โฮจิมินห์กินกับดื่ม

Trip : HoChiMinh City, Vietnam [January 2020]

เปิดประเดิมต้นปีด้วยทริปฉุกละหุก บินตามเพื่อนไปโฮจิมินห์ 3 วัน ถามว่าจะเที่ยวอะไร ก่อนไปก็นึกไม่ออกนะ เพราะเคยไปเกือบทั่วล่ะ ก็ถือโอกาสไปดูว่าโฮจิมินห์เปลี่ยนแปลงไปแค่ไหนแล้วกัน เพราะที่ว่าเคยไปก็ผ่านมาเกือบ 10 ปีได้ล่ะ

เลือกบินกับ Vietjet เที่ยวบินเที่ยงๆวันธรรมดา ราคาไม่แพง ที่นั่งก็สบายพอสมควร ไม่เน้นสบายมากมายอะไรเพราะบินแค่ชั่วโมงครึ่งก็ถึงแล้ว เตรียมตัวเตรียมใจมาตัวเกรียมเหงื่อท่วมเพราะจำได้จากคราวก่อน ปรากฏว่าลงจากเครื่องมาขึ้นรถบัส อากาศก็ไม่ได้โหดร้ายเท่าที่คาด แดดดีแต่ไม่แรงจนแสบ แถมมีลมโชยๆด้วย

สนามบินเตินเซินเญิ้ต (Tân Sơn Nhất) ขนาดไม่ใหญ่แต่ก็ไม่เล็กมาก เทียบเคียงก็ประมาณเชียงใหม่ หรือหาดใหญ่ รีบเดินไปต่อแถวตม.คนไทยไม่ต้องใช้วีซ่า และไม่มีใบตม.ให้เขียนอะไร ผู้โดยสารเยอะมาก แต่ตม.เวียดเปิดช่องเยอะ ยิ่งคนต่อแถวยาวยิ่งเรียกเจ้าหน้าที่มาเปิดช่องเพิ่มอีกเรื่อยๆ ควรยืนแถวริมๆเพราะจะมีช่องเปิดใหม่ตลอดๆ ย้ายไปต่อช่องใหม่ได้ แถวจะสั้นขึ้นเรื่อยๆ

ตรวจตม.เสร็จออกมารับกระเป๋า แล้วออกไปด้านนอกใครอยากแลกเงินก็แลก แต่เราแลกมาจากเมืองไทยพร้อมแล้ว ใครอยากซื้อซิมโทรศัพท์ก็ซื้อ แต่เราก็ซื้อจากเมืองไทยมาแล้วเช่นกัน เดี๋ยวนี้ทุกค่ายมีออกโปรโมชั่น Travel sim ราคาไม่แพงมาแข่งกัน ซื้อจากไทยมาเลยสะดวกสบายที่สุด (อัตราแลกเปลี่ยน มกราคม 2563 | 10,000 VND : 13 THB)

ตามที่หาข้อมูลมา การเดินทางเข้าเมืองแบบประหยัดแต่ก็สะดวกพอสมควรคือเดินออกจากอาคารแล้ว ข้ามถนนไปมองหารถโดยสารหมายเลข 109 ซึ่งจะมีป้ายบอกและมีรถจอดรออยู่ พิกัดคือด้านขวาๆ ประมาณประตู 9 – 10 เป็นรถปรับอากาศ วิ่งจากสนามบินไปสุดทางแถวตลาดเบนถั่น (Ben Thanh) ค่ารถราคา 20,000 เวียดนามดอง หรือ 1 US$ ก็ราวๆ 30 บาท ถือว่าถูกมาก หรืออยากถูกกว่านั้นก็ไปรถเมล์สาย 152 ราคาแค่ 5,000 เวียดนามดอง (+ค่ากระเป๋าเดินทางอีก 5,000) แต่ทั้ง 2 แบบเราไม่ได้ใช้บริการ เพราะเพื่อนมีรถมารับ สบายจริงๆคราวนี้

จากสนามบินเข้ามากลางเมือง ก็ยังคงเจอรถติดเหมือนสิบปีที่แล้ว ติดๆหยุดๆไปเรื่อย เพื่อให้เราเช็คอินว่าถึงโฮจิมินห์แน่นอนแล้ว รถจึงไปส่งพวกเราที่ HoChiMinh Square หรือที่เราเรียกว่าลานคนเมือง ต้องไปคารวะลุงโฮก่อนเลย ลุงโฮยืนโบกมืออยู่หน้า HoChiMinh City Hall อย่างนี้มาหลายสิบปีแล้ว แต่ตอนนี้มีการจัดพื้นที่รอบๆสวยงามขึ้น จากลานคนเมืองนี่สามารถหันหลังให้ลุงโฮ เดินเล่นตรงเกาะกลางยาวไปตามแนวถนน Nguyễn Huệ ได้ถึงแม่น้ำเลย ทางเดินนี้อารมณ์ถอดแบบจากยุโรป

Ho Chi Minh Square
ลุงโฮยืนโบกมืออยู่หน้า HoChiMinh City Hall
หันหลังให้ลุงโฮ แล้วเดินเล่นยาวๆไปได้ถึงแม่น้ำ

“โฮจิมินห์กินกับดื่ม” ที่ตั้งชื่อทริปอย่างนี้เพราะเอาจริงๆแล้วสถานที่เที่ยวที่เดียวของทริปคือ HoChiMinh Square นี่แหละ ที่เหลือ กินกับเข้าคาเฟ่ดื่มกาแฟบ้างชาบ้าง เพื่อนคนเวียดนามก็ให้รายการมาว่าเธอต้องไปกินร้านนี้ ร้านนั้น + เพื่อนคนฮ่องกงที่มาเที่ยวด้วยกันก็มาเวียดนามครั้งแรก นางก็มีรายการมายาวเหยียด ร้านนี้เด็ด ร้านนี้ดัง เราต้องไปกิน ก็ตามใจกันไปเลยจ้า

ที่เที่ยวโฮจิมินห์หลักๆก็ยังเหมือนเดิม Independence Palace Museum, Notre Dame Cathedral, Main Post Office, Opera Hall ซึ่งเป็นอาคารรูปแบบยุโรปสวยงาม อ่านได้จากทริปครั้งก่อน > เที่ยว Dalat กับ Darling > 3 ล้านด่องท่อง 3 เมือง

🏢 Cafe Apartment 🌀
ตึกอพาตเมนต์เก่าเอามาทำคาเฟ่ เก๋ไม่ใช่น้อย

ตั้งต้นที่อนุสาวรีย์ลุงโฮ หันหลังให้ลุงเดินมาตามถนน Nguyễn Huệ ไม่ไกล ด้านซ้ายมือจะเจอที่เที่ยวสุดฮิป “Cafe Apartment” ที่ใครๆมาโฮจิมินห์ก็จะต้องไปเช็คอินกัน

อาคารเก่าหลังนี้เป็นที่พักของทหารอเมริกัน ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นที่พักของพนักงานท่าเรือหลังยุคเวียดนามใต้ล่มสลาย สร้างมาตั้งแต่ปี 1960 ตอนนี้ก็ทรุดโทรมไปตามกาลเวลา แต่ความเก่ามากับความเก๋า เพราะย่านนี้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในโฮจิมินห์ เจ้าของห้องก็เลยย้ายออกไปปล่อยเช่ากันหมด คนเวียดไอเดียดี ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงห้องพักเก่าทุกห้องมาเป็นร้านขายของ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ

ทางเข้ายังคงเป็นเหมือนทางเข้าอพาตเมนต์เก่าๆ ลิฟต์ยังคงใช้ได้ มีลุงแก่ๆนั่งดูแลและเก็บเงิน 3,000 ดอง แนะนำให้จ่ายไปแล้วขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนสุดคือชั้น 9 แล้วเดินไล่ลงมา เป็นการถนอมไขข้อ แต่ถ้าเสียดายเงิน 3,000 ดอง (ประมาณ 4 บาท) ก็เดินบันไดได้ตามอัธยาศัย

แต่ละชั้นมีร้านที่ตกแต่งแข่งความชิค สายถ่ายรูปคงชอบ มีร้านขายของแทรกตัวท่ามกลางร้านกาแฟร้านชา เดินเลือกดู ชอบร้านไหนแวะร้านนั้น

เราขึ้นไปเดินวนๆดูพอได้บรรยากาศ ก็เลือกกลับลงมาแล้วข้ามถนนผ่าน Nguyen Hue Walking Street ไปตึกฝั่งตรงข้าม ‘Saigon garden’ ขึ้นลิฟต์ไปชั้น 4 นั่งจิบ Mocktail ที่ร้าน Haan ชมบรรยากาศยามเย็น เห็น Cafe Apartment เต็มตา มองไปทางซ้ายไม่ไกลจะเห็น City hall พร้อมอนุสาวรีย์ลุงโฮที่ยืนยกมือทักทายผู้คนมาเป็นสิบๆปี แนะนำให้มาเย็นๆก่อนจะมืด นั่งพักขาไปจนมืดก็เริ่มมีแสงไฟ สวยงามไปอีกแบบ

ที่เที่ยวก็แค่นี้แหละ ต่อไปจะรีวิวเรื่องกิน ร้านเด็ดร้านดังเท่าที่จะไปกินได้ใน 2 วันกว่าๆ

☕️ Phúc Long Coffee & Tea 🍰

ร้านชากาแฟที่เพื่อนเวียดนามบอกว่ามันดีนะเธอ เธอต้องไปชิม (งงกับการออกเสียงที่ Phuc Long ออกเสียงว่าฟุคหลัม) ร้านมีหลายสาขาทั่วเมือง เลือกแวะตามสะดวก ร้านไม่สวยแบบสายเช็คอินจะปลื้ม เป็นร้านธรรมดาๆ แต่แกร็บฟู๊ดเต็มเลย คนเวียดนามคงนิยมจริงๆ อ่านรีวิวดูร้านน่าจะเด่นดังเรื่องชา ก็เลยสั่งชามาชิม ก็ถือว่าใช้ได้ แต่เค้กไม่ผ่าน เราว่าธรรมดาๆนะร้านนี้ แต่คนเวียดแนะนำก็ต้องมาชิม

