที่เดนิสชี้ให้ดูว่ามีน้ำตกชื่อ Battery fall อยู่ตรงนี้ เป็นน้ำจากทะเลสาบ Battery Lake ไหลมาลง Barents Sea แล้วไหลไปลงมหาสมุทรอาร์คติคอีกที แต่ตอนนี้เห็นเป็นน้ำแข็งและทะเลสาบนั้นคือพื้นที่พวกเราเดินกันมานั่นแหละ ถามว่าปลอดภัยที่จะเดินมั๊ย คือระบบเขาค่อนข้างดี มีเจ้าหน้าที่คอยสกีเพื่อตรวจสอบความแข็งของผืนน้ำแข็งตลอดเวลา

Battery Lake ทะเลสาบน้ำแข็งที่เราต้องเดินผ่าน

Battery fall วันนี้มีแต่น้ำแข็ง

Stone Beach : ขากลับรถแวะให้พวกเราลงไปชมหาดหินกลม ที่ไกด์บอกว่ามันชื่อ Dragon Egg Beach สวยแปลกตาดี สมชื่อไข่มังกร แต่ลมแรงมาก หนาวจนมือแข็งเลย

กลับเข้าเมืองมาชมวิว ชมหาด แวะร้านคาเฟ๋ที่ตกใจมากว่าเมืองเล็กๆแค่ 20 ครัวเรือนแต่มีร้านใหญ่ๆสวยเก๋แบบนี้ด้วย เดนิสว่าคนมาเที่ยวที่นี่กันเยอะ บางคนมาปีนเขา บางคนมาล่องเรือ มาดำน้ำ มาตกปลา มาสกี อีกกิจกรรมคือมาดูวาฬ แถบนี้มีวาฬให้ได้เห็นบ่อยมาก บางทียืนอยู่บนฝั่งก็เห็นได้ด้วยซ้ำ ไกด์บอก

Cedar Grass คาเฟ่สุดเก๋วิวสวยของที่พักชื่อเดียวกัน

Graveyard of Ship

เมืองเล็กๆอย่าง Teriberka ยังมีแบ่งเป็นย่านเมืองเก่ากับเมืองใหม่ Staraya Teriberka เป็นย่านเมืองเก่า มีบ้านไม้ ท่าเรือ ยุคดั้งเดิม ส่วน Lodeynoye เป็นย่านเมืองใหม่ที่มีอาคารที่สร้างยุคโซเวียตเพิ่มขึ้นมา

Peschanyy Plyazh หาดทรายที่ทรายไม่สวยเหมือนบ้านเรา แต่บรรยากาศก็ดี มาเดินเล่นถ่ายรูปได้

Day tour – 3 เทือกเขาคิบินี่เมืองแห่งสกีรีสอร์ท

Khibiny Mt. | Хиби́ны in Kirovsk | Кировск

วันที่ 3 ไกด์อดัมกลับมาเป็นคนพาพวกเราเที่ยววันนี้ ออกจากมูร์มันสค์ลงใต้ 215 กม. มาที่เมืองคิรอฟ | Kirovsk เมืองอุตสาหกรรมเหมืองแร่ของรัสเซีย เป้าหมายคือเลยออกนอกเมืองไปที่ยอดเขาคิบินี่ | Khibiny ยอดเขาที่สูงที่สุดในแคว้นมูมันสค์

ระหว่างทางไป คุยกับไกด์อดัมว่าพวกเราอยากเห็นคนตกปลาในน้ำแข็ง ถ้าเจอให้แวะพาดูหน่อย อดัมก็พาแวะทะเลสาบข้างทาง มีคนมาเจาะรูแล้วตกปลากันเยอะเลย

ใช้เวลา 2 ชม.ก็มาถึงเมืองคืรอฟ ดูเป็นเมืองใหญ่พอสมควร ผู้คนคึกคักมาก เพราะวันที่ไปเป็นวันเสาร์ อดัมบอกว่าคนขับรถมาสกีรีสอร์ทกันเยอะ

นักท่องเที่ยวส่วนมากมาที่เทือกเขา Khibiny เพื่อกิจกรรมฤดูหนาว ที่นี่มีสกีรีสอร์ทดีๆหลายที่ ไกด์อดัมพาเราไปแวะสกีรีสอร์ท แล้วนั่งกระเช้าขึ้นไปด้านบนเพื่อชมวิว ได้เห็นคนรัสเซียมาสกีกันเยอะมาก เพราะอากาศดี ไม่หนาวมากแต่หิมะยังเยอะ ด้านล่างมีลานดนตรี สกีเสร็จก็มานั่งจิบเครื่องดื่มฟังเพลง เพลิดเพลินน่าอิจฉามากๆ

นั่งกะเช้าขึ้นมาข้างบนมีร้านอาหารนะ ซื้อเครื่องดื่ม เอามาจิบชมวิวได้

ปีนต่ออีกหน่อยขึ้นยอดสูงสุด วิวแจ่มใช้ได้เลย

Snow Village

จุดท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวนิยมไปอีกจุดคือ หมู่บ้านหิมะ ที่สร้างจากหิมะและน้ำแข็ง ชื่อหมู่บ้านแต่ความจริงเป็นเหมือนอุโมง ที่สร้างเป็นห้องต่างๆ ตกแต่งด้วยหิมะกับน้ำแข็งสลัก อารมณ์เหมือนน้ำแข็งสลักงานแต่งงานแต่เยอะและสวยกว่า มีส่วนที่เป็นห้องโถงมีบาร์เครื่องดื่มยาวๆ ที่สามารถมาเช่าจัดเลี้ยงได้ด้วย

หมู่บ้านหิมะที่นี่ได้บันทึกใน The Russian Record Book ว่าเป็นหมู่บ้านที่สร้างจากหิมะใหญ่ที่สุด (ในไหนก็ไม่รู้) แต่ละปีก็จะสร้างออกมาไม่เหมือนกัน ใกล้หน้าร้อนแล้วอีกไม่นานก็จะละลายไปหมด รอสร้างใหม่ปีหน้า

ดู Snow Village แล้ว อดัมก็พาพวกเรานั่ง Snow Bus ฮีเรียกงั้น เพราะเป็นเหมือนรถบัสที่ลากโดยรถตีนตะขาบ พาเข้าไปชมวิวด้านใน ก็สวยงามพอสมควร จอดให้ลงไปเดินเล่น ไปถ่ายรูป ไปกลิ้งเกลือกกับหิมะ 2-3 จุด

Snow bus ที่อดัมบอกหน้าตาแบบนี้ นั่งชมวิวเพลินๆไป

ไกด์ดูรื่นเริงกว่าพวกเราอีกนะเนี่ย แต่อากาศมันดีจริงๆ มีแดดอุ่น แต่ยังมีหิมะได้ลุย

รถมาจอดให้ดูอะไรเหมือนจอมปลวก เฉลยคือ น้ำพุ มันคือน้ำที่พุ่งออกมาแต่มันแข็งกลายเป็นภูเขาเล็กๆ แปลกดี

ไอ้หนูนี่พยายามจะกินน้ำพุ

นอกจากนั่ง Snow bus แล้ว ยังมีเครื่องเล่นอื่นๆให้เล่นอีก อย่างนั่งเรือกล้วยลุยหิมะ หรือนั่งห่วงยางที่เรียกว่า Inflatable Sledge ทุกอย่างนั่นต้องจ่ายเพิ่มเอาถ้าจะขี่ Snow Mobile ต้องแจ้งล่วงหน้า ต้องจองมาก่อน พวกเราก็เลยอด