☕️ Cafe Terrace 🧁

ร้านกาแฟที่เพื่อนฮ่องกงบอกว่าเราต้องไป! นางมาตามรีวิวว่าร้านนี้มันสวยเก๋ คาเฟ่นี้อยู่ใน Saigon Centre เข้าประตูห้างไปอยู่ชั้น 1 เลย คนเต็มอยู่ตลอดต้องรอคิวแต่ไม่นานมาก คนเวียดนามไม่ค่อยนั่งแช่เท่าไหร่ ด้านในร้านจะว่าสวยเก๋ก็ไม่เชิง ก็มีการตกแต่งให้เหมือนอยู่ในสวนสไตล์ยุโรปหน่อยๆ แต่มันมืดๆทึมๆ และโต๊ะติดกันเกินไปหน่อย แต่คนก็มาถ่ายรูปกันเยอะอยู่ ส่วนชากาแฟก็ถือว่าใช้ได้ กาแฟเวียดนามแบบพรีเมี่ยมมาเป็นชุดสีทองเลย

☕️ Cộng Cà Phê 🥥

ร้านดังที่เพื่อนเวียดนามย้ำนักย้ำหนาว่าต้องแวะนะ นั่งรถผ่านเอาวันจะกลับแล้วเห็นปุ๊บบอกรถ Stop! Stop! ลั่นรถ มองจากนอกร้านไม่รู้เลยว่าในร้านจะจัดได้ชิคมาก โต๊ะเก้าอี้ดูเก่าๆแต่เก๋า จัดดอกไม้เก๋ๆตามโต๊ะ ประดับร้านด้วยถ้วยแก้วโถปิ่นโตอะไรไปตามแต่จะคิด เครื่องดื่มขึ้นชื่อคือกาแฟมะพร้าว (Coffee with coconut milk ก็น่าจะเป็นกาแฟใส่กะทินะ) มีทั้งร้อนทั้งเย็นทั้งปั่น เราสั่งร้อนมาชิม เหมือนกินกาแฟที่มีกลิ่นน้ำมันมะพร้าว ก็อร่อยแบบแปลกๆ ไม่ได้ใส่น้ำตาลแต่ก็มีหวานปะแล่มๆ เสียดายว่าไม่มีเวลาได้นั่งชิล ได้แต่เข้าไปนั่งถ่ายรูปนิดๆหน่อยๆแล้วสั่ง To go ร้านเก๋ มุมถ่ายรูปเยอะ สายเช็คอินต้องชอบ ร้านน่าจะดังมากอยู่เพราะ ที่โฮจิมินห์ก็มี 15 สาขา ที่ฮานอยมี 30 กว่าสาขา!!! และยังมีสาขาตามเมืองใหญ่ๆทั่วเวียดนามอีกเป็นสิบสาขา แถมมีสาขาที่เกาหลีและมาเลเซียด้วย

🥤 Highland Coffee

ร้านกาแฟเก่าแก่ดั้งเดิมมีสาขาทั่วไป เห็นตั้งแต่สมัยสิบปีที่แล้ว ตอนนี้ก็ยังอยู่ เป็นร้านระดับท้องถิ่น อารมณ์เทียบได้กับอเมซอนบ้านเราคือมีทุกหัวระแหง ชากาแฟพอใช้ได้ เป็นที่พักร้อนหลบแดดเวลาเดินเที่ยว สาขาที่เราว่าน่านั่งหน่อยคือตรงอนุสาวรีย์ลุงโฮ ต้องขึ้นไปชั้นบน นั่งหลบแดดแอร์เย็นจิบกาแฟชมวิวได้ คราวนี้ไม่ได้ไปสาขานั้นแต่มาสาขาใกล้ๆ LeVanTam Park ก็ธรรมดาๆ

คงสงสัยว่ากินกันแต่กาแฟหรือยังไง? อาหารก็กินอยู่นะ มาเวียดนามก็คงไม่พลาดเฝอ มีมาแนะนำ 2 ร้าน แล้วก็ร้านดังๆตามรีวิวก็ไปกัน

🍜 Phở Lệ 🥢

ร้านเฝอที่คนเวียดนามแนะนำ อยู่ District 5 เฝอเนื้อที่น้ำซุปอร่อยใช้ได้เลย มีลูกชิ้นมีเนื้อสดเนื้อเปื่อย เจอแต่คนเวียดนามกิน ไม่ค่อยเห็นนักท่องเที่ยว เพื่อนคนไทยบอกว่าอร่อยกว่าร้านอื่นๆที่กินมา

🥣 Phở 24 🥢

ร้านเฝอที่น่าจะคุ้นตานักท่องเที่ยว มีหลายสาขาทั่วเมือง ข้อดีของร้านแบบนี้คือนักท่องเที่ยวเยอะ มีเมนูภาษาอังกฤษคนขายคุยกันรู้เรื่อง มีเซ็ตเมนูเฝอ+ปอเปี๊ยะสดหรือทอด รวมน้ำด้วย คุ้มราคา เราว่าก็ไม่ได้อร่อยอะไรมาก แต่เป็นที่พึ่งยามหิวได้ มีสาขาเยอะทั่วเมือง

🍕 Pizza 4P’s 🥤

เปลี่ยนบรรยากาศมาที่อาหารฝรั่งบ้าง พิซซ่าร้านดังที่ความพิเศษของร้านนี้คือมีชีสทำเองหลายชนิดให้เลือก พิซซ่ามีหน้าต่างๆที่คุ้นเคย และหน้าพิเศษอย่าง 4 cheese หรือ 2 cheese ถ้าคนชอบชีสรู้จักชีสคงเลือกได้สนุก เราไม่ใช่สายชีสก็จิ้มมั่วไปแบบ 4 cheese ก็อร่อยดี สั่ง Salad มาด้วย ซึ่งชอบมากน้ำสลัดอร่อยมาก

ร้านมีหลายสาขาที่เมืองใหญ่ 4 เมือง โฮจิมินห์ ฮานอย ญาจาง ดานัง สาขาที่เราไปคือที่ Saigon Centre (ที่เดียวกับ Coffee Terrace) ขึ้นไปที่ชั้น 6 บรรยากาศสบายๆ สั่งอาหารแล้วออกไปเดินเล่นชมวิวด้านนอกก่อนได้ มีระเบียงกว้างให้เดินชมวิวเมืองโฮจิมินห์

🌭 Bánh Mì Huỳnh Hoa 👍

Banh Mi หรือ แซนวิสเวียดนาม เป็นอาหารกินง่ายยอดนิยมอย่างหนึ่งในเวียดนาม ทำจากขนมปังฝรั่งเศสที่แข็งนอกแต่นุ่มใน ผ่าตรงกลางยัดไส้กับผักเข้าไป หน้าตาเลยคล้ายแซนวิส หากินได้ตามข้างทางทั่วไป ทั้งป็นร้านหรือเป็นหาบเร่แผงลอย บางคนว่าเป็นอาหารเช้า แต่เราก็เห็นขายกันทั้งวันทั้งคืน แต่ร้าน Bánh Mì Huỳnh Hoa นี้เป็นร้านดัง ระดับบล็อกเกอร์บอกว่า Best in Saigon กันเลยทีเดียว เป็นร้านห้องแถว 1 ห้อง ช่วงเช้ามีคนมาต่อแถวซื้อกันยาวเหยียด เราแวะไปบ่ายๆคนไม่มาก ไม่ต้องรอนาน

เพื่อนฮ่องกงเป็นคนสั่ง เหมือนนางจะสั่งใส่มันทุกอย่าง เอามาลองชิมกัน บอกแล้วอะไรเด่นอะไรดังเราต้องไปชิมให้รู้ ชิมแล้วยอมรับว่าไส้อร่อยจริง เค็มๆหวานๆกำลังดี ใส่หมูยอ หมูชิ้นเหมือนหมูย่าง และอันเป็นฝอยๆเหมือนหมูหยองอร่อยดี ผักก็แล้วจะจะสั่ง ขนมปังก็ดีกรอบนอกนุ่มใน ราคาไม่แพง ใส่มันทุกอย่างก็แค่ 45,000 ดอง

Bánh Mì Huỳnh Hoa : 26 Lê Thị Riêng, P.BT, Quận 1, Hồ Chí Minh 700000, Vietnam

วันสุดท้ายก่อนไปสนามบิน เพื่อนคนฮ่องกงบอกให้คนขับรถพาไปซื้อของฝากหน่อย คนขับวนรถไปร้านขายของ ถึงได้รู้ว่านางอยากซื้อหมูยอ นางว่าร้านนี้ดัง (นางมาตามรีวิวอีกล่ะ 55) ได้หยิบมาชิม เราว่าก็ไม่เท่าไหร่ หมูยอแถวอิสานบ้านเราอร่อยกว่า เลยไม่ได้ซื้อมา ใครสนใจก็ไปซื้อได้ ร้านเขาขายหลายอย่างอยู่ ร้านนี้อยู่ใกล้ๆตลาดเติ้นดิง (Chợ Tân Định) มีเวลาเข้าไปเดินเล่นในตลาดก็ได้ ขายของทั่วไปเหมือนตลาดเบนถั่น

ร้านอยู่ใกล้ๆ Chợ Tân Định (หน้าจั่วเหลืองๆ)

ไปโฮจิมินห์งวดนี้มีแต่ของกินมานำเสนอ ยังเหลืออีกหลายที่ หลายร้านไม่ได้ไปชิม ถ้ามีโอกาสไว้ไปตะลุยกินใหม่ ส่วนที่เที่ยวก็เหมือนๆเดิมอย่างที่บอก ไม่มีอะไรใหม่นอกจาก Cafe Apartment

อัพเดตเมืองโฮจิมินห์ 2020 ไว้สักหน่อย ดูไม่ต่างจาก 10 ปีก่อนเท่าไหร่

Street food มากมายให้เลือกกิน
Lê Văn Tám Park สวนสาธารณะเล็กๆกลางเมือง ไม่ต้องแวะก็ได้ ไม่มีอะไรน่าสน
ตึกหน้าตาประหลาดโด่เด่กลางเมืองโฮจิมินห์ | Bitexco Financial Tower
งอบกับคนเวียดนาม

เที่ยว Dalat กับ Darling

Trip May 2010 : Vietnam (Dalat – Hochiminh)

ดาลัดนี่เป็นโปรแกรมแทรก กบกับต๋อยชวนไว้เมื่อนานแล้ว เพื่อนจัดการจองตั๋วโปรฯของหางแดงไว้ให้นานจนเกือบลืม ช่วงนี้อากาศเมืองไทยก็ร้อนๆ ฝนลงเป็นระยะๆ ไปเที่ยวดาลัดก็คงดี เท่าที่เคยอ่านดาลัดเป็นเมืองตากอากาศของเวียดนามทางใต้ก็ว่าได้ เพราะอยู่ในพื้นที่สูงอากาศเย็นสบายตลอดปี แถมมีบ้านสวยๆสไตล์ยุโรปด้วย น่าสนใจแฮะ

http://www.pbase.com/ton_manuswee/dalat
Continue reading “เที่ยว Dalat กับ Darling”

3 ล้านด่อง ท่อง 3 เมือง

Trip Apr.2009 : Central Vietnam [Hue-Hoian-Hochiminh]

คิดจะไปเที่ยวเวียดนามกลาง ซึ่งหลายๆคนใช้วิธีเดินทางข้ามสะพานไทย-ลาวตรงมุกดาหาร เข้าไปสะหวันเขตของลาว แล้วต่อรถข้ามลาวไปเมืองเว้ในเวียดนามกลาง แต่เราเลือกที่จะบินไปเพราะเบื่อนั่งรถ แลกเงิน US$ ไป เกือบ 170 เหรียญ ไปแลกเงินดองที่สนามบินได้มา 3 ล้านกว่าดอง กลายเป็นเศรษฐีทันตา

H1 >> Hue

สงกรานต์บ้านเราปีนี้มันอุบาทจิต วิปริตใจ ถึงไม่อยากไปก็ต้องไปเพราะแลกตั๋วมาแล้ว เอา mileage ROP ไปแลกตั๋ว BKK-SGN บินกรุงเทพฯไปลงไซง่อน หรือชื่อหรูๆคือโฮจิมินห์ แล้วค่อยต่อไป เว้-ดานัง-ฮอยอัน ใช้เวลาสัก 5-6 วัน คงพอได้เห็นอะไรบ้าง ต่อเครื่องภายในประเทศด้วยสายการบิน Vietnam airline ราคาพันนิดๆ ประหยัดเวลาและแรงกาย
จากโฮจิมินห์ไปเว้ บินไปยังไม่ทันหลับก็ถึงแล้ว วันนี้ชิลๆ เดินเล่นตลาดดองบา เดินเล่นริมแม่น้ำหอมดูนักท่องเที่ยวเหมาเรือหัวมังกรล่องน้ำหอมกัน เดินข้ามถนนไปมาให้มอเตอร์ไซต์บีบแตรไล่แก้เซ็ง วันนี้อากาศไม่ค่อยแจ่ม เมฆเยอะ…….

ตกเย็นแวะกิน Hue pancake หรือขนมเบื้องญวนสไตล์เว้ที่ร้านลุงใบ้ Lac Thien อร่อยและถูก สมคำร่ำลือ อิ่มหนำสำราญเดินข้ามสะพานตรังเตรียนยามค่ำแสงสีวูบวาบเพราะแสงไฟเจ็ดสีเจ็ดศอกที่เปิดตอนหนึ่งทุ่ม กลับไปนอนหลับอุ่นสบายที่ Duytan hotel, Hue

Hue photo album at pbase.com > http://www.pbase.com/ton_manuswee/hue

เช้าต่อมาอากาศแจ่มใส เหมารถของ Mailinh Taxi เที่ยวรอบเว้ 1 วันในราคา 30$

ประเดิมที่แรกด้วย สุสานพระเจ้าตือดึก (Tomb of Tu Duc) แค่ 7 กม.จากเมือง สุสานกว้างมาก สงบร่มรื่นดี จากนั้นไปต่ออีก 3 กิโลที่ สุสานพระเจ้าไคดิงห์ (Tomb of Khai Dinh) สุสานนี้สวยงามอลังการสุด แต่ไม่กว้างนัก ต่อไปอีกไม่กี่กิโล จบทัวร์สุสานที่ สุสานพระเจ้ามิงห์หมาง (Tomb of Minh Mang) สุสานนี้ก็สวยดีมีสีสัน แต่ทรุดโทรมมากกว่าที่อื่น กำลังบูรณะอยู่

จากนั้นย้อนกลับเข้าเมือง เลาะริมแม่น้ำหอมไปที่ วัดเทียนหมุ (Thien mu Pagoda) ไปชมวัดพุทธริมน้ำ มีเจดีย์แปดเหลี่ยมที่เป็นสัญญลักษณ์ของเมืองเว้ไปแล้ว

หมดครึ่งวันแรก แวะร้านลุงใบ้อีกรอบเพราะอยู่ใกล้ๆ คราวนี้ลอง Bun Bo Hue และ แหนมเนืองแบบเว้ อร่อยใช้ได้ทั้ง 2 อย่าง

เพิ่มพลังเสร็จลุงคนขับ พาออกนอกเมืองอีกครั้งไปดูสะพานญี่ปุ่นแห่งเมืองเว้ สะพานตานตวน (Thanh Toan Tile-Roofed Bridge ) ทางไปค่อนข้างซับซ้อน ไปถึงแล้วกลับไปสนใจคนเวียดเลี้ยงเป็ดไล่ทุ่งข้างๆสะพานมากกว่า อาจเป็นเพราะอากาศร้อนมาก แดดแรง สะพานก็ดูมีเอกลักษณ์ดี ดูคล้ายๆสะพานญี่ปุ่นที่ฮอยอัน แดดร้อนๆอย่างนี้เลยมีชาวบ้านมานอนเล่นหลบร้อนกันเต็มไปหมด

ดูไม่นานก็ย้อนกลับเข้าเมือง แวะเข้าชม พระราชวังอานห์ดิ่ง (An dinh palace) พระราชวังฤดูร้อนของกษัตริย์บ๋าวได่ซึ่งเพิ่งเปิดให้เข้าชมไม่นานนี้ ด้านนอกดูไม่เท่าไหร่ แต่ด้านในตกแต่งยังกับวังในยุโรป แต่ก็ยังอยู่ในขั้นตอนบูรณะอีกเยอะ

จบโปรแกรมวันนี้ที่ พระราชวังเว้ (Hue Citadel) เดินดูได้ทั่ว สบายตัวขึ้นเพราะบ่ายแก่แล้ว ดีไปอย่างที่ไม่มาแต่บ่ายต้นๆ ช่วงนี้มีจัดงาน แสงสีเสียงด้วย แต่มีเฉพาะวันเสาร์ เลยไม่ได้ดู ด้านในยังมีการบูรณะอีกเยอะ ส่วนที่ค่อนข้างสมบูรณ์คือส่วน ตำหนัก Thai Hoa ตรงกลาง กับส่วนวัด To Mui ที่มีอาคาร มีกำแพงสีสันสดสวย ลักษณะพระราชวังคล้ายๆ พระราชวังต้องห้ามที่ปักกิ่ง แต่เล็กกว่าและไม่อลังการเท่าเดินจนทั่วแล้วกลับมานั่งชม flag tower บนชั้น 2 ของ main gate ประตูโหงะโหมน ดูเด็กๆขี่จักรยานเล่น ดูนักท่องเที่ยวนั่งซิโคล่ เห็นลุงคนขับ ขับรถมาเลียบๆอยู่ริมถนน คงใกล้เวลาหมดงานของแกแล้ว เพราะใกล้ห้าโมงเย็น เลยต้องกลับลงไป หมดแรง…กลับโรงแรมพักผ่อน คืนนี้ย้ายไปนอน Thang long hotel ประหยัดเงินได้เยอะ ห้องก็โอเค

H2 >> Hoi an

ใช้บริการ Sinh cafe นั่งรถ open bus จากเว้ไปฮอยอัน ตั๋วราคา 50,000 ดอง ก็แค่ 100 บาท รถคันเล็กเบาะสั้นนั่งเมื่อยไปหน่อย แต่แอร์ใช้ได้ดี มีฝรั่งเต็มคันรถ มีคนไทยแค่เรา 2 คน ใช้เวลาประมาณชั่วโมงก็แวะพักที่ หาดลางโก (Langco beach) ทรายยังกะทรายก่อสร้าง ทะเลดูคลื่นแรง เพราะวันนี้กลับมาขมุกขมัวอีกแล้ว มีฝนนิดๆหน่อยๆ
พัก 15 นาที ก็ออกเดินทางต่อลอดอุโมงยาวววว…ร่วม 20 นาที เขาว่าย่นระยะทางได้เยอะไม่ต้องข้ามเขา นั่งสัปหงกไปอีกไม่ถึงชั่วโมงก็ถึงดานังแล้ว แวะส่งคนลงดานังกับรับคนเพิ่ม แล้วก็ไปต่อ อีกแป๊ปเดียวก็จอดอีกล่ะ แวะภูเขาหินอ่อน ให้คนลงไปเดินเที่ยวเล่น หรือเข้าถ้ำไปไหว้พระ แต่ไม่มีใครเข้าไป ส่วนมากเดินๆนั่งๆรอเวลา มีฝรั่งซื้อกระดานหมากรุกจีนหินอ่อนคนเดียวเท่านั้นเอง

อีกแค่ครึ่งชั่วโมงก็มาถึงแล้ว ฮอยอัน ฉันรักเธอ…
ลงรถที่สำนักงาน sinh cafe ฝ่าวงล้อมรถเช่า แท็กซี่ มอ’ไซต์ มาได้ เดินดุ่มๆไปไม่ไกลไปที่ Thanh bin hotel
เก็บของล้างหน้าล้างตา แล้วออกชมเมืองฮอยอันกันเลย… 

แต่กองทัพเดินไม่ไหว เพราะท้องร้องต้องหาข้าวกินก่อน ฝนลงปรอยๆ เลยพุ่งเข้าร้านแรกที่เห็นคือ Vinh hung cafe
กินของขึ้นชื่อของฮอยอันคือเกาเหลา (Cao lau) แต่มันเป็นเล็กแห้ง ก็เฉยๆกินได้ ซื้อตั๋วชมเมืองเก่า 75,000 ดอง ต่อคน แพงเหมือนกัน แต่มาแล้วก็เอาซะหน่อย ตั๋วนี้เข้าชมสถานที่ต่างๆ 4 ประเภท ประเภทละที่ เช่น มิวเซียมมี 3-4 ที่ ก็เลือกเข้าได้ 1 อัน หรือบ้านเก่าก็เลือกเข้าชมได้ 1 หลัง จริงๆแล้วถ้าไม่สนใจเข้าไปดูด้านใน แค่เดินเล่นตามถนน ตรอกซอกซอย ดูบ้านเรือนทั่วไป ไม่ต้องซื้อตั๋วหรอก

Hoi an photo album at pbase.com > http://www.pbase.com/ton_manuswee/hoian

เดินวนไปวนมา เข้าถนนโน้นออกถนนนี้ ถ่ายรูปบ้างเดินเล่นบ้างสัก 2 ชม. ก็ทั่วเมืองแล้ว สัญญลักษณ์ของฮอยอันอีกอย่างคือ สะพานญี่ปุ่น อันนี้ก็ต้องใช้ตั๋วถึงเดิมข้ามได้ แปลกดี… บ่ายสามโมงไปดูโชว์ที่ศูนย์วัฒนธรรมและหัตถกรรม (Handicraft workshop and traditional music shop) มีแสดงดนตรีและเต้นระบำ 2-3 ชุด นั่งท่องเที่ยวนิยมมาดูกันเต็ม ดูจบก็เดินชมด้านใน มีของขายพร้อมโชว์การทำด้วย

บ่ายแก่ๆ ฟ้าเริ่มใส แดดออกอุ่นๆ บรรยากาศดี เดินเล่นริมแม่น้ำทูโบน นั่งพักจิบกาแฟ คนเรือกวักมือเรียกหยอยๆชวนนั่งเรือเล่นยามเย็นครึ่งชั่วโมง 50,000 ดอง ประมาณ 100 บาท ต่อไปต่อมาได้ 30,000 ดอง ก็นั่งเล่นชมพระอาทิตย์ตก แสงสวยมาก….บรรยากาศโรแมนติ๊ก….. สงสารน้าแกพายจ้วงตั้งครึ่งชั่วโมง เลยให้แกไป 40,000 แถมแกพูดอังกฤษได้นิดหน่อยด้วย แกก็พยายามพูดทักทาย แนะนำ น่ารักดี ให้แกไปส่งแถวท่าตลาด โบกมือลากัน…..