Day tour – 4 เยี่ยมเยือนหมู่บ้านชนเผ่า

Sami Village | Sam-syit at Lovozero | Лово́зеро

วันสุดท้ายในมูร์มันสค์ เที่ยวแบบชิลๆ ไกด์อดัมเป็นคนพาทัวร์ พวกเราต้องออกจากตัวเมืองมูร์มันสค์ไปเมือง Lovozero เมืองที่ได้ชื่อว่า เมืองหลวงของแลปแลนด์แห่งรัสเซีย เพื่อไปทำความรู้จักชนเผ่าดั้งเดิมในพื้นที่คือชาวซามี่ | Samii ซึ่งใช้ชีวิตอยู่ในแลปแลนด์มาหลายร้อยปีแล้ว อาศัยอยู่ในกระโจม เรียกว่า Lavvu มีการย้ายถิ่นฐานไปเรื่อยๆในแถบเหนือของยุโรป โดยปกติชาวซามีก็ยิงนก ตกปลา เก็บผลไม้ มาเลี้ยงชีพ และเลี้ยงกวางเรนเดียร์กันเหมือนคนไทยเลี้ยงวัวเลี้ยงควาย จะฆ่ามันเมื่อต้องการใช้ประโยชน์ หนังมาทำเสื้อผ้าเครื่องใช้ เขากวางเอามาทำเครื่องใช้ ทำอาวุธ เนื้อเอามากิน

ชีวิตชาวซามี่เปลี่ยนไปเมื่อมีการเข้ามาของชาวเมือง ทั้งนอรเวย์ สวีเดน ฟินแลนด์ และรัสเซีย เทียบเคียงได้กับอินเดียนแดงที่อยู่ดีๆก็โดนยึดพื้นที่ แล้วจัดสรรที่อยู่ให้อย่างจำกัด ชีวิตของชาวซามีเปลี่ยนไปกลายเป็นชนกลุ่มน้อยในพื้นที่ดั้งเดิมของตัวเอง

วัฒนธรรมและประเพณีของชาวซามีค่อยๆเลือนหายไป เด็กๆโดนบังคับให้เข้าโรงเรียน ไม่ให้ใช้ภาษาท้องถิ่น เทคนิคการเลี้ยงการล่าเรนเดียร์ก็ไม่ได้สืบทอดกันอีกต่อไป ชาวซามีจึงก่อตั้ง Sami Village เพื่อให้วัฒนธรรมประเพณียังคงอยู่ เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเรียนรู้วิถีชีวิตดั้งเดิม

Lavvu บ้านแบบกระโจมของชาวซามี่

คุณลุงที่เห็นหน้าทุกเวปแนะนำเที่ยวหมู่บ้านซามี่ อดัมบอกว่าลุงเป็นเจ้าของที่นี่ด้วย ในวันที่นักท่องเที่ยวน้อยลุงลงมาทำเองทุกอย่าง ลุงก็เริ่มจากมาเล่าอะไรยาวยืดฟังไม่รู้เรื่อง อดัมสรุปให้ฟังคร่าวๆว่าอธิบายการใช้ชัวิตของชาวซามี่ แนะนำข้าวของเครื่องใช้

มีชุดชนเผ่าซามี่ให้ใส่เล่นกัน ลองดมดูกับดูความสะอาดแล้วพอได้ก็เลยใส่สักหน่อยให้เข้าบรรยากาศ

เสาอันนี้ อดัมบอกว่าให้เอาเหรียญไปอธิษฐานแล้วโยนไว้ที่โคนเสา โดย 4 เสาแรก แทนธาตุของแต่ละคน ดิน น้ำ ลม ไฟ นับจากวันเดือนปีเกิด ก็ต้องไปถามลุงเอาว่าใครธาตุอะไร ส่วนอีก 5 เสา แทนเรื่อง ความรัก โชคดี ร่ำรวย ความสุข สุขภาพ (ตามที่ลุงพูดเลยนะ ใช่ ลุงพูดภาษาไทย คนไทยน่าจะมาเยอะจริงแฮะ) จะอธิษฐานเรื่องอะไรก็ไปขอ

เด็กๆน่าจะชอบที่นี่เพราะมีกิจกรรม ให้อาหารกระต่าย มีไปเล่นกับฮัสกี้ และให้อาหารกวางเรนเดียร์

พวกนี้เป็นกระต่ายป่า ขนจะไม่เหมือนกระต่ายเลี้ยงในบ้านเรา

เจ้าฮัสกี้น่ารัก แต่โดนล่ามไว้ ไม่ได้นั่งฮัสกี้ลากเลื่อน ลุงบอกว่าหิมะน้อยเกินไป (ทำไมก็ไม่รู้)

เดินต่อไปที่บริเวณเลี้ยงกวางเรนเดียร์ มองไปรอบแรกนึกว่าฝูงวัว เพราะมีแต่เขาปุ่มๆ เพิ่งจะรู้ว่าเรนเดียร์จะผลัดเขาทุกปี เขาจะงอกขึ้นเรื่อยๆแล้วแผ่กิ่งสวยเอาช่วงหน้าหนาวปลายๆปี พร้อมพาซานต้าไปส่งของขวัญทั่วโลก

เรนเดียร์ไม่มีเขามันคือวัวชัดๆ

ลุงเอาหญ้าทุนดร้ามาแจก ให้ป้อนเรนเดียร์ หญ้าทุนดร้าเป็นหญ้าชนิดพิเศษเกิดในภูมิประเทศเฉพาะที่เรียกว่าทุ่งทุนดร้า เป็นหญ้าที่เรนเดียร์ชอบ ชาวซามีจะเก็บหญ้าจากตอนฤดูร้อนไว้เป็นอาหารเรนเดียร์ในช่วงฤดูหนาวที่ทุ่งหญ้าจมหิมะหมด

อาหารเที่ยงรวมในค่าเข้าแล้ว มื้อนี้มีซุปปลา เนื้อกวางเรนเดียร์ผัด กินกับช้าว รู้สึกแปลกพิลึก เพิ่งให้อาหารกันมาหมาดๆ มากินกันซะแล้ว

ช่วงบ่ายลุงแนะนำการละเล่นของชาวซามี่คือการโยนห่วง เป็นกีฬาสำหรับผู้หญิง เถาวัลย์มัดเป็นห่วงโยนให้เข้าเป้า 5 ครั้ง เข้ากี่ครั้งก็จะบอกว่าผู้หญิงคนนี้เป็นอย่างไร เช่น ทำอาหารเก่ง ทำงานบ้านเก่ง อะไรแบบนี้ ซึ่งเรานั้นไม่เข้าเลย เหอๆ ส้วนผู้ชายเป็นการโยนบ่วงเชือก 5 ครั้งเหมือนกัน

กิจกรรมสุดท้ายน่าจะสนุกสุด คือการนั่งลากเลื่อนโดยเรนเดียร์ ตอนแรกที่รู้ว่าจะได้นั่งลากเลื่อนนึกว่าจะลากเข้าไปในป่า แต่ความจริงแล้วเป็นสนามพาวิ่งวนเป็นรอบๆ อารมณ์เหมือนนั่งรถแข่งในสนามพัทยาเซอร์กิต ลุงเป็นคนบังคับเรนเดียร์เอง ยิ่งพวกเรากรี๊ด ลุงยิ่งเร่งให้เรนเดียร์วิ่งเร็วเพิ่มไปอีก เข้าโค้งทีตัวแทบหลุดออกจากลากเลื่อน กวางเรนเดียร์นี่วิ่งเร็วกว่าที่คิดจริงๆ ลุงน่าจะชอบพวกเรา ปกติวิ่งกันคนละ 3 รอบ ลุงแถมให้พวกเราเป็น 4 รอบ ยังไม่หมดแค่นี้ มีนั่งเรือกล้วยยอดนิยมอีกคนละ 3 รอบ ลุงขับ Snow mobile ให้อีกเช่นเคย ซิ่งสุดๆเช่นเคยด้วย

จบกิจกรรม Day trip วันที่ 4 อดัมจะไปส่งพวกเราที่สนามบินเพื่อบินกลับมอสโกเย็นนี้เลย ระหว่างทาง อดัมภูมิใจนำเสนอสำธารสวยๆให้พวกเราลงไปถ่ายรูป ฮีว่าฮีเคยมาจอดแวะฉี่ แล้วเห็นว่าวิวสวยจังวุ้ย ฮา…..