คืนนี้ไปร้านทีเด็ดที่ใครๆแนะนำ ร้าน mermaid อยู่ตรงข้ามตลาดเลย สั่งขนมเบื้องญวน, ปอเปี๊ยะสด และ white rose ของดังของร้าน ของเขาอร่อยจริงโดยเฉพาะ white rose อร่อยนุ่ม น้ำจิ้มก็รสถูกปากมากๆ อิ่มหมีพีมันในราคาแสนกว่าดอง เดินกลับโรงแรม ผ่านเมืองเก่ายามค่ำคืน ตามร้านเปิดไฟสว่างไสว โดยเฉพาะร้านขายโคมไฟหลากสีสันจะสวยมากกว่าที่อื่น…

อากาศที่เวียดนามกลางเหมือนที่เจอมาคือ ถ้าวันไหนขมุกขมัว วันต่อมาจะแดดดี เช้าวันนี้ เลยแดดแจ๋แต่เช้า พอกครีมกันแดดไปครึ่งหลอด เพราะวันนี้จะไป หมีเซิน (My son) อีกหนึ่งมรดกโลก ซื้อตั๋วทัวร์จากโรงแรมในราคา 5$ ราคาไม่ต่างจาก Sinh cafe เลยเอาที่โรงแรมจะได้ต่อรองขอ late check out ด้วย

รถบัสคันใหญ่มารับช้าไปเกือบครึ่งชั่วโมง เลยได้อาศัยเล่นเน็ทฟรีรอเวลา อ่านข่าวพวกเสื้อแดงทำลายชาติแล้วอารมณ์ยิ่งร้อน ดวงไม่ดี ดันเจอรถบัสที่แอร์ไม่เย็น เห็นชื่อข้างรถ camel tour ก็จำได้ว่าเคยมีคนบ่นว่าทัวร์นี้ไม่ดี แต่ตอนซื้อที่เคาเตอร์ไม่รู้หรอกว่าเขาไปใช้ทัวร์ไหน รถวนรับคนหลายที่จนเต็มคันรถ ร่วม 30 คน ฝรั่งบ่นกันอุบหายใจไม่ออก โชคดีนั่งตรงหน้าต่างที่เปิดได้ เลยได้ลมโกรกพอไหว นั่งรถออกจากเมืองฮอยอันไปประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงเมืองกว่างนาม
เลยออกไปอีกนิดเดียวก็ถึง หมีเซิน แดดร้อนมากถึงมากๆๆๆ….

หมีเซินเป็นกลุ่มปราสาท หรือศาสนสถานฮินดูของชาวจาม ชาวเมืองดั้งเดิมในแถบนี้… ตอนนี้ถอยร่นไปอยู่แถบใต้ และเขมร ลักษณะเด่นคือผมหยิกตาเล็กจมูกใหญ่… กลุ่มปราสาทที่พอหลงเหลืออยู่ บูรณะแล้วมีแค่กลุ่ม B, C, D, กลุ่มอื่นๆยังเป็นซากปรักหักพัง อากาศร้อนมากๆ เดินเอาแทบหมดแรง แต่พอมีลายสลักและทับหลังงามๆให้ชมพอหายเหนื่อย…

กลับมาถึงฮอยอันบ่ายโมง อาบน้ำ check out แล้วออกมาหาข้าวกิน หิวหน้ามืด ก่อนจากฮอยอันต้องขอกิน cao lau ร้านดังคือ Tran bach ซะหน่อย ชิมแล้วอร่อยกว่าร้านเมื่อวานจริงๆ เดินเล่น กินกาแฟ อีกนิดหน่อย ก็กลับโรงแรม เพราะนัดแท็กซี่ไว้ให้ไปส่งที่ดานัง คืนนี้จะนอนดานัง รถแท็กซี่คันใหญ่ แอร์เย็นเจี๊ยบ เหมาไปในราคา 10$ นั่งสบายไปแค่ 40 นาทีก็ถึงดานังแล้ว เลือกชัยภูมิใกล้ตลาด ใกล้แม่น้ำฮาน รร.ในดานังแพงหน่อย เลือกเอา Daesco hotel ตรงข้ามโบสถ์
ได้ห้องชั้น 6 วิวสวยมาก…ห้องก็ดีคุ้มราคาพันกว่าบาท….

Danang photo album at pbase.com > http://www.pbase.com/ton_manuswee/danang

เย็นนี้ ขอเข้าไปชม พิพิธภัณฑ์จาม (Cham museum) ซะหน่อย นั่งรถไปแป๊ปเดียวก็ถึงมิเตอร์ยังไม่ทันขึ้นเลย
ค่าเข้าชม 30,000 ดอง คนขายตั๋วพูดไทยได้ด้วย กำลังเรียนภาษาไทยอยู่….

เข้าไปด้านใน โอ้ว…แม่เจ้า รูปสลัก รูปปั้น งามๆทั้งนั้น ส่วนมากนำมาจากหมีเซินนั่นแหละ รูปสลัก-รูปปั้นสมบูรณ์มาก มีเพียบ ต้องเอามาเก็บไว้ที่นี่ อยู่ที่หมีเซินคงหาย…. เดินจนเจ้าหน้าที่มาปิดตอนห้าโมงเย็น จึงข้ามถนนมาเดินเล่นที่ลานริมแม่น้ำฮาน บรรยากาศดี ชาวดานังมาออกกำลัง มาเดินเล่นกันเพียบ เดินไปจนถึงแถวตลาด หาข้าวเย็นกิน มองซ้ายมองขวาเจ๊กวักมือชวนกินเฝอ…เออ..ดูน่ากิน เลยลงไปนั่งซัดเฝอริมถนนคนละชาม ของเขาดีจริง พูดกันไม่รู้เรื่องหรอกจิ้มๆเอา ได้เฝอกระดูกหมูใส่หมูยอ…อร่อยมากๆ น้ำซุปก็ดีสงสัยเพราะผงชูรส…555 อิ่มแล้วกลับไปริมน้ำ ถ่ายภาพสะพานแขวนเมืองดานัง แสงสีใช่ย่อย สู้กับสะพานเจ็ดสีเมืองเว้ได้สบายๆ

เช้าวันใหม่อากาศสดใสดี โผล่หน้าไปดูวิวเมืองดานัง พระอาทิตย์เริ่มขึ้น แสงสวยงามมาก… รีบจัดแจงซัดขนมปังกาแฟรองท้องแต่หกโมงครึ่ง แล้ว check out ออกไปสนามบินดานัง เพื่อต่อเครื่อง Jetstar airways กลับโฮจิมินห์ ตั๋วราคาถูกว่า VN นิดหน่อย นักท่องเที่ยวและคนเวียดนามเยอะแยะเต็มสนามบิน เป็นสนามบินนานาชาติด้วยแต่ค่อนข้างเล็ก

H3 >> Ho Chi Minh

HoChiMinh photo album at pbase.com> http://www.pbase.com/ton_manuswee/hochiminh

นั่งเครื่องไปราวๆ ชั่วโมงก็ถึงสนามบินตันเซินยัต (ton son ngat international airport) เรียกแท็กซี่เข้าเมือง เลือกชัยภูมิกลางย่านท่องเที่ยว ไม่ไปอยู่แถบข้าวสาร (Pham Ngu Lao St.) ยอมพักแพงหน่อย เพราะมีเวลาแค่ครึ่งวันบ่ายนี้ ต้องเดินชมเมืองให้มากที่สุด…. 

เริ่ม city tour ที่ Pho 24 ซัดเฝอไก่ไป 1 ชาม รดชาดก็ใช้ได้ ร้านนี้มีสาขาทั่วเมืองหาได้ง่ายๆ อิ่มแล้วเริ่มเดินตามถนน Dong Khoi เจอ Opera house สวยงามสไตล์ยุโรป เลี้ยวซ้ายถนน Le Loi  ไปถึงแยกตัดกับถนน Nguyen Hue มองขวาเจอสัญญลักษณ์ของไซง่อน อนุสาวรีย์ลุงโฮนั่งกับเด็กอยู่หน้า city hall ต้องถ่ายภาพเป็นที่ระลึกว่ามาแล้วนะไซ่ง่อน….

จากนั้นเดินเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาตามแผนที่อีกไม่ไกลจะเจอ Notre Dame Cathedral วันนี้แดดดี โบสถ์สีสดมาก ข้างๆกันเป็นไปรษณีย์กลางของโฮจิมินห์ อาคารใหญ่มาก เข้าไปถ่ายรูปพร้อมหลบแดดด้านใน สวยงามดี ออกเดินไปตามถนน Le Duan ร่มรื่นด้วยต้นไม่ใหญ่ตลอดแนว แต่อากาศก็ร้อนอยู่ดี เดินไปสุดถนนจะเจอ Reunification Conference Hall หรือ อดีตทำเนียบประธานาธิบดี เสียเงินเข้าไปดูได้ แต่ตัดสินใจไม่เข้า ถ่ายรูปแต่ด้านนอกก็พอ เดินต่อไปพิพิธภัณฑ์สงครามแทน ช่วงนี้หลงเพราะดูแผนที่ผิด เหงื่อไหลเป็นทางกว่าจะเจอ เห็นคนฉลาดและมีตังค์เขาเหมาแท็กซี่เที่ยวกัน นั่งไปแป๊ปจอดจึ๊กลงเดินเที่ยวถ่ายรูป ขึ้นรถต่อ……ไม่เป็นไรเรางบน้อยเดินเอา….

คิดว่าพิพิธภัณฑ์จะแอร์เย็นหลบร้อนได้แบบที่ฮานอย ที่ไหนได้ไม่มีแอร์ ร้อนอบอ้าว แถมภาพถ่ายสงครามเวียดนามชวนหดหู่ไม่ใช่เล่น….เลยอยู่ไม่นาน… ไม่ไหวแล้ว ยอมแพ้ขอกลับไปแถบอนุสาวรีย์ลุงโฮ ขึ้นห้างไปนั่งจิบกาแฟ Hiland cafe บนชั้น 6 พักเหนื่อยได้พักใหญ่…..กลับโรงแรมดีกว่า เอาไว้เย็นกว่านี้ค่อยออกมาใหม่….

แดดร่มลมตก ออกมาอีกรอบเดินเลี้ยวซ้ายนิดเดียวก็ถึงริมแม่น้ำไซ่ง่อน แถวนี้มีภัตตาคารเรือหลายลำ เรือแต่ละลำใหญ่แบบ 3 ชั้นทั้งนั้น แต่ไม่เห็นมีคนกิน มีท่าเรือข้ามฟากด้วย คนเอามอเตอร์ไซต์ลงกันเพียบ สงสัยข้ามกลับบ้าน เดินเลาะไปเรื่อยๆแล้วเลี้ยวขวาเพื่อไปแถวตลาดเบถั่น (Ben Thanh) ไปถึงตลาดใกล้ปิดแล้ว แต่ไม่เป็นไรไม่ได้อยากซื้ออะไร เข้าไปเดินดูในตลาดว่ามีอะไรบ้าง..ก็มีพวกเสื้อ กระเป๋า ของกินเบ็ดเตล็ด เยอะแยะมาก เดินออกมาด้านข้าง แวะพักเหนื่อยกินน้ำอ้อยตามคำเชิญชวนของหนุ่มหน้าซื่อ ดันลืมถามราคาก่อน มันหยิบมาให้ 2 แก้ว พอถามราคา มันบอกแก้วละ 30,000 บ้าไปแล้วแก้วละ 60 บาทเนี่ยนะ ไม่ยอมเฟ้ย… ลงนั่งเก้าอี้เตี้ยๆร่วมกับชาวเวียด รอดูคนมาซื้อ มีสาวมาซื้อ 1 แก้ว ยื่นแบงค์ 20,000 รอดูเจ๊คนขายทอน 10,000 เออ..แก้วละหมื่น 20 บาทค่อยเหมาะสม บอกไอ้หนุ่ม เฮ้ย…เอ็ง โกงนี่หว่า น้องคนนี้ซื้อหมื่นเดียว มันบอกไม่ใช่ๆสามหมื่นเหมือนกัน สาวอมยิ้ม โต๊ะข้างๆหัวเราะกันครืน ไม่มีใครกล้าบอก เลยหยิบแบงค์ 20,000 มา วางบอกมันว่าให้แค่นี้เอามั๊ย มันเลยหน้าคว่ำ หยิบเงินไปอย่างเสียไม่ได้…..รีบเผ่นดีกว่า….. ไปนั่งกินข้าวที่เต๊นท์อาหารข้างตลาด เพิ่งตั้งร้านเสร็จใหม่ๆ สั่งกับ 3 อย่างข้าว 2 จาน คิดเงินไปแค่เก้าหมื่นดอง… อืมม…ราคาพอรับได้ ไม่แพงมาก อิ่มแล้วเดินเล่นกลับโรงแรม ดูแสงสีไซ่ง่อนยามค่ำ เดินไปจนถึงลุงโฮอีกรอบ
พอมีแสงไฟก็สวยดี ชาวไซ่ง่อนพาลูกพาหลานมาเดินเล่นที่สวนหย่อมหน้าอนุสาวรีย์กันเยอะแยะ ถึง Kim long hotel กลับขึ้นห้องนอนดูฟุตบอลพรีเมียร์ลีค หลับสบาย………

เช้านี้ตื่นสายหน่อยได้ เครื่องออกตอน 11:30 มีเวลาสบายๆ กินอาหารเช้าเสร็จ เดินเล่นแถวโรงแรม ได้ยินเสียงดนตรีแจ๊สดังแว่วๆ เดินตามเสียงไปถึง Opera house รถเครื่องจอดกันเต็มลาน มีดนตรีสดเล่นให้ดูฟรี คนแถวนั้นบอกว่ามีทุกวันอาทิตย์ตอนเช้าประมาณ 1 ชั่วโมง… นั่งฟังดนตรีไปลมพัดเย็นๆ จนเก้าโมงกลับไป check out กลับบ้านกันเถอะ…………

ดูรูปทั้งอัลบั้ม Photo album of Central Vietnam > http://www.pbase.com/ton_manuswee/c_vietnam

Travel Tips

การเดินทาง

  • เดินทางไปไหนมาไหนในเมือง ถ้าไม่กลัวร้อนไม่กลัวฝนของไม่เยอะ ใช้มอเตอร์ไซต์ได้ ราคาแล้วแต่เหมา
  • ซิโคล่ยังไม่เคยนั่ง เลยไม่รู้ราคา แต่ส่วนมากเห็นฝรั่งเหมานั่งเที่ยวรอบๆฮอยอัน กับเว้ก็เรียกไปใกล้ๆได้ ไกลๆคงไม่ไหว
  • ถ้าใช้ Taxi บริษัท Mailinh คันสีขาวคาดเขียวดี ไม่โกง, Vinasun ที่โฮจิมินห์ก็โอเค Vinamet อย่าขึ้น แพงมหาโหด
  • เดินทางระหว่างเมืองถ้าไกลๆใช้รถไฟ แต่ต้องดูตารางเวลา บางทีเวลาไม่ดี หรือบางทีเสียเวลามากไม่คุ้ม
  • เครื่องบินก็ไม่แพง พอรับได้ จองก่อนล่วงหน้าถูกกว่า เฉลี่ยแล้วประมาณพันบาทต้นๆ
  • ทั้ง โฮจิมินห์ – เว้ by Vietnam airline และ ดานัง  – โฮจิมินห์ by Jetstar airways
  • ประหยัดเวลา ประหยัดแรง ถ้าใกล้ๆก็ใช้ open bus shinh café สะดวก ประหยัด
  • แลกเงินอย่าแลกตามร้านตัวแทนท่องเที่ยวเพราะเสียค่า service ประมาณ 3-5% เสียดาย
  • ให้แลกที่เป็นเคาเตอร์ธนาคารหรือที่ธนาคารเลย ได้ราคาเต็มๆประมาณ 17,700 – 18,000 VND:1$ (เมย.09)
  • อย่าลืมถามก่อนแลกว่าเสียค่า charge อะไรมั๊ย บางที่คิดเกือบ 10%

ที่พัก หาได้ตั้งแต่ไม่ถึง 10$ จนเกิน 100$ แล้วแต่ขนาดรร. สภาพห้อง และสถานที่

  • Hue >
    Duytan hotel 29$ (ตึกใหม่) & Thanglong hotel 12$
    ทั้ง 2 ที่สภาพดี มีแอร์ น้ำอุ่น ทำเลแจ่มหาของกิน+เดินเล่นได้ ใกล้สะพานเจ็ดสี อาหารเช้า Duytan เลิศ อีกที่ไม่มี
  • Hoi An >
    Thanh binh II 15$ < ห้องกว้าง แอร์ น้ำอุ่น ทำเลพอใช้ ใกล้ Shinh café อาหารเช้ามีแต่ขนมปัง+ไข่
  • Danang >
    Daesco 35$ < แพงหน่อยแต่ทำเลดี ใกล้ตลาด ใกล้แม่น้ำ ใกล้มิวเซียม ห้องเลิศ วิวงาม อาหารเช้าใช้ได้
  • HoChiMinh >
    Kimlong 32$ < ทำเลทองใกล้อนุสาวรีย์ลุงโฮ ห้องธรรมดาๆดูไม่น่าเกิน 15$ แต่บวกค่าทำเลดีไปอีกเท่าหนึ่ง รร.รอบๆข้างราคา 70$ ขึ้นไปทั้งนั้น เดินไปตลาดเบนทั่นก็ไม่ไกล

อาหาร

  • ถามราคาก่อนสั่ง หรือดูเมนูที่มีราคาแสดง ส่วนมากก็ไม่มีปัญหา คนแถบนี้ดีกว่าแถบเหนือ (ฮานอย)
  • น้ำ+ขนม แนะนำให้เข้าซุปเปอร์มาเก็ต ถูกที่สุดแล้วน้ำขวดเล็กไม่ถึง 3000 ด่อง ร้านของชำข้างนอก 3000 ขึ้นไป
  • อาหารเด่นแต่ละเมือง หาข้อมูลร้านจากตามเวปก่อนไป เช้น เว้แพนเค้ก, เกาเหลาฮอยอัน, อาหารทะเลที่ดานังหรือไซ่ง่อน
  • กินสบายๆ 2 คนไม่กระเหม็ดกระแหม่แถมมีเบียร์ด้วยสักขวด มื้อละประมาณแสนกว่าด่อง
  • ถ้าเอาแบบถูกโคตรๆ กินแต่เฝอหรือบุ๋นข้างถนนก็ไม่เกิน 50,000 ด่องต่อมื้อ

เวียดนามเหนือเมื่อฝนพรำ

Trip: Northern Part of Vietnam : Mar. 2007

Hanoi : Day-1
Sapa | Cat Cat Village : Day-2
Sapa | Lao Chai, Ta Van : Day-3
Halong Bay : Day-4
Hoa Lu – Tamcoc : Day-5
Hanoi : Day-6

ไปเวียดนามครั้งแรกก็จะงงๆหน่อย แม้จะหาข้อมูลกันไปอย่างมากมาย และถูกบรรจุข้อมูลไปเต็มสมองว่า ระวังโดนโกง ระวังโดนโกง และระวังโดนโกง ก็ไม่วายจะโดนไปบ้างเล็กๆน้อยๆ แต่ก็พอให้มีรสชาติในการเดินทาง

แผนการเที่ยวเวียดนามครั้งแรกของพวกเรา 5 คน เป้าหมายจริงๆคือขึ้นไปเหนือสุดของเวียดนามที่ซาปา เมืองในหุบเขา อากาศเย็นสบาย บรรยากาศสวยงาม เคยเป็นเมืองตากอากาศยอดนิยมสมัยยังเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส ทริปเริ่มต้นกันที่ ฮานอย อันเคยเป็นเมืองหลวงของเวียดนามเหนือก่อนมีการรวมประเทศในปี พศ. 2518 และยังคงเป็นเมืองหลวงของประเทศหลังรวมประเทศแล้ว จากเมืองไทยไปเวียดนามมีสายการบินที่บินตรงหลายสายการบิน เลือกใช้บริการตามงบประมาณ จากกรุงเทพไปถึงฮานอยใช้เวลา 2 ชั่วโมง นั่งแค่เพลินๆก็ถึงแล้ว