ลุยหิมะกันเป็นการสั่งลา

สนามบินมูร์มันส์ เป็นสนามบินเล็กๆ แต่ผู้คนเดินทางเยอะคึกคักมาก มีร้านขายของที่ระลึก ของฝากอยู่พอสมควร ร้านกาแฟก็พอมีแต่มีตู้กดกาแฟ (เต่าบินรัสเซีย) หลายตู้มากไม่ต้องกลัวอด แต่มีโรงอาหารที่เดียวด้านใน จบทริปแสนเหนื่อย แต่สนุกสุดคุ้ม

OTOP Murmansk ปลาและคาเวียร์

กลับถึงมอสโกมืดๆ นอน 1 คืน แล้วรุ่งขึ้นเก็บตกมอสโกอีก 1 วัน ก่อนจะบินกลับไทยด้วยสายการบิน Oman Air เที่ยวห้าทุ่มกว่า สรุปว่าได้เที่ยวมอสโกวันแรกกับวันสุดท้ายรวม 2 วัน อ่านเรื่อง >> 2 Days in Moscow <<

ตามล่าหาแสงเหนือที่มูร์มันสค์

Aurora Hunting in Murmansk, Russia

Mid Apr. 2023

จากมอสโกเมืองหลวงขึ้นไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ 1,900 กม. ถ้านั่งรถไฟก็ใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนกว่าจะถึง เราเลือกนั่งเครื่องภายในประเทศ ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. จากมอสโกก็มาถึงสนามบินเล็กๆของเมืองมูมันสค์ จากอุณหภูมิหนาวน้อยๆ 10°C ที่มอสโก มาเจอกับอุณหภูมิติดลบ มีร่องรอยหิมะให้เห็นตั้งแต่สนามบิน พวกเราจะเที่ยวในแถบนี้ 4 วัน 4 คืน พักอยู่ที่ตัวเมืองมูร์มันสค์ ออกเที่ยวเมืองรอบๆในช่วงกลางวัน แล้วออกล่าแสงเหนือในช่วงกลางคืน

ตามล่าหาแสงเหนือ | Aurora Hunting

ภาพแสงสีเขียวมลังเมลืองบนท้องฟ้ายามค่ำคืน เป็นภาพที่คนอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตรอย่างเราๆ ไม่มีโอกาสจะได้เห็นกับตา ถ้าไม่ขวนขวายตะเกียกตะกายเดินทางไปให้ใกล้ขั้วโลก เพราะ Aurora เป็นปรากฏารณ์ธรรมชาติ มีความเกี่ยวเนื่องกับแนวขั้วโลก ดังนั้นจะพบเห็นแสงได้ในบริเวณแถบขั้วโลก ถ้าใกล้ขั้วโลกเหนือ ก็เรียกแสงเหนือ ถ้าใกล้ขั้วโลกใต้ก็เป็น แสงใต้ ตรงๆตัวเลย แต่ที่คนออกตามล่า(ดู)แสงเหนือกัน เพราะมีพื้นที่อยู่อาศัยอยู่ใกล้แถบขั้วโลกเหนือให้ไปเที่ยวกันได้ เช่น ไอซ์แลนด์ ประเทศยอดนิยมในการดูแสงเหนือ หรือ สวีเดน ฟินแลนด์ และรัสเซียทางตอนเหนือ อย่างเมืองมูร์มันสค์ ที่เราไป ส่วนขั้วโลกใต้ ไม่มีพื้นที่อยู่อาศัยให้นักท่องเที่ยวไปเที่ยวกันก็เลยไม่มีใครได้ไปดูแสงใต้

แสงขั้วโลกเกิดจากอนุภาคพลังงานสูงซึ่งถูกปลดปล่อยจากดวงอาทิตย์ขณะที่กำลังหมุน อนุภาคเหล่านี้เคลื่อนที่มากับลมสุริยะ มุ่งหน้าเข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลก เนื่องจากสนามแม่เหล็กบนผิวโลก ในขณะที่อนุภาคเคลื่อนที่ผ่านชั้นบรรยากาศโลกที่ระดับความสูง 80-640 กิโลเมตรจากพื้นดิน จะชนกับโมเลกุลของก๊าซในชั้นบรรยากาศ และปลดปล่อยพลังงานออกมาในรูปของแสงที่ตามนุษย์มองเห็นได้

ที่มา : https://www.nstda.or.th/sci2pub/aurora-polaris/ (เพจสาระวิทย์อธิบายเข้าใจง่ายสุดแล้ว ถ้าอยากรู้ก็เข้าไปอ่าน)

เวปนี้ก็ดีแต่เป็นภาษาอังกฤษ https://capturetheatlas.com/what-are-the-northern-lights/ อธิบายละเอียดแต่เข้าใจได้

แสงเหนือมีหลายสี เขียว ชมพู แดง เหลือง ม่วง ขึ้นกับความสูงในการเกิดและความเข้มข้นของก๊าซไนโตรเจนและออกซิเจน สีที่เห็นกันบ่อยสุดก็คือ สีเขียว เป็นสีที่เกิดในช่วง 100-200 กม.จากพื้นโลก มีโมเลกุลของออกซิเจนเข้มข้น ถ้าเกิดในระยะมากกว่า 200 กม.ขึ้นไป ก็จะมีสีแดง เป็นต้น ใครเจอจังหวะที่ความเข้มแรง ได้เห็นหลายๆสี ก็ถือว่าโชคดีสุดๆ

บริเวณไหนที่สามารถเห็นแสงเหนือได้มาก

ชื่อว่าแสงเหนือ ประเทศที่มีโอกาสเห็นแสงเหนือก็ต้องอยู่ใกล้ขั้วโลกเหนือ เช่น ไอซ์แลนด์ ฟินแลนด์ สแกนดิเนเวีย โดยเฉพาะแถบแลปแลนด์ ทำความเข้าใจกันใหม่ก่อนว่า แลปแลนด์ | Lapland ไม่ได้อยู่ในประเทศฟินแลนด์ ต้องบอกว่าส่วนหนึ่งของฟินแลนด์อยู่ในเขตแลปแลนด์ต่างหาก เพราะแลปแลนด์เป็นเขตพื้นที่ในแถบยุโรปเหนือ ติดกับเขต Arctic circle ครอบคุลมพื้นที่ตอนเหนือของ นอรเวย์ สวีเดน ฟินแลนด์ และรัสเซีย เป็นที่อยู่อาศัยของชาวซามี่ | Sami ชนเผ่าดั้งเดิมในพื้นที่ แลปแลนด์มีภูมิประเทศเหมาะแก่การไปดูแสงเหนือ เราจึงเลือกไปที่ มูมันสค์ ทางตอนเหนือของรัสเซีย ด้วยเหตุผลง่ายๆคือ ค่าใช้จ่ายถูกกว่าที่อื่น

เราสามารถไปหาดูแสงเหนือเองได้ง่ายๆหรือไม่?