Hanoi : Day-1

จากสนามบินเพวกเรามีรถจากบริษัท indoviet travel มารับ ที่เราติดต่อมาล่วงหน้าให้จองตั๋วรถไฟไป-กลับซาปา รวมกับทัวร์เที่ยวซาปา 2 วัน รถพาไปที่สำนักงานบริเวณฟามงูหลาว ( Pham Ngu Lao ) บริเวณที่คราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวหลายชาติหลายภาษา อารมณ์เหมือนตรอกข้าวสารบ้านเรา มาถึงต้องตรวจสอบโปรแกรมกับบริษัทอีกรอบว่าตรงกับที่คุยกันทาง email หรือไม่

ฝากของไว้ที่บริษัทเรียบร้อย ออกเดินเที่ยวเล่นกันเลย เริ่มต้นที่อาหารเช้าก่อน ง่ายสุดคือเฝอ เดินเจอร้านต้มซุปกลิ่นหอมหวลชวนน้ำลายไหลเลยจัดการกันซะคอแห้งเลย เพราะเจ้แกใส่ผงชูรสเป็นช้อน ห้ามก็ไม่ทัน

เดินต่อเรื่อยๆมาถึงถนนสายหลักที่วิ่งวนรอบทะเลสาบฮว่านเกี๋ยม (Ho Hoan Kiem) หรือ ทะเลสาบคืนดาบ มีตำนานเล่าว่าทะเลสาบนี้มีเต่ายักษ์คาบดาบมาให้กษัตริย์เอาไปรบจนชนะ รบชนะแล้วก็เอาดาบมาคืน เต่าก็ขึ้นมาคาบดาบกลับลงไป มีสัญลักษณ์เป็นหอคอยสีขาวเด่นเป็นสง่าในทะเลสาบ เรียกว่า หอคอยเต่า (Thap Rua)

เดินวนซ้ายเลียบริมทะเลสาบไม่ไกลจะเห็นสะพานสีแดง หรือชื่อทางการว่าสะพานเทฮุกที่แปลว่าพระอาทิตย์ เดินข้ามเพื่อไปวัดหง็อกเซิน (Ngoc Son Temple) เข้าไปไหว้พระเอาฤกษ์เอาชัยกันก่อน ในบริเวณวัดที่เต่าตัวใหญ่สต๊าฟไว้ด้วย คนเวียดนามเชื่อกันว่าเป็นเต่าศักดิ์สิทธิ์ในทะเลสาบนั่นเอง

ทางเดินรอบๆทะเลสาบร่มรื่นด้วยต้นไม่ใหญ่ มีคนมาเดินเล่นกันเยอะแยะทั้งคนเวียดนามและนักท่องเที่ยว ยิ่งเย็นคนยิ่งเยอะ หนุ่มสาวก็มานั่งจู๋จี๋กัน คนแก่ก็มานั่งคุยกัน คนมาวิ่งออกกำลังกายก็มี ถ้ามีเวลาก็เดินเล่นสักรอบ

ได้เวลากลับไปที่บริษัท มีรถพาไปส่งที่สถานีรถไฟ คืนนี้นอนบนรถไฟเป็นตู้นอน ห้องละ 4 คน ที่เตียงบนเตียงล่าง รถไฟเวียดนามไม่ใหม่แต่ก็ไม่เก่า ถือว่าใช้ได้ทีเดียว

Sapa : Day-2

นอนหลับๆตื่นๆบนรถไฟ เช้ามืดก็มาถึงสถานีเลาไค (Lao Cai) นักท่องเที่ยวลงกันค่อนขบวน พวกเรายังคงมีคนมารับ เพื่อพานั่งรถต่อไปที่ซาปา รถตู้ 10 ที่นั่ง โดนจับเบียดจนแน่นรวมกับนักท่องเที่ยวอื่น นั่งเหวี่ยงไปมาข้ามเขา โค้งแล้วโค้งเล่า ในที่สุดก็มาถึงซาปา เมืองบนเขาสูง อากาศดีมีหมอกปกคลุม

ที่พักที่จัดไว้ให้ สวยงามพอใช้ได้ สวนด้านหลังมองเห็นวิวนาขั้นบันได ที่ตอนนี้มีแต่ดินแห้งๆ เพราะไม่ใด้เป็นฤดูปลูกข้าว แต่ก็ยังถือว่าสวย เพราะมีพื้นที่กว้างใหญ่ แถมด้วยฉากหลังเป็นยอดเขาฟาซีปานอันโด่งดัง ที่หลายคนมาปีนขึ้นยอดเขากัน

เอาของเก็บที่พัก แล้วหาอะไรลงท้องกันก่อน วันนี้เรามีแผนจะไปเดินเที่ยวหมุ่บ้านกัตกัต (Cat Cat Village) เป็นการวอร์มเครื่อง วันนี้มีไกด์เป็นสาวชนเผ่า พาพวกเราเดินลัดเลาะทุ่งนาขั้นบันไดลงไปในหมู่บ้านกลางหุบเขาด้านล่าง

Bản Cát Cát

ความรื่นรมย์ของการเดินคือ ได้เห็นชาวบ้าน ปลูกผัก เก็บผัก บ้างก็เลี้ยงหมู เลี้ยงไก่ มีเด็กๆวิ่งเล่นกันตามคันนา มันก็เป็นอะไรดิบๆดี ทางเดินวันนี้ไม่ได้ไกลมาก เดินกันไปจนวนกลับขึ้นมา ช่วงบ่ายแก่ๆ

จากนั้นเป็นช่วงอิสระ เดินเล่นกลางเมืองซาปา เข้าตลาดบ้าง เดินลัดเลาะซอกซอยดูวิถีชีวิตชาวเมือง แวะจิบกาแฟร้านที่มีวิวสวยๆ นั่งเพลินๆไป

ยิ่งเย็นคนยิ่งเยอะ

ตกเย็นลงมาเดินตลาดนัดหน้าโบสถ์ มืดแล้วหนาวมากจนต้องหาร้านจิบเหล้าท้องถิ่นจะได้อุ่นๆหน่อย ได้เวลาเดินกลับที่พัก

The Stone Church (Holy Rosary Church)

Sapa : Day-3

ตื่นเช้ามาปวดขาไม่น้อย เมื่อวานเดินมากไปหน่อย แต่วันนี้ยังต้องเดินอีก วันนี้พวกเราจะไปเดินเที่ยวหมู่บ้าน Lao Chai กับ Ta Van ซึ่งจะอยู่ไกลกว่าหมู่บ้านที่เราเดินวันแรก ควรนั่งรถไปจุดทางเดินลงหมู่บ้านเพื่อประหยัดเวลาและพลังงาน

เริ่มต้นเดินตั้งแต่ 9:30 `เดินลงไปในหุบเขาด้านล่าง วันนี้ฟ้าไม่เปิด แดดไม่แรงก็เลยเดินสบาย ระหว่างทางเจอเด็กๆใส่ชุดชนเผ่ารอต้อนรับตลอดทาง เรียกมาถ่ายรูปก็มากันเป็นหมู่คณะ แจกขนมกันไปตลอดทาง ระหว่างทางมีของทำมือมาวางให้เลือกซื้อเป็นระยะ ผ้าปักสวยๆก็มี เป็นเสื้อก็มี มาเป็นชุดเลยก็มี งานฝีมือล้วนๆ นั่งปักกันเห็นๆ บางคนก็ถนัดแนวเครื่องประดับ เครื่องเงิน ก็มานั่งร้อยกันให้ดูเลย ใครชอบของพวกนี้น่าจะเพลิดเพลิน

Lào Cai

ด้วยว่าพวกเราเดินกันเอ้อระเหยมาก ถ่ายรูปกันไปตลอดทาง กว่าจะไปถึงจุดทานกลางวันที่หมู่บ้านตาวาน (Ta Van) ก็บ่ายแก่ หิวกันโซ ไกด์เป็นคนแบกอาหารกลางวันมา ถึงจุดทานอาหารก็จัดแจงเอาอาหารออกมาจัดวาง มันคือขนมปังฝรั่งเศส หมูแฮม ไข่ต้ม มะเขือเทศ แตงกวา ทำกันเองจ้ะ ตามด้วยกล้วยน้ำว้า ฝืดคอไปหน่อย ต้องสั่งกาแฟเวียดนามรสเข้มมากลั้วคอ อิ่มแล้วเดินต่อ หมู่บ้านนี้คึกคัก ชาวบ้านก็เยอะ เด็กยิ่งเยอะ วิ่งเล่นตามกันมาตลอดทาง จนเดินมาทะลุทางออกอยู่บ้าน ข้ามสะพานแขวนขึ้นรถกันอย่างหมดแรง

Tả Van

พอได้นั่งรถก็รู้สึกยังพอมีพลังเหลือ เพราะยังมีเวลา เลยให้รถส่งที่กลางเมืองยังไม่กลับโรงแรม ยังจะขึ้นจุดชมวิวอีกอันตรงบริเวณด้านหลังโบสถ์ ต้องเสียค่าเข้าเล็กน้อย แล้วเดินขึ้นเนินไปอีกพอสมควร ก็ลากสังขารกันขึ้นไปสำเร็จจนได้ ด้านบนเป็นสวน ที่ช่วงนี้มีดอกซากุระสีชมพูสวยหวานบานสะพรั่ง เดินถ่ายรูปเล่นกันสนุกสนาน แถมยังมีจุดชมวิวเมืองซาปาได้ด้วย

ได้สำรวจซาปาครบถ้วนตามแผนที่วางมา เดินกลับโรงแรมไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมเดินทางกลับ รถจะไปส่งที่สถานีเลาไคเหมือนตอนมา พวกเราก็นอนบนรถไฟกลับฮานอยกัน

Halong Bay : Day-4

ถึงฮานอยตั้งแต่เช้า รถมารับกลับไปส่งที่บริษัท วันนี้พวกเราจะไปเที่ยวอ่าวฮาลองกัน เช้าวันแรกที่มาถึงตอนเดินเที่ยวเล่นได้จองทัวร์ไว้แล้ว มีหลายบริษัทให้เลือก เลือกเอาตามที่ชอบต่อรองราคาให้เรียบร้อย เช้านี้หาห้องพักก่อน ได้เริ่มใช้ทักษะในการพูดคุยต่อรองราคาบวกด้วยต้องมีสติและรอบคอบ (โอ้โห….ทำงานยังไม่เครียดเท่านี้เลย) โดนทดสอบเบาๆด้วย การสรุปค่าห้องพักแล้วไม่ให้รีโมทแอร์จ้า บอกว่าราคาไม่รวม พอโวยวายจนนางยอม นางบอกห้องพักเต็ม จะให้คนพาไปพักอีกที่ โวยวายต่อจ้า จนสุดท้ายก็ได้ห้องที่เราดูแล้วตกลงราคากันไว้ ก็ไม่เต็มนี่หว่า

กลับมาถึงฮานอยแต่เช้าตรู่

ฝากของไว้ก่อน แล้วไปรอที่บริษัทฯทัวร์เพื่อนั่งรถออกนอกเมืองไปลงเรือล่องทะเลสาบ น้ำไม่ต้องอาบ อากาศเย็นๆ ก่อนขึ้นรถคุยกะเจ๊ที่บริษัททัวร์ว่าเย็นนี้อยากดูหุ่นกระบอกน้ำ ให้เจ๊ไปซื้อตั๋วให้หน่อย ขอที่ดีๆ เจ๊บอกได้เลย (แต่พวกเรานี้หวั่นใจ แต่เสี่ยงดวงว่าเจ๊จะไม่เบี้ยวและหาที่ดีให้ได้)

อ่าวฮาลอง (Halong Bay) เป็นอ่าวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่มาเวียดนาม มีขนาดกว้างใหญ่ 1,500 ตร.กม. มีภูเขาหินปูน กระจายอยู่กว่า 2,000 เกาะ มีทั้งขนาดเล็กขนาดใหญ่ บางเกาะมีชายหาด บางเกาะมีแต่หน้าผาหิน บางเกาะมีถ้ำ อ่าวฮาลองได้รับการประกาศเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ จากองค์กรยูเนสโกในปี 2537

นั่งรถไปนานมาก ด้วยระยะทาง 170 กม. และรถวิ่งได้ช้าเพราะมี Speed limit ออกจากฮานอย 8:30 กว่าจะถึงเมืองฮาลองก็เที่ยง รถไปจอดที่ท่าเรือฮาลอง เรือหัวมังกรทรงคลาสสิคหน้าตาเหมือนกันจอดเต็มไปหมด เดินตามไกด์ขึ้นเรือของเราไป ทัวร์มาตรฐานคือ นั่งเรือไปแวะเที่ยวถ้ำ 3 จุด ราคารวมอาหารกลางวันซึ่งมีอาหารพื้นๆทั่วไป ประทังชีวิตได้ ถ้าจะเพิ่มอาหารทะเลก็สั่งได้ เรือจะแล่นช้าๆเพลินๆ ระหว่างทางก็จะมีเรือแม่ค้าพายขนาบมาขายของ ระหว่างแม่ครัวทำอาหารเรือก็ไปจอดตรงแพปลา ลงไปเดินชมได้ เผื่อสนใจอยากได้ปลา กุ้ง ปลาหมึก อาหารทะเลสดๆเพิ่มเติม ก็ซื้อมา เรือทำให้กินได้แต่คิดค่าทำ แบ่งรายได้กันไป

หลังอาหารก็นั่งเรือกันต่อไป เรือจอดให้ขึ้นเกาะไปเที่ยวถ้ำเทียนกุง (Thien Cung Grotto) มีความหมายว่าถ้ำแห่งสวรรค์ เป็นถ้ำที่ใหญ่ที่สุดในอ่าวฮาลอง ด้านในมีหินงอกหินย้อยขนาดใหญ่ โถงถ้ำมีขนาดใหญ่พอสมควร ทำทางเดินไว้ดีทีเดียว แต่ก็มีการตกแต่งแบบจีนๆ คือไฟสีส้มแดงชมพู สาดไปทั่ว เข้าไปเดินเที่ยวถ่ายรูปสัก 20 นาที ก็ทะลุไปจุดชมวิว ถ่ายรูปอ่าวจากมุมสูงได้ แต่วันที่ไปฟ้าไม่เป็นใจเลย แดดไม่ออก ฟ้าเทาขมุกขมัวมาก

หากให้อธิบายบรรยากาศการล่องเรือในอ่าวฮาลอง ก็คล้ายๆกับล่องเรือในเขื่อนเชี่ยวหลาน มีภูเขาหินปูนคล้ายๆกัน แต่อ่าวฮาลองเป็นน้ำทะเล และกว้างใหญ่กว่า เราไม่ได้ประทับใจการล่องเรือครั้งนี้สักเท่าไหร่ บรรยากาศก็ไม่ถึงกับตะลึงงัน ยิ่งมาในวันที่อากาศอึมครึม มีฝนตกด้วยแล้ว ยิ่งไม่มีความสวยงามติดตาติดใจกลับมาเลย ถ้ำหินงอกหินย้อยใหญ่จริง แต่จัดแสงสีเสียงมาจนไม่รู้สึกถึงความเป็นธรรมชาติ แถมคนเยอะมากมาย เอาเป็นว่าไม่เคยมาก็อยากมา เป็นมรดกโลกด้วย แต่ให้มาซ้ำไม่เอาจ้ะ

บ่ายๆก็กลับเข้าฝั่ง รู้สึกไม่ค่อยคุ้มกับการนั่งรถอย่างนานทั้งไปและกลับ แต่ก็อย่างที่บอก มาถึงเวียดนามทั้งทีก็ขอมาเห็น รถวิ่งความเร็วเท่าเดิม แถมด้วยมีรถติดเป็นระยะๆ หลับแล้วตื่น ตื่นแล้วหลับต่อ มาถึงฮานอยตอนเย็นย่ำ รีบไปหาเจ๊ที่บริษัทฯ ถามหาตั๋วกระบอกน้ำ เจ๊บอกจัดให้แล้ว ว่าแล้วก็ให้ลูกน้องพาเดินไปที่โรงแสดงที่อยู่ใกล้ๆทะเลสาบ ที่นั่งที่เจ๊จัดให้ถือว่าใช้ได้ทีเดียว คนดูเต็มเกือบทุกที่นั่ง มีทั้งฝรั่ง ทั้งเอเชีย

หุ่นกระบอกน้ำ (Water Puppet) ใช้ผู้เชิดอยู่หลังมู่ลี่ไม้ไผ่ที่มีการพรางไว้ ตัวหุ่นเชิดจะอยู่ที่ปลายไม้ที่ยาวพอที่จะยื่นออกมานอกฉากที่ผู้เชิดบังคับ มีกลไกบังคับมือหรืออวัยวะของหุ่นที่ทำจากไม้ฉำฉาที่เบาและพยุงน้ำหนักเมื่ออยู่ในน้ำ และการเชิดต้องไม่ให้เห็นไม้บังคับหุ่น จึงทำให้ดูเหมือนหุ่นมีลีลาของตนเอง (ข้อมูล: Wikipedia.com)

Thang Long Water Puppet Theatre เป็นคณะละครเก่าแก่ เปิดแสดงหุ่นกระบอกน้ำมานานกว่า 50 ปี โรงละครอยู่ใกล้ๆทะเลสาบคืนดาบ โรงละครมีขนาดใหญ่โตพอสมควร ทำฉากสวยงามดี มีวงดนตรีอยู่ด้านข้าง นักร้องสาวใหญ่เสียงใสร้องขับกล่อมพร้อมดนตรีพื้นเมือง เราได้ที่นั่งแถวไม่ไกล เลยเห็นชัด ถ่ายรูปก็สนุกใช้ได้ นำกระเซ็นเห็นชัดเจน ชุดการแสดงก็เหมือนการแสดงทั่วไป มีระบำพื้นเมือง แสดงวิถีชีวิตของคนเวียดนาม เทียบกับเมืองไทยก็คงเป็นระบำเกี่ยวข้าว แต่หุ่นกระบอกน้ำก็เป็นระบำจับปลา ระบำว่ายน้ำ ต่อด้วยละคร สู้รบกันไปมา มีเต่ามารับดาบ ตามตำนานทะเลสาบคืนดาบด้วย ดูเพลินๆไป 1 ชั่วโมง

คืนดาบกับเต่าตามตำนาน
เชิดหุ่นกันเปียกๆแบบนี้เลย

ออกจากโรงละคร แวะนั่งกินอาหารแถวหน้าโรงแสดงนั่นแหละ มีร้านเปิดขายเต็มไปหมด ทั้งเฝอ ทั้งข้าว ทั้งก๋วยเตี๋ยว เลือกกินตามชอบ

Hoa Lu – Tamcoc : Day-5

วันนี้ยังคงเป็น Day trip ซื้อทัวร์จากในเมืองไป เมื่อวานไป ฮาลองเบย์ วันนี้ไป ฮาลองบก คนไทยก็ช่างตั้งชื่อ ที่เรียกฮาลองบกเพราะวันนี้จะนั่งเรือล่องน้ำชมทิวทัศน์คล้ายๆกัน แต่เป็นแม่น้ำ และเป็นเรือพายขนาดเล็ก รถมารับตั้งแต่ 7:30 นั่งรถออกนอกเมือง ซึ่งรถยังคงวิ่งช้าเป็นปกติ ระยะทางประมาณ 100 กม. รถใช้เวลาไปเกือบ 2 ชั่วโมงก็ถึง นิงห์บิง (Ninh Binh) เมืองเก่าแก่ที่เคยเป็นที่ตั้งของเมืองหลวงถึง 3 ราชวงศ์ คือ ราชวงศ์ดิงห์, ราชวงศ์เล และราชวงศ์หลีเวียดนาม นิงห์บิงอุดมสมบูรณ์ นาข้าวเขียวขจีไปทั่ว เห็นแล้วสบายตาจริงๆ

นักท่องเที่ยวมักไปเที่ยวกันที่ เมืองประวัติศาสตร์ฮวาลือ (Hoa Lu ancient capital) มีวัดดิงห์เตียนฮวาง (Dinh Dynastic Temple) หรือ วัดดิงห์คิง วัดประจำพระองค์ของกษัตริย์ดิงห์ หรือจักรพรรดิดิงห์เตียวฮว่าง (Dinh Tien Hoang) แห่งราชวงศ์ดิงห์ ด้านนอกเป็นบรรยากาศทุ่งนา เดินเข้าด้านในวัดก็เรียบง่าย ไม่มีอะไรหรูหรามากนัก

อีกที่คือ Temple of King Le Dai Hanh วิหารของจักรพรรดิเลไดฮานห์ (Le Dai Hanh) ผู้ก่อตั้งราชวงศ์เตียนเล (Tien Le Dynasty) ลักษณะก็คล้ายๆกัน เดินดูจนทั่วใช้เวลาไม่นาน