เคยอ่านเจอว่า แค่คุณโหลดแอพที่บอกค่า KP มา ว่าพื่นที่ๆจะไปที KP เท่าไหร่ ถ้า KP สูงๆ อย่าง 4-5 เราก็ไปได้เลย แค่เดินทางไปเมืองใกล้ๆขั้วโลกเหนือก็จะเห็นแสงเหนือ นั่นก็ไม่ถูกต้อง 100% ไม่แน่ว่าจะได้เห็น เพราะการจะเห็นแสงเหนือมีองค์ประกอบหลายอย่าง เช่น ทิศทาง ช่วงเวลา ทัศนวิสัย นอกจากนั้นต้องนึกถึงความปลอดภัยในจุดที่จะไปเฝ้าดูด้วย เพราะถ้าคุณอยู่ในเมืองที่มีแสงสว่างเยอะ ก็อาจจะมองไม่เห็น ความจริงแล้วแสงเหนือมีให้เห็นได้ตลอดเวลา เพียงแต่ช่วงกลางวันที่ฟ้าสว่างก็จะมองไม่เห็น เปรียบเทียบง่ายๆว่า คืนข้างขึ้นที่พระจันทร์สว่าง เราก็จะไม่เห็นดวงดาว ทั้งที่ดาวมันก็สว่างเหมือนเคยนั่นแหละ ดังนั้นคุณก็ต้องออกไปนอกตัวเมืองให้พ้นจากแสงสว่าง ความปลอดภัยจึงเป็นเรื่องสำคัญไม่น้อย

จะเห็นหรือไม่ อย่างน้อยควรได้ตามนี้

  1. สถานที่ : ใกล้ขั้วโลกเหนือ เช่น แถบแลปแลนด์ หรือยุโรปตอนเหนือ
  2. ช่วงเวลา : ประมาณ ตุลาคม-เมษายน คือช่วงฤดูหนาวที่มีกลางคืนนานกว่ากลางวัน จะมีช่วงเวลาให้เฝ้าดูได้นาน
  3. สภาพแวดล้อม : ท้องฟ้าเปิด และไม่มีแสงรบกวน จึงควรออกนอกตัวเมือง
  4. KP Index : เลือกช่วงที่ KP Index สูงๆ (ค่าบอกความเข้มของ aurora ในกรณีที่มองเห็น)
  5. บุญวาสนา และโชคชะตา

การถ่ายรูปแสงเหนือ

ไม่อยากเขียนเรื่องนี่เท่าไหร่นัก เพราะไม่มีความรู้เลย แต่ก็อ่านคำแนะนำจากหลายๆเวปและลองถ่ายออกมา ก็แค่พอใช้ได้ การตั้งค่ากล้องคือ ใช้ ISO 1600-3200 / Mode M / S 2”-4” / F กว้างสุดที่มี (ไม่ควรเกิน F4) และใช้ Manual Focus ซึ่งจะมองไม่เห็นและโฟกัสไม่ได้ หลายคนจึงแนะนำให้หมุนเลนส์ไปที่ infinity แต่มีเคล็ดนิดหน่อยว่าในอากาศหนาว ควรหมุนไว้ก่อน infinity หน่อยนึงเพราะในอากาศเย็นชิ้นเลนส์มันจะหดตัว (เขาว่างั้นนะ) ตั้งค่าแบบนี้เลย ไม่ต้องเข้าใจอะไรมาก กดชัตเตอร์ไปแล้วก็ดู ถ้ามันสว่างไปก็ลดเวลาถ่ายลงหน่อย ถ้ามืดไปก็เพิ่มเวลาขึ้นหน่อย แต่ยิ่งใช้เวลานาน แสงเหนือจะแผ่กระจาย ถ้าชอบแสงเหนือเป็นสายเป็นเส้นก็ใช้เวลาให้น้อยลง หรือจะปรับค่า ISO ก็ได้ ประมาณนั้น

ส่วนการถ่ายรูปแสงเหนือด้วยมือถือ ต้องใช้มือถือที่มีโหมด Pro และควรมีขาตั้งกล้อง ตั้งค่าคล้ายๆกล้อง ต้องทดลองดู หรือถ่ายเป็นคลิปก็ได้ถ้ามือถือเลนส์ดีๆ ถ่ายได้ในระดับน่าพอใจ

สิ่งที่ต้องเข้าใจอีกอย่างคือ เราจะไม่ได้เห็นแสงบนฟ้าสีเขียวมลังเมลืองเมื่อแหงนมองท้องฟ้า แต่จะเห็นเป็นแถบขาวๆเหมือนทางช้างเผือก แต่จะปรากฏเป็นสีในกล้องถ่ายรูป จึงต้องมีประสบการณ์ในการมองว่าตอนนี้มีแสงเหนือเกิด (หลังจากวันแรก เราก็พอมองออกแหละ) ยกเว้นว่าเจอแสงเหนือแบบ KP สูงมากๆ จะมองเห็นเป็นสีขึ้นบนฟ้าได้เลยเหมือนกัน

เราออกล่าแสงเหนือ 3 คืน ในแต่ละคืนดูค่า KP จากแอพแล้ว KP อยู่ประมาณ 2 – 3 – 4 ซึ่งไม่ได้เป็น KP index ที่สูงนัก ต้อง KP 4 หรือ 5 ถึงจะเรียกว่าค่าสูง ซึ่งแสงจะเข้มมาก น่าจะอลังการงานสร้างมาก ช่วงที่เราไปคือ ช่วงกลางเดือนเมษายน ถือว่าเป็นช่วงท้ายฤดูล่าแสงเหนือแล้ว เพราะกำลังจะเข้าฤดูใบไม้ผลิ และฤดูร้อนแล้ว พระอาทิตย์ตก 22:30 กว่าจะมืดสนิทก็ห้าทุ่มกว่า พอตี 2 แสงก็เริ่มมาแล้ว เหลือเวลาให้ล่าแสงเหนือไม่กี่ชั่วโมง แต่เราก็ได้เจอแสงเหนือทั้ง 3 คืน

1

คืนแรก เราออกกันตอน 23:00 มีสมาชิกทั้งคนไทยและรัสเซียรวม 7 คน นั่งรถจากตัวเมืองมูร์มังส์ไปนอกเมืองประมาณ 45 นาที ไกด์อดัมก็จอดรถ บอกว่าลงมารอดูได้แล้ว ไกด์อดัมก็อาศัยดูแอพและประสบการณ์ มีแสงเหนือออกมาพอสมควรเลย ถ่ายรูปกันสนุกสนาน ไกด์ถ่ายรูปลูกทัวร์กับแสงเหนือให้ด้วย คืนนี้ถือว่าโชคดี เจอเร็ว ออกเยอะ และแสงเข้มพอสมควร อากาศก็ชิลๆ -8°C แค่นั้นเอง – -“

ถ่ายภาพแสงเหนือครั้งแรกในชัวิต ตั้งค่าตามที่อ่านมานั่นแหละ แสงสีพอได้อยู่นะ แต่ความคมชัดยังไม่ดี กล้อง Nikon Zfc + Lens Zigma 10-20 mm. F 4-5.6 กล้องใหม่แต่เลนส์เก่ามาก มีแค่นี้แหละ

อยู่กันริมถนนแบบนี้เลย

มือถือสเปคต่ำสุด Iphone 12 mini ไม่มีโหมด pro ด้วยซ้ำ ถ่ายออกมาไม่เลวนะ (ไม่ได้ปรับแสงสีเพิ่ม)

รูปจากมือถือเพื่อนสเปคสูงกว่าของเรา Iphone 14 pro max ออกมาแสงสีสวยเลย

ฝีมือไกด์อดัม ถ่ายรูปให้ลูกทัวร์ทุกคน สาวรัสเซียนางสวยนะ แต่เบลอหน้าให้นางหน่อยกลัวโดน PDPA แหะๆ (Camera : Sony Alpha7S)

ไกด์อดัมกับชุดสะท้อนแสง ที่นึกว่ามาขุดถนน

2

คืนที่ 2 เปลี่ยนเป็นไกด์เดนิส มีสมาชิกไทยและรัสเซีย 8 คน เต็มรถตู้พอดี วันนี้ดวงไม่ค่อยดี วนหาอยู่นาน แสงไม่โผล่ นอนรอในรถกันจนหลับ ไกด์เดนนิสมาเรียกให้ลงไปดูตอนตี 1 กว่าเกือบตี 2 แล้ว และแสงออกน้อยมาก แต่มีจังหวะที่แสงเข้ม ออกสีชมพูม่วงแซมสีเขียวมาด้วย สวยอยู่เหมือนกัน แต่ถ่ายรูปกันได้ไม่นานเพราะใกล้สว่างแล้ว

รอนานจนหลับ ไกด์เดนิสมาปลุกตื่นมางัวเงียสุดๆ คว้าไอโฟนมาถ่าย จับสีได้บางๆ แต่มีสีม่วงอมชมพูด้วย

คืนที่ 2 นี่ออกน้อย แต่เราว่ามันก็สวยใช้ได้อยู่นะ

ไกด์เดนิสถ่ายรูปสวยมาก เสียดายว่าคืนที่ออกล่าแสง มันออกน้อยไปหน่อย แต่ไกด์มีความตั้งใจและความพยายามมาก ลูกทัวร์หลับเกลี้ยงเลย ไกด์เฝ้าแสงยันตี 2

3

คืนที่ 3 คืนสุดท้าย เหลือเรา 2 คนที่ออกล่าแสงเหนือ เราก็ไปกับไกด์อดัม ซึ่งอดัมบอกว่าเราเป็น 2 คนสุดท้ายของฤดูกาลเลย จากนี้เขาไม่เปิดทัวร์ดูแสงเหนือแล้วเพราะเหลือเวลากลางคืนน้อย จนกลัวว่าลูกทัวร์จะไม่เห็น เหลือแค่ 2 คนไกด์เลยเอารถส่วนตัวมารับตอนห้าทุ่ม ขับรถออกไปทางเดิมที่ไปวันแรก ไม่ถึงเที่ยงคืน อดัมก็ชี้ให้ดูว่าเจอแล้ว รีบเลี้ยวรถเข้าหาถนนเงียบๆ ลงรถแล้วแหงนหน้าดู โอ้โห… วันนี้แสงออกเต็มฟ้า ออกเยอะพาดข้ามหัวไปมา เยอะจนถ่ายรูปไม่ถูก ฝีมือก็ไม่มีเท่าไหร่ด้วย อดัมบอกว่าวันนี้ออโรร่าสวยมาก ทั้งไกด์ทั้งเราถ่ายรูปกันสนุกสนาน นับว่าเป็นการปิดฤดูกาลล่าแสงเหนือที่ดีของไกด์และของเรา คืนนี้แสงเหนือแรงและเยอะ จนสามารถเห็นได้จากในตัวเมือง อดัมเอารูปให้ดูว่ามีคนในเมืองถ่ายรูปจากคอนโดมาสีเขียวสวยเต็มฟ้าเลย

คืนที่ 3 แสงออกเข้มมาก จนแหงนหน้ามองเห็นสีเขียวบนฟ้าได้เลย มือถือถ่ายได้เข้มประมาณนี้เลย

คืนสุดท้ายประทับใจที่สุด รูปที่ถ่ายมาไม่สวยเท่าตาเห็น (ตั้งค่าเหมือนๆเดิมแหละ แอบคิดว่าถ่ายเก่งขึ้น หรือเพราะมันออกเยอะเลยถ่ายง่ายก็ไม่รู้)

ไกด์อดัม ขยันขันแข็งในการถ่ายรูปให้เราเหมือนเดิม ยิ่งไปกันแค่ 2 คน ฮียิ่งถ่ายให้อย่างสนุกสนาน แค่ถ่ายรูปแสงเหนือเรายังไม่ค่อยได้เรื่องเลย ให้ถ่ายรูปคนกับแสงเหนือยิ่งไปกันใหญ่ กะแสงไม่ถูก รูปคนจึงมีแต่ที่อดัมถ่ายให้ รูปนี้ลองกดมาดูตอนอดัมจัดแสงถ่ายคน ก็ได้รูปประมาณนี้

การมาดูแสงเหนือใช้เวลาแต่ช่วงกลางคืน ช่วงกลางวันก็เลือกได้เลยว่าอยากทำอะไร บางคนอาจจะเหนื่อย ง่วงนอน ไม่อยากทำอะไร แค่อยู่ในเมืองเที่ยวเล่น ชมวิว อะไรไปก็ได้ แต่ไหนๆมาไกลขนาดนี้แล้ว เราก็เลยเลือกซื้อทัวร์แบบเต็มๆไปเลย คือกลางวันเที่ยว กลางคืนล่าแสงเหนือ ขอบอกว่าเหนื่อยและง่วงมาก แต่คิดว่าคุ้มค่าตั๋วเครื่องบิน ไว้กลับไปนอนที่บ้าน

➡️ อ่านเรื่องเที่ยว Murmansk & Around 4 วัน [City tour Murmansk / Khibiny Mt. / Teriberka / Sami Village] >> เที่ยวใกล้ขั้วโลกที่มูร์มันสค์ <<

🟥 อ่านเรื่องเที่ยวมอสโก 2 วัน >> 2 Days in Moscow <<

2 Days in Moscow

Moscow, Russia

Apr. 2023

ทริปเที่ยวรัสเซียตามล่าหาแสงเหนือทั้ง 3 ตอน

มอสโก หรือ มอสโคว | Moscow | Москва เมืองใหญ่ริมแม่น้ำมอสควา | Moskva river ก่อตั้งเมืองมาตั้งแต่ยุคสมัยปกครองโดยราชวงศ์รูลิคในราวปี คศ. 1147 ต่อเนื่องมาถึงปีคศ. 1480 ได้มีการสถาปนาอาณาจักร์ซาร์รัสเซีย เริ่มต้นการปกครองแบบจักรพรรดิ โดยพระเจ้าซาร์อิวานที่ 4 มีมอสโควเป็นจุดศูนย์กลางการปกครอง ต่อมาเจ้าหญิงแคทเธอรีนแห่งราชวงศ์โรมานอฟ ได้ย้ายเมืองหลวงไปที่เมืองเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก จนปีคศ. 1917 เกิดการปฏิวัติรัสเซีย พระเจ้าซาร์สละราชสมบัติ สิ้นสุดราชวงศ์โรมานอฟและระบอบกษัตริย์ พรรคบอลเชวิคของเลนินเข้าควบคุมอาณาจักรรัสเซีย เปลี่ยนเป็นระบอบคอมมิวนิสต์ และสถาปนาสหภาพโซเวียต มีมอสโควเป็นศูนย์กลางการปกครองอีกครั้ง แม้ว่าความยิ่งใหญ่ของสหภาพโซเวียตจะล่มสลายลงในปีคศ. 1991 มีหลายแคว้นหลายรัฐประกาศอิสรภาพเกิดประเทศใหม่มากมาย เหลือเพียงสหพันธรัฐรัสเซีย มีมอสโควเป็นเมืองหลวงจนถึงปัจจุบัน

เมืองมอสโควมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน และถือเป็นเมืองสำคัญมาตั้งแต่ยังไม่ก่อตั้งประเทศด้วยซ้ำ ทำให่ในมอสโควมีสิ่งก่อสร้างหลายยุคหลายสมัย ตั้งแต่ กำแพงเมือง พระราชวัง โบสถ์ วิหาร อาคารเก่าในยุคโซเวียตก็ยังมีให้เห็น ไปจนถึงอาคารใหม่ทันสมัยสุดๆ

การเที่ยวในมอสโคว แนะนำให้นั่งรถใต้ดินหรือแท้กซี่ไป จากนั้นก็เดินเที่ยว เก็บที่เที่ยวเป็นละแวกๆไป เช่น ย่านจัตุรัสแดง ก็จะมีสถานที่เที่ยวที่ช้อปปิ้งได้ 1/2 – 1 วัน หรือไปย่านถนนอาบัท ก็เดินเที่ยวเล่นได้ยาวไปถึงมหาวิหารเซนต์ เดอ ซาร์เวีย มหาวิหารโดมทองริมแม่น้ำ Moskva

เรามีเวลาในมอสโควไม่เต็ม 2 วันดี คือวันแรกกับวันสุดท้ายของทริป (ความจริงแล้วถ้าอยู่ 2 วันไปเลยน่าจะเที่ยวได้มากกว่า) แต่ไม่เต็ม 2 วันก็ได้เที่ยวอยู่พอสมควร พยายามเก็บไฮไลต์ให้ครบ วันแรกเดินเที่ยวย่านจัตุรัสแดงถึงบ่ายแก่ๆ แล้วต้องรีบไปสนามบินเพื่อบินในประเทศไปมูร์มังส์ ถ้าอยู่ยาวเลยก็สามารถไปเก็บเที่ยวแถวถนนอาบัทกับวิหารโดมทองได้เลย ส่วนอีกวันช่วงเช้าเราเที่ยวดูสถานีรถไฟใต้ดินที่ว่าสวยงามระดับโลกได้ 4-5 สถานี (ถ้ามีเวลาอีกวันก็อยากจะไปอีกหลายๆสถานี) แล้วไปเดินตลาดซื้อของฝาก ช่วงบ่ายตัดสินใจไปล่องเรือ ใช้เวลาไป 2.5 ชม. ขึ้นจากเรือก็นั่งแท้กซี่ตรงไปสนามบินเพื่อขึ้นเครื่องกลับเมืองไทยเลย (ถ้าไม่ล่องเรือก็น่าจะเที่ยวเก็บไฮไลต์ได้ครบ)

จากโรงแรมเดินมาทาง Theatre Square ผ่าน Bolshoi Theatre, Teatral’nyy Fontan และ Karl Marx Monument ไปถึงถนน Nikol’skaya ยาว 1 กม. เดินถ่ายรูปเล่นได้เพลินๆ จนถึง Red Square

Bolshoi Theatre & Teatral’nyy Fontan

Karl Marx Monument

Ploshchad’ Revolyutsii / Fontan Vitali

Moskovskiye Sezony

Nikol’skaya Ulitsa (Nikolskaya street)

Kazan Cathedral

เดินสุดถนน Nikolskaya ที่โบสถ์สีหวาน Kazan Cathedral ก็จะเข้าสูจัตุรัสแดงตรงอาคารสีแดงของ State Historical Museum

จัตุรัสแดง | Red Square

มาถึงมอสโควทั้งที จุดที่ต้องไม่พลาดเลยคือ จัตุรัสแดง ลานกลางเมืองขนาดใหญ่ 23,000 ตร.ม. ล้อมรอบด้วยสถานที่สำคัญ และอาคารเก่าแก่สวยงาม พื้นที่จัตุรัสแดงเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าพื้นปูด้วยหิน ถูกสร้างขึ้นมาในยุคเริ่มต้นของพระเจ้าซาร์ เป็นศูนย์กลางการค้าขายอยู่ชิดติดกับพระราชวังเครมลิน ในยุครุ่งเรืองของสหภาพโซเวียตลานกว้างกลางเมืองก็กลายเป็นลานสวนสนามแสดงแสนยานุภาพ (เหมือนจัตุรัสเทียนอันเหมิน ของประเทศจีน มหามิตรของรัสเซียเลย) ปัจจุบันใช้เป็นลานกิจกรรมสำคัญทั่วไป มีการแสดงดนตรี งานเทศกาลประจำปี และเป็นจุดศูนย์รวมนักท่องเที่ยวตลอดทั้งวันทั้งคืน

กดเพื่อดูรูปขยาย

เข้ามาในลานกว้างมองตรงไปจะเจอกับหมุดหมายสำคัญที่เป็นภาพจำของนักท่องเที่ยวเวลามามอสโควกับโบสถ์หัวหอมสีสันสดใส นั่นคือ St. Basil Cathedral ด้านซ้ายเป็นอาคารสวยงามยาวตลอดแนวคือห้างสรรพสินค้าหรูหรานามว่า Gum ฝั่งขวาจะมองเห็นแนวกำแพงยาวด้วยอิฐแดงกับยอดหอคอยเป็นระยะๆ นั่นคือแนวรั้วของ Kremlin Palace และด้านหลังก็จะเป็น State Historical Museum

ห้าง Gum – มหาวิหาร St. Basil – พระราชวัง Kremlin

State Historical Museum

Red Square มองจากบนมหาวิหาร St. Basil

Kremlin Palace | พระราชวังเครมลิน

ชื่อพระราชวังเพราะเดิมเคยเป็นเขตพระราชฐานของพระเจ้าซาร์ เมื่อระบอบกษัตริย์ล่มสลาย ก็โดนเปลี่ยนเป็นที่ทำการของรัฐบาล ส่วนตอนนี้ก็เปลี่ยนมาเป็นที่พักของประธานาธิบดีรัสเซีย ซึ่งตอนนี้ก็คือ วลาดิเมียร์ ปูติน นั่นเอง ปูตินกินนอนและบัญชาการทุกอย่างที่นี่

ในพระราชวังเครมลิน เปิดให้เข้าไปเที่ยวได้โดยแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ Armory Chamber กับ Architectural Complex of Cathedral Square ทางเข้าทั้ง 2 ส่วนไม่ได้อยู่ด้านจัตุรัสแดง แต่ต้องเดินเข้าถนนด้านข้าง Historical Museum เลาะรั้วเครมลินไปด้านหลัง เดินผ่าน Alexander Garden ไปก็จะเจอที่ขายบัตร

สุสานทหารในสวนอเล็กซานเดอร์ด้านหลังพระราชวังเครมลิน

Alexander Garden

ส่วน Armory Chamber จะเป็นพิพิธภัณฑ์สิ่งของมีค่าต่างๆ เครื่องเงิน เครื่องทอง เครื่องเพชร ของมีค่า ของบรรณาการต่างๆ ที่เคยเป็นทรัพย์สมบัติของพระเจ้าซาร์ ด้านในถ่ายรูปไม่ได้ ค่าเข้า 1000 รูเบิล ส่วน Architectural Complex of Cathedral Square ราคาค่าเข้า 700 รูเบิล (เมย. 2023)

กดเพื่อดูรูปขยาย

Architectural Complex of Cathedral หลังจากซื้อตั๋วแล้วก่อนเข้าจะมีการตรวจอย่างละเอียด และไม่ให้นำขวดน้ำเข้า ด้านในจะมีโบสถ์ วิหาร และอาคารต่างๆ ถ่ายรูปได้ทั้งด้านนอกและด้านใน

เดินผ่าน Troitskaya Tower เข้ามาจะเจอกับแนวอาคารสีเหลืองสดของ The Kremlin Arsenal อาคารดั้งเดิมสร้างตั้งแต่ปี 1736 และต่อเติมเปลี่ยนแปลงเรื่อยมา ปัจจุบันใช้ในราชการทหารไม่ได้เปิดให้เข้าไปเที่ยมชมด้านใน ฝั่งตรงข้ามกันคือ State Kremlin Palace อาคารรูปแบบยุคโซเวียตรุ่งเรือง สร้างในสมัย นีกีตา ครุชชอฟ ผู้สืบทอดตำแหน่งต่อจากโจเซฟ สตาลิน เคยใช้เป็นที่ประชุม พรรคคอมมิวนิสต์แห่งสหภาพโซเวียต

The State Kremlin Palace (Государственный Кремлёвский дворец) / The Kremlin Arsenal (Арсенал Московского Кремля)

Senate Square (Ivanovskaya Square) ลานกว้างกลาง Kremlin

จุดที่นักท่องเที่ยวชอบไปถ่ายรูปกันคือ ปืนใหญ่พระเจ้าซาร์ | Tsar Canon ปืนใหญ่หนักกว่า 40 ตัน พระเจ้าชาร์โปรดให้ทรงสร้าง แต่ไม่เคยได้ใช้ยิงเลย กับ ระฆังพระเจ้าซาร์ | Tsar Bell ที่ระหว่างสร้างแตกออกมาเสียก่อน ถ้าสร้างสำเร็จจะเป็นระฆังที่ใหญ่ที่สุดในโลก หนัก 200 ตัน และจะเอาไปแขวนไว้ใน The Ivan the Great Bell Tower ด้านหลัง

(5) Tsar Canon / (8) Tsar Bell

Tsar Canon กับ (4) Patriarch Palace and the Church of Twelve Apostles ด้านหลัง

(6) The Ivan the Great Bell Tower หอระฆังที่ตั้งใจเอาระฆัง 200 ตันมาแขวน

Cathedral Complex จะมีโบสถ์และมหาวิหารอยู่รวมกัน เข้าชมข้างในได้ทั้งหมดรวมในราคาบัตรแล้ว ถ่ายรูปได้โดยห้ามใช้แฟลช ด้านในมีภาพฝาผนังสวยงามที่อ่านคำบรรยายไม่ออกเลย มีแต่ภาษารัสเซีย อยากรู้เรื่องต้องกลับมาหาข้อมูลเพิ่มเติมเอาเอง

(9) Archangel Cathedral | Архангельский собор

(10) The Cathedral of the Annunciation | Благовещенский собор

(3) Assumption Cathedral or The Cathedral of the Dormition | Успенский собор

(2) Church of our Laying Lady’s Holy Robe or Church of the Deposition of the Robe | Церковь Ризоположения

Bol’shoy Kremlovskiy Square สวนในเครมลินที่จะสวยงามอีกครั้งในหน้าร้อน

เดินเที่ยวด้านในเครมลินครบแล้วก็เดินกลับออกมา เพื่อย้อนกลับไปที่ Red Square อีกรอบ คราวนี้เดินไปบนถนน Okhotny Ryad ด้านนอกสวนอเล็กซานเดอร์

Fontaine des Quatre Saisons, รูปปั้นม้าในบ่อน้ำพุกับ Moscow Manege (Exhibition & Trade Center) ด้านหลัง

World clock fountain เป็นยอดโดมของ shopping mall “Ryad” ที่อยู่ใต้ดิน อยู่บริเวณ Manezhnaya Square ริมถนน Okhotny Ryad กับ Alexander Park

Marshal Zhukov monument

GUM

“Gum” ห้างสรรพสินค้าหรูหราไฮโซ ในอาคารเก่าแก่สวยงามบริเวณจัตุรัสแดง ด้านในมีร้านค้า ร้านอาหาร คาเฟ่ มาถึงแล้วก็ควรแวะเข้าไปเดินเที่ยวเล่นสักหน่อย ชั้น 3 มีร้านอาหารแบบ Food court ที่เลือกอาหารตามต้องการ ใส่ถาดไปคิดเงิน แต่ราคาก็ไม่ได้ถูกมากนัก และที่ยอดนิยมอีกอย่างคือ ไอศครีมโคน มีบู๊ทขายอยู่ชั้น 1 หลายบู๊ท ราคา 100 รูเบิ้ล เป็นไอศครีมโคนที่เขาตักใส่โคนไว้แล้ว แค่บอกว่าจะเอารสไหนก็หยิบมาให้เลยไม่มีมาตักใส่โคนตามสั่ง ก็แปลกดี ชิมแล้ว รสวานิลลาก็อร่อยดี ที่ต้องขอเตือนคือ ค่าเข้าห้องน้ำแพงมาก เก็บค่าเข้าห้องน้ำ 50 รูเบิล!!!

St. Basil’s Cathedral | Храм Василия Блаженного

โบสถ์หัวหอมสีสันสดใสในจัตุรัสแดงกลายเป็นภาพจำของเมืองมอสโควไปแล้ว มหาวิหารเซนต์เบซิล เด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบรัสเซียนกอธิค ที่สถาปนิคออกแบบให้มี 8 โดมลดหลั่นกันไป เรื่องเล่ากันว่า หลังจากออกแบบมหาวิหารเซนต์เบซิลแล้ว สถาปนิกโดนพระเจ้าซาร์อิวานที่ 4 (Ivan IV Vasilyevich) สั่งให้ควักลูกตาออก จะได้ไม่สามารถไปสร้างมหาวิหารแบบนี้ได้อีก โหดเหี้ยมสมฉายา อิวานผู้โหดเหี้ยม

ถ้าสนใจเข้าไปชมด้านในของมหาวิหาร ที่ตอนนี้เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ ก็ซื้อบัตรเข้าชมในราคา 1000 รูเบิล นอกจากมีภาพฝาผนังสวยๆ และรูปเคารพต่างๆ ก็ยังเป็นจุดชมวิวจัตุรัสแดงและวิวสะพาน Bolshoy Moskvoretsky ข้ามแม่น้ำ Moskva ได้ด้วย

Bolshoy Moskvoretsky ฺBridge

St. Basil Cathedral ด้านหลังก็สวยงามไม่น้อยกว่าด้านหน้า

เดินจาก St. Basil Cathedral ไปทางสะพาน Bolshoy Moskvoretsky จะเจอ Zaryadye Park เป็นลานกิจกรรม มีสวนดอกไม้ มีร้านอาหาร มีสะพานชมวิว และเลยไปอีกไม่ไกลจะเป็นสะพานชมวิวสร้างใหม่ Floating Bridge ที่โค้งเป็นเกือกม้ายื่นไปในแม่น้ำ วันที่เราไปเขากั้นปิด บอกว่าปรับปรุงทาสี เลยไม่ได้เข้าไปเดินด้านใน แต่วันที่มาล่องเรือ เห็นว่าสะพานเปิดแล้ว น่าเสียดาย

Zaryadye Park

Skywalk Moscow

Floating Bridge ที่ปิดทาสีในวันที่ไปพอดี

จบวันแรกที่มอสโคว รีบนั่งแท้กซี่ไปสนามบินเพื่อต่อเครื่องในประเทศไป เที่ยวแถบมูร์มังส์ และ ล่าแสงเหนือ 4 วัน 4 คืน แล้วบินกลับมาเก็บตกมอสโควอีก 1 วัน

เก็บตกมอสโควก่อนกลับเมืองไทย ช่วงเช้าเน้นแวะชมสถานีรถไฟใต้ดินมอสโควที่มีชื่อเสียงว่าสวยงามเกินสถานีรถไฟทั่วไป แล้วแวะเที่ยวประตูชัย ไปเดินตลาดของฝาก ตอนบ่ายไปล่องเรือในแม่น้ำ Moskva ชมมหาวิหารเซนต์ซาเวียร์จากในเรือแทนนั่งรถไฟไปที่ตัววิหาร เพราะมัวแต่หลงทางหาท่าเรือไม่เจอ ก็เลยอดไปเดินเล่นที่ถนนอาบัตด้วย

รถไฟใต้ดินมอสโคว | Moscow Metro

ช่วงเช้าเราจะเที่ยวสถานีรถไฟใต้ดินมอสโควเป็นหลัก ถ้านั่งรถไฟเที่ยวในสถานีแล้วไม่ออกนอกสถานีเลยก็ซื้อตั๋วเที่ยวเดียวได้เลย ราคา 62 รูเบิล (เมย. 2023) คุ้มมากๆ นั่งเชื่อมต่อสถานีได้ทั่วมอสโคว แต่ถ้าจะออกนอกสถานีไปเที่ยวด้วย 5 จุดขึ้นไป แนะนำให้ซื้อ 1 day ticket คุ้มกว่าเพราะ 5 สถานีเท่ากับต้องซื้อตั๋ว 5 ครั้ง = 310 รูเบิล แต่ 1 day pass แค่ 283 รูเบิล

Moscow metro เป็นหนึ่งในระบบรถไฟเก่าแก่ของโลก เริ่มเปิดบริการมาตั้งแต่ปี คศ. 1935 ปัจจุบันมี 15 สาย เชื่อมต่อกันได้ทั่วเมืองมอสโคว ความโดดเด่นของสถานีรถไฟใต้ดินมอสโควคือ การออกแบบให้สะท้อนความยิ่งใหญ่อลังการของสหภาพโซเวียตผ่านความหรูหราสวยงามจนแทบลืมว่าอยู่ในสถานีรถไฟ ทั้งภาพวาดสวยงามใหญ่โต ทั้งรูปปั้น ประติมากรรมต่างๆ ยังมีโคมไฟตกแต่งใหญ่โตอลังการ แค่นั่งรถไฟแล้วแวะลงตามสถานีก็ถ่ายรูปได้แล้ว มีหลายเวปไซต์รวบรวมรายชื่อสถานีสวยงามที่ควรเยี่ยมชม บางเวปก็มี 5 สถานี บางเวปก็ 15 สถานีไปเลย ถ้ามีเวลาหลายวันแนะนำว่าให้เวลาเที่ยวสถานีรถไฟสัก 1 วัน แวะไปเรื่อยๆตามสถานีต่างๆเพราะมีความสวยมีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำกันเลย เบื่อแล้วก็ออกจากสถานีขึ้นไปเที่ยว แล้วลงมานั่งรถไฟต่อไปอีก

Soviet metro station is Palace of the people.

กดขยายเพื่อดู

สถานีรถไฟใต้ดินมอสโคว จะมองยากหน่อย ป้ายไม่สีสดใสใหญ่ชัดเจนเหมือนประเทศอื่น ให้มองหาตัว M ตามตึกหรือทางลงใต้ดิน แนะนำหลีกเลี่ยงช่วงเช้ากับเย็น เวลาที่คนไป-กลับทำงาน เพราะสถานีจะแน่น ถ่ายรูปยาก และเสี่ยงโดนล้วงกระเป๋าด้วย เรามีเวลาแค่ครึ่งวันเช้า ก็เลือกสถานีแวะชมได้ไม่มาก แต่ไปแล้วก็ยอมรับว่าสวยงามสมตามคำร่ำลือ

Belorusskaya (Белору́сская), Brown Line no.5
เป็นศูนย์รวมการเดินทาง เพราะอยู่ติดกับสถานีรถไฟ และสถานี Aero Express ไปสนามบิน

Novoslobodskaya (Новослобо́дская), Brown Line no.5
สถานีที่แค่ผ่านแต่มองออกไปแล้วสวยจนต้องยกล้องมาถ่ายผ่านประตูรถไฟออกไป
ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดังในยุคสตาลิน ให้ตรงกลางของแต่ละเสา จะมีกระจกสีโค้งส่องสว่างจากภายใน

Komsomolskaya (Комсомо́льская), Brown Line no.5
สถานีที่อยู่ในรายการสถานีสวยของหลายเวป เพราะความหรูหราของฝ้าโค้งกับโคมไฟระย้า แบบศิลปะบาโรค แถมด้วยภาพวาดเกี่ยวกับชัยชนะในสงครามต่างๆเต็มไปหมด

Kurskaya (Ку́рская), Brown Line no.5 interchange to Blue Line no.3
สถานีใหญ่ที่เป็นจุดเปลี่ยนสายได้ 3 สาย ไม่สวยหรูหราแต่ก็มีเสน่ห์

Elektrozavodskaya (Электрозаводская), Blue Line no.3
สถานีที่เราชอบที่สุด ดูเก๋ไก๋กับโคมไฟกลมเต็มฝ้า เพราะแต่เดิมออกไปด้านบนจะมีโรงงานผลิตหลอดไฟ

Semyonovskaya (Семёновская), Blue Line no.3
สถานี้เดิมชื่อ Stalinskaya เพราะสร้างอยู่ใต้ Stalin Square เคยเป็นสถานีที่ลึกที่สุดในมอสโคว

Partizanskaya (Партизанская), Blue Line no.3
เป็นสถานีที่ใกล้ Izmayloysky Market ตลาดนัดขายของฝากชื่อดัง
แปลกกว่าสถานีอื่น เพราะมีรถไฟวิ่ง 3 ราง และมีประติมากรรมขนาดใหญ่อยู่ตามเสา

Ploschad Revolyutsii (Пло́щадь Револю́ции), Blue Line no.3
สถานีที่ติดอันดับยอดนิยมของนักท่องเที่ยว เพราะอยู่ใกล้จัตุรัสแดง เป็นสถานีที่เด่นด้วยประติมากรรมหินสลักเต็มไปทั้งสถานี อันที่เป็นไฮไลต์ของสถานีคือรูปปั้นหมา จะเห็นว่าเป็นมันเงาวาว เพราะคนรัสเซียจะเดินผ่านแล้วลูบเจ้าหมานี้กัน เพราะเชื่อว่าจะทำให้โชคดีและเดินทางปลอดภัย

Park Pobedy (Парк Победы), Blue Line, no.3
สถานีที่ลึกที่สุดในมอสโคว และลึกเป็นอันดับ 5 ของโลก ด้วยความลึก 84 ม. ใช้เวลา 3.20 นาทีในการขึ้นบันไดเลื่อนที่ยาวสุดๆ

Kievskaya (Ки́евская), Blue Line no.3
ชื่อสถานีเคียฟ เพราะผู้ออกแบบชนะการประกวดที่จัดขึ้นที่ประเทศยูเครน ออกแบบสถานีได้สวยงามหรูหราแบบอาร์ตนูโว มีภาพวาฝาผนังที่แสดงถึงวิถีชีวิตในยูเครน และภาพโมเสกขนาดใหญ่ที่ปลายชานชาลาเป็นอนุสรณ์ครบรอบ 300 ปี ของการรวมประเทศรัสเซีย-ยูเครน

Pushkinskaya (Пушкинская), Purple Line no.7
สถานีสวยคลาสสิค ที่มี Cafe Pushkin ร้านคาเฟ่เก่าแก่แต่หรูหราอยู่ด้านบน

Chekhovskaya (Чеховская), Grey Line no.9
น่าจะสร้างในยุคหลังๆ ที่เริ่มออกแบบเรียบๆ แต่เก๋ไก๋ ไม่เน้นความหรูหรา

The Triumph arch | Triumfal’naya Arka

ประตูชัยมอสโคว สร้างขึ้นเนื่องในโอกาสที่ พระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 1 แห่งรัสเซีย มีชัยชนะเหนือกองทัพนโปเลียนที่ยกทัพมาตีจักรวรรดิ์รัสเซียในปี 1812 สร้างครั้งแรกปี 1814 เป็นโครงสร้างไม้ มาก่อสร้างใหม่เป็นแบบที่เห็นในปี 1829

นั่งรถใต้ดินมาที่สถานี Park Pobedy สถานีที่ลึกสุดในมอสโคว ออก Exit 3 จะขึ้นมาตรงเกาะกลางถนนที่ตั้งประตูชัยเลย ถ้าออก Exit อื่นก็เดินลงทางลอดใต้ดินข้ามไปได้เหมือนกัน

Izmaylovskiy Bazar | Измайловский базар

ตลาดนัดขายของขนาดใหญ่ มีทั้งของที่ระลึกอย่างตุ๊กตาแม่ลูกดก ของที่ระลึกนักท่องเที่ยว เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เครื่องหนัง คุณภาพดีราคาไม่แพง ต่อรองได้ มีทั้งของใหม่ ของมือสอง เคยเห็นตามรีวิวต่างๆว่าคึกคักคนเยอะ แต่วันที่เราไปช่วงเที่ยงแล้วตลาดยังเงียบเหงาเกือบจะร้าง มีร้านเปิดขายไม่กี่ร้าน อาจจะมีเปิดมากขึ้นในช่วงบ่ายก็ได้ แต่ก็น่าจะไม่คึกคักเหมือนช่วงก่อนโควิด ที่ท่องเที่ยวรัสเซียคึกคักเหลือเกิน ปี 2023 เพิ่งผ่านพ้นช่วงโควิดมาไม่นาน แถมรัสเซียยังเปิดศึกกับยูเครนซ้ำไปอีก หลายอย่างจึงดูไม่เหมือนเดิม