ราคาทัวร์รวมอาหารกลางวันเหมือนเคย แต่แวะทานบนฝั่งให้เรียบร้อยก่อน จึงพาไปจุดลงเรือ เรือที่จะนั่งเป็นเรือพายขนาดเล็กที่นั่งได้ 2-3 คน จัดสรรเรือกันเรียบร้อยก็เริ่มพายเรือตามกันไปเป็นขบวน จากช่วงแรกที่เป็นชุมชนชาวบ้าน ก็เริ่มออกสู่หุบเขา พายลัดเลาะ ทุ่งนา ป่าเขา ไปเรื่อยๆ ความเก๋ไก๋ของการเที่ยวฮาลองบกคือ ฝีพายที่นั่งพายอยู่ด้านหลัง จากตอนแรกใช้มือโยกพายปกติ ก็เปลี่ยนเป็นใช้เท้าโยกไม้พายแทน อธิบายยาก ดูรูปก็แล้วกัน เราว่ามันน่าจะเมื่อยกว่าใช้มือนะ แต่ทุกคนก็พายแบบนี้กัน กลายเป็นเอกลักษณ์ไปอีก

ระหว่างทางก็มีชาวบ้านมาจับปลา มาปลูกข้าว ไปตลอดข้างทาง ไม่ได้จัดตั้ง ทำมาหากินกันจริงๆ เหมือนแล่นเรือผ่ากลางวิถีชีวิตชาวเวียดนาม วันนี้แดดไม่ดีถ่ายรูปไม่ค่อยสวย แต่ทำให้นั่งเรือเพลิน ลมเย็น ไม่ร้อนแดด

ระหว่างทางนอกจากชื่นชมทิวทัศน์แล้ว ยังมีพายลอดถ้ำอีก 3 ถ้ำ เข้าด้านในถ้ำมืดๆก็จะมีเปิดไฟฉายส่องดูหินงอกหินย้อยให้พอตื่นตาตื่นใจ (ลอด 3 ถ้ำ – ถ้ำ Hang Ca ถ้ำ Hang Hai และ ถ้ำ Hang Ba ) พายไปจนสุดทาง เหมือนเป็นจุดพักเรือ เรือมาจอดลอยลำอยู่รวมกัน ฝีพายก็เปิดการขายทันที งัดของขึ้นมาขาย โน่นนี่นั่น ทั้งของที่ระลึก ของกินเล่น เครื่องดื่ม และยังมีเรือ 7-11 ที่พายมาขนาบชวนซื้ออีกด้วย บางลำก็ว่าง่าย บางลำก็ว่ายากไม่ซื้ออะไรเลยนางก็อิดออดไม่ขยับพายพากลับสักที อันนี้รู้ไว้ เพื่อหาเทคนิคกันเอง

ลอดถ้ำที่ 3 แล้วเหมือนโผล่เข้ามาในตลาดนัด ร้านค้าลอยลำรอลูกค้า ทั้งของกิน เครื่องดื่ม ของฝาก ของที่ระลึก
นอกจากแม่ค้าลอยลำแล้วฝีพายของแต่ละลำก็เปิดการขายทันทีเหมือนกัน ควักของอะไรต่อมิอะไรออกมาขาย

แวะตลาดนัดสักพัก ก็หันเรือกลับ ขากลับฝีพายเปลี่ยนอิริยาบถซะแล้ว มือไม่พายแต่ไม่ได้เอาเท้าราน้ำ เอาเท้ามาพายแทน ซึ่งเราว่ามันน่าจะเมื่อยกว่าอีกนะ เปลี่ยนจากเมื่อยแขนมาเมื่อยขาแทน หันดูลำอื่นก็เป็นเหมือนกัน แปลกดี นั่งเพลินๆไม่นานก็มาถึงฝั่ง

นั่งรถกลับหลับตลอดทางอีกเช่นเคย ถึงฮานอยก็มืดพอดี แวะนั่งกินอาหารทะเลกันหน่อย มีร้านขายข้างทางแถวทะเลสาบเยอะมาก อยากลอง เสียรู้สาวเวียดไปอีกรอบ เพราะความไม่เข้าใจในป้ายราคา อุตส่าห์เตือนกันตลอดว่า ก่อนสั่งต้องถามราคาชัดๆ กินเพลินไปหน่อย ชี้หอยแครงเพิ่มไป 1 จานลืมถามราคา โดนไปซะ 555

Hanoi : Day-6

วันสุดท้ายของทริปก็เป็นวันเก็บตกฮานอย เมืองหลวงเก่าของเวียดนามเหนือ สมัยยังไม่รวมประเทศ เมืองใหญ่สมกับเป็นเมืองหลวงเก่า ผู้คนจอแจ รถมอเตอร์ไซต์มากกว่าคนอีกมั๊ง วันนี้เก็บจุดไฮไลต์ที่อยากไป

เริ่มจากเดินจากที่พักไปทะเลสาบคืนดาบ ตั้งต้นจากที่นี่เสมอ เดินเลาะถนนด้านซ้ายไปเรื่อย ผ่านอนุสาวรีย์พระเจ้าหลีไท่โต (Ly Thai To) แล้วแวะส่งไปรษณียบัตรที่ไปรษณีย์ฮานอยที่อยู่ข้างๆลานอนุสาวรีย์กันก่อนกลับเมืองไทยเย็นนี้

ส่งไปรษณีย์เรียบร้อยก็เรียกแท็กซี่ไปส่งที่เที่ยวที่แรกวันนี้ คือ สุสานโฮจิมินห์ (The President Ho Chi Minh Museum ) อนุสรณ์สถานของท่านโฮจิมินห์ผู้รวมแผ่นดินเวียดนาม ด้านในมีร่างของท่านให้เข้าไปทำความเคารพได้ แต่ต้องต่อคิวกันเข้าไป ซึ่งพวกเราไม่อยากเสียเวลา เดินดูแต่ด้านนอกก็พอ ถ่ายรูปกับธงชาติเวียดนามสีแดงสดตัดกับสนามหญ้าสีเขียวด้านหน้าสุสาน

ใกล้ๆกันมี เจดีย์เสาเดียว (One Pillar Pagoda) อยู่ในวัดเก่าแก่ 400 ปี เป็นศาลาขนาดเล็กตั้งอยู่บนเสาต้นเดียวกลางสระบัว โดยพระเจ้าหลีไทโต (Ly Thai To) แห่งราชวงค์หลีสร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาแด่เจ้าแม่กวนอิม

ทำเนียบประธานาธิบดี (Presidential Palace) อยู่ละแวกเดียวกัน เดินมาส่องๆดูได้

จากนั้นก็ไป พิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์ (Ho Chi Minh Museum) เข้าไปดูในส่วนพิพิธภัณฑ์ บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสงครามมากมาย ไปจนถึงเรื่องราวการรวมประเทศ

” Hữu nghị và hòa bình giữa nhân dân toàn thế giới “
” Friendship and peace among people around the world. “
– Ho Chi Minh –
January 1954

เดินย้อนกลับลงมาที่วัดวั่นเหมียว (Temple Of Literature Vam Mieu Pagoda) หรือ วิหารวรรณกรรม ดั้งเดิมเป็นโรงเรียนของพวกขุนนาง และเอาไว้สอบจอหงวน ด้านในยังมีแผ่นหินบนหลังเต่าจารึกรายชื่อจอหงวนด้วย ปัจจุบันเป็นวัดที่นักเรียนนักศึกษาชาวเวียดนามมักจะมาขอพรในการสอบ

เดินกันยาวไกลมาก หมดแรงต้องหาอาหารเติมพลัง มั่วๆเข้าไปร้านที่คนเยอะๆ เป็นแผนที่ใช้ได้เลย คนเยอะมักอร่อย

อิ่มแล้วเดินต่อ เดินไปเดินมาเจอ พิพิธภัณฑ์เรือนจำ (Maison Centrale) สีเหลืองสดสวยสะดุดตา ก็เลยเข้าไปดู ที่นี่เป็นคุกสมัยสงครามโลก มีชื่อเรียกว่า Hoa Lo Prison สร้างมาช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ยุคที่เวียดนามตกเป็นอาณานิคมของผรั่งเศส ใช้เป็นที่คุมขังและทรมานนักโทษการเมืองชาวเวียดนามในยุคนั้นม ต่อมาช่วงสงครามเวียดนาม คุกถูกเปลี่ยนเป็นที่คุมขังทหารอเมริกันที่โดนจับได้ ชาวอเมริกันเรียกที่นี่แบบประชดประชันว่า Hanoi Hilton ตัวคุกโดนทำลายไปเกือบหมดแล้ว ยังคงเหลือส่วนประตูทิศใต้และอาคารบางส่วน ด้านในมีการจำลองบรรยากาศห้องคุมขังและทรมานนักโทษการเมืองให้ดู พร้อมมภาพจริง ส่วนมากแล้วจะแสดงบรรยากาศของนักโทษเวียตนามโดนทรมานโดยฝรั่งเศส ไม่ค่อยจะมีภาพความโหดร้ายของการคุมขังทหารอเมริกันโดยเวียดนามเหนือ ทั้งๆที่ก็คงจะโหดร้ายทารุณไม่ต่างกัน

หดหู่กันพอสมควรก็กลับไปแถวทะเลสาบ แวะไปโบสถ์เซนต์โจเซฟ (St. Joseph’s Cathedral) โบสถ์คริสต์ที่มีอายุเก่าเเก่มากที่สุดของฮานอย เป็นหนึ่งในจุดท่องเที่ยวสำคัญของฮานอย โบสถ์นี้ฝรั่งเศสสร้างขึ้นมาในช่วงที่ปกครองฮานอยในช่วงแรกๆ ว่ากันว่ามีต้นแบบเป็นวิหารนอตเทอร์ดามที่กรุงปารีส

ละแวกโบสถ์เป็นย่านช็อปปิ้งด้วย มีทั้งแผงขายของที่ระลึก ทั้งร้านเก๋ๆ เดินเล่นเก็บตก แล้วไปหาอาหารเวียดนามมื้อเย็นเป็นมื้อสั่งลา ก่อนจะนั่งรถบัสไปสนามบิน กลับบ้านกันเถอะเรา

วงรอบนี้ 7 กิโลกว่าๆ ประหยัดพลังงานด้วยการเรียกแท็กซี่จากทะเลสาบไปที่สุสานโฮจิมินห์
แล้วเดินเที่ยวไปที่ต่างๆวนกลับมา ลดระยะเดินไปได้ครึ่งนึง

แล้วจะมาใหม่ เพราะยังสงสัยว่าอาหารเวียดนามที่เวียดนามทำไม๊ ไม่เหมือนที่เคยกินที่ไทย ฮ่าๆๆๆๆๆ

Website Built with WordPress.com.

Up ↑

%d bloggers like this: