พนัสนิคม เมืองทางผ่าน?

พนัสนิคม เมืองที่เรียกว่าเมืองทางผ่านก็ไม่น่าจะใกล้เคียง ต้องเรียกว่าเมืองที่โดนมองผ่านน่าจะจริงกว่า เพราะน้อยคนนักที่จะเลี้ยวรถเข้ามา อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี

ถ้าพูดถึงการท่องเที่ยวภาคตะวันออก นักท่องเที่ยวส่วนมากก็คงคิดถึงทะเล ถนนสุขุมวิทวิ่งตรงไปชลบุรี เข้าสู่ บางแสน พัทยา ต่อไปถึงสัตหีบ หรือจะเลยไประยอง ยาวไปถึงจันทบุรี และตราด ใครจะเลี้ยวเข้าไปพนัสนิคมที่ไม่ติดทะเล ยิ่งต่อมามีการตัดถนนบายพาส แล้วก็มีมอเตอร์เวย์ ยิ่งพานักท่องเที่ยวตัดตรงวิ่งยาวสู่ทุกจุดหมายปลายทางได้อย่างรวดเร็ว พนัสนิคม จึงคงอยู่อย่างสงบๆต่อไป

บังเอิญที่ได้มาเกี่ยวดองหนองยุ่งกับคนพนัสนิคมเข้า ก็เลยได้มาพนัสนิคมอยู่หลายครั้ง ก็ได้แต่ขับรถมาร่วมงานบุญ งานแต่ง งานศพ มาแป๊บๆก็กลับ ข้าวปลาอาหารก็กินแต่ที่วัดกับที่บ้าน พูดถึงพนัสนิคม สมัยก่อนเลยก็นึกถึงแต่ท้ายรถบรรทุกที่เขียนว่า Panus เคยถามพ่อว่าคืออะไร พ่อบอกว่า รถจากพนัสนิคม ก็รู้จักแค่นั้นมานาน มาลองนึกๆดูว่า ถ้าคิดจะมาเที่ยวพนัสนิคม จะมีอะไรเที่ยวมั๊ยนะ

“พระพนัสคู่บ้าน จักสานคู่เมือง ลือเลื่องบุญกลางบ้าน
ตำนานพระรถเมรี ศักดิ์ศรีเมืองสะอาด เก่งกาจการทายโจ๊ก”

คำขวัญอำเภอนะนั่น! ลองเที่ยวไล่ตามคำขวัญอำเภแดูแล้วกัน

“พระพนัสคู่บ้าน”

// หอพระพนัสบดี //

เริ่มต้นเที่ยวพนัสนิคม ก็ต้องเริ่มที่หอพระพนัสบดี อยู่ตรงข้ามกับเทศบาลเมืองพนัสฯเลย เป็นหอพระอยู่กลางบ่อน้ำ ประดิษฐานพระพนัสบดีองค์จำลอง ลักษณะเป็นพระพุทธรูปยืน ปางประทานพร ศิลปะสมัยทวารวดี องค์จริงมีอายุมากกว่าพันปี โดยองค์จริงเก็บรักษาโดยกรมศิลปากร ชาวพนัสถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองพนัส

“จักสานคู่เมือง”

ก็เพิ่งจะรู้ว่าพนัสนิคมนี่มีชื่อเสียงโด่งดังเรื่องงานจักสานนะ ความจริงก็เห็นป้าย “ตลาดจักสาน” กับ “จักสานใหญ่ที่สุดในโลก” ทุกครั้งที่มาพนัสฯ แต่ไม่ได้คิดจะเข้าไปดูเลย ต้องเข้าไปดูสักหน่อยล่ะ

// ศูนย์จักสานใหญ่ที่สุดในโลก //

เริ่มจาก จักสานใหญ่ที่สุดในโลก มันคืออะไร ขับรถเข้าไปตามป้ายบอกทาง ตลาดจักสาน จนมาเห็นป้ายผ้าใบใหญ่ยักษ์ว่า จักสานใหญ่ที่สุดในโลกอยู่ตรงนี้ ก็เข้าไปดู ที่นี่คือ “ศูนย์จักสานใหญ่ที่สุดในโลก” และ “ร้านจักสานคุณปราณี” เสียค่าเข้าชม 10 บาท! ด้านในมีส่วนขายเครื่องจักสาน กับส่วนจัดแสดงเครื่องจักสานใหญ่ที่สุดในโลก มีชื่อเป็นทางการว่า “ศูนย์วัฒนธรรมเฉลิมราช เฉลิมพระเกียรติ ๘๔ พรรษา” มันก็ต้องใหญ่สุดในโลกแหละ เพราะไม่น่ามีใครทำจักสานเหมือนเมืองไทย ฮา… เข้าไปเดินดูแล้ว มันก็ใหญ่จริงนะ เขาสานทุกอย่างออกมาขนาดใหญ่กว่าของจริงหลายเท่า ส่วนมากเป็นการจำลองอุปกรณ์ที่เป็นจักสานอยู่แล้ว อย่าง กระจาด กระด้ง กระบุง แล้วก็มีการสานเป็นรูปจำลองอื่นๆ อย่าง ครุฑ ควาย วัว รถลาก เรือแจว เครื่องฝัดข้าว สวยงามดี คุ้มค่าเกินกว่า 10 บาทที่จ่ายไป

// ตลาดจักสาน //

จากเครื่องจักสานใหญ่ยักษ์ ก็มาเดินเล่น ถนนสระตราง ดูเครื่องจักสานขนาดปกติกันต่อ น่าจะเรียกว่าถนนจักสาน เพราะเป็นถนนที่มีร้านขายเรื่องจักสานหลายร้านอยู่ติดๆกัน เดินเลือกซื้องานฝีมือคุณภาพดีๆราคาไม่แพงได้ บ้านและร้านค้าตลอดถนนมีทั้งเรือนไม้เก่าผสมกับอาคารสร้างใหม่ ใครชอบดูบ้านไม้เก่าๆน่าจะชอบถนนนี้

“ลือเลี่องบุญกลางบ้าน”

งานประเพณีบุญกลางบ้าน ของพนัสนิคม เป็นงานประจำปีจัดขึ้นเดือนพฤษภาคมของทุกปี มีการทำบุญตักบาตร ทำพิธีเซ่นสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พ่วงด้วยงานเผยแพร่เครื่องจักสาน ก็เลยมีขบวนแห่เครื่องจักรสาน มีงานออกร้าน การแสดง แต่ไม่เคยไปนะก็เลยเล่าไม่ถูก เอาเป็นว่า พนัสนิคมนี่วัดเยอะมาก เลยพาเที่ยววัดก็แล้วกัน ลองขับรถเลี้ยวเข้าซอกเข้าซอยแล้วก็ตกใจ เพิ่งรู้ว่าวัดอยู่ติดๆกันเยอะเลย วัดใหญ่ๆด้วย ไม่ใช่วัดเล็กๆ บางวัดก็เคยไปมาแล้วทั้งงานบุญ งานศพ บางวัดก็เพิ่งเคยเข้าไป บางวัดนี่ถามญาติที่พนัสฯ ญาติบอกว่าไม่เคยไปเหมือนกันก็มีนะ

// วัดหลวงพรหมาวาส //

วัดนี้รู้จักตั้งแต่แรกๆเพราะใกล้บ้าน และเรามากินก๋วยเตี๋ยวร้านใกล้วัดบ่อยมากๆ อร่อย เอาไว้เล่าให้ฟังอีกที ส่วนวัดหลวงนี่มีชื่อเสียงเรื่องค้างคาว เพราะต้นไม้ในวัดมีค้างคาวอยู่เยอะมาก ล่าสุดที่เข้าไปดู มันยังคงเยอะมาก คือห้อยหัวกับแทบทุกต้น ต้นนึงมียุบยั่บเลย เห็นแล้วขนลุกเบาๆ

// วัดโบสถ์ //

วัดนี้แทบจะเรียกว่าเป็นวัดประจำตระกูล งานบุญ งานบวช งานศพ มาที่นี่หลายครั้ง วัดโบสถ์เป็นวัดเก่าแก่ เล่ามาว่าสร้างมาตั้งแต่รัชกาลที่ ๓ โบสถ์เก่าทรุดโทรมไปมาก แต่ยังคงอนุรักษ์ไว้ มีการสร้างโบสถ์ใหม่ขึ้นมาอีกหลัง

// วัดอุทกเขปสีมาราม (วัดน้ำ) //

ไม่ห่างจากวัดโบสถ์ ไปต่อที่วัดน้ำ วัดเก่าแก่สร้างมาตั้งแต่ ร.๕ กำแพงศิลาแลงยาวขนานถนนเลียบคลองพร้อมซุ้มประตูขนาดใหญ๋เห็นชัดเจน เข้ามาในเขตวัดแล้วจุดแรกจะเห็นเรือนไทยที่สมเด็จพระเทพฯเคยใช้ประทับตอนเสด็จมาทรงประกอบพิธียกฉัตรพระประธานปี ๒๕๔๘ เป็นเรือนทรงไทยโบราณแบบคนมีฐานะหน่อยแต่ก็ไม่ได้หรูหราอะไรมาก สมเป็นสมเด็จพระเทพฯจริงๆ เดินเข้าด้านในวัดจะเป็นป่าร่มรื่น มีลานปฏิบัติธรรม มีบ่อน้ำขนาดพอสมควร บรรยากาศสงบร่มรื่น สมัยเริ่มสร้างเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำทั้งหมดเลยมีการสร้างทางเดินไม้เชื่อมต่อสถานที่ทั่ววัด ตอนนี้น้ำแห้งไปเกือบหมดมีแต่ใบไม้แห้ง

// วัดใต้ต้นลาน //

วัดนี้ไม่เคยเข้ามา แต่เห็นในรายการสถานที่ท่องเที่ยวพนัสนิคมมีแนะนำ “หอไตรกลางน้ำ วัดใต้ต้นลาน” ต้องขับรถลัดเลาะเข้าไปเล็กน้อย ก็ไปตาม GPS วัดใต้ต้นลานกว้างขวาง มีโบสถ์กลางเก่ากลางใหม่ 1 หลัง ถัดไปเป็น หอไตรกลางน้ำ เป็นหอไตรที่มีเสาไม้ 12 ต้น หลังคามุงกระเบื้อง มีช่อฟ้าสวยงาม

// วัดหน้าพระธาตุ //

วัดเก่าแก่อีกวัดที่ขับรถผ่านตอนไปดูเจดีย์เนินธาตุ เห็นอุโบสถเก่าอยู่ริมรั้วสวยสะดุดตา เลยขอแวะเข้าไปเดินดูหน่อย กรอบประตูหน้าต่างยังสวยงามอยู่เลย แต่ผนังหลุดลอกหมดแล้ว ฝั่งตรงข้ามลานวัดมีอุโบสถสร้างใหม่ใหญ่โต แต่ชอบของเก่าๆเลยเดินแต่ตรงอุโบสถเก่า วัดนี้แวะแบบไม่ตั้งใจไม่ได้หาข้อมูลมา เลยไม่ได้ไปหาดู รูปสลักหินทั้งก้อนเป็นตัวโคนนทิ ที่ขุดเจอในบริเวณวัดพร้อมของเก่าอีกหลายอย่าง เป็นของเก่าแก่ยุคทวารวดี ได้ขึ้นทะเบียนโบราณวัตถุด้วย

“ตำนานพระรถเมรี”

เด็กๆยุคนี้อาจจะไม่รู้จัก พระรถเมรี แล้วก็ได้ เราเองยังลืมรายละเอียดไปแล้ว ต้องไปค้นข้อมูลมา “ตำนานเรื่องพระรถเมรี” มาจากเรื่อง “รถเสนชาดก” เป็นชาดกเรื่องที่ ๔๗ ในหนังสือปัญญาสชาดก (ชาดก ๕๐ เรื่อง) ถ้าเอาเรื่องราวให้ครบ ต้องเริ่มต้นจากเรื่อง “นางสิบสอง” เล่าถึงเศรษฐีผัวเมียมีลูกสาวแฝด 6 คู่ 12 คน จากที่รวยๆเลยจน เลี้ยงไม่ไหวก็เลยเอาไปทิ้งในป่า ต้องระเหเร่ร่อนไปเรื่อย จนเจอนางยักษ์ ยักษ์กลับไม่กินเด็กเพราะอยากมีลูก เลยแปรงร่างเป็นคนธรรมดา เอานางทั้ง 12 ไปเลี้ยงที่เมือง ปิดไม่ให้รู้ว่าเป็นยักษ์ จนนาง 12 โตเป็นสาว เกิดไปเจอกองกระดูกที่ยักษ์กินก็เลยความแตก นาง 12 ตกใจเลยหนีออกจากเมือง เดินทางไปเรื่อยเปื่อยเข้าไปถึงเมืองของพระรถสิทธิ์ แล้วไปเจอคนงานจากในวังมาตักน้ำในป่าข้างเมือง คนงานเห็นสาวสวย 12 คนก็กลับมาเล่าในวัง เรื่องถึงหูพระรถสิทธิ์ก็เลยขอไปดู โอ้โห…สวยจริง หลงรัก เลยไปเชิญมาเป็นเมียทั้ง 12 คน (ซะงั้น) กล่าวถึงนางยักษ์โกรธนาง 12 ที่อุตส่าห์เลี้ยงดูอย่างดียังมารังเกียจแล้วหนีไป ก็เลยไปขโมยลูกเจ้าเมืองอื่นมาเลี้ยงแทนชื่อ นางเมรี แต่พอรู้ข่าวว่านาง 12 ไปเป็นเมียพระรถสิทธิ์ ก็เลยอยากแก้แค้น แปลงร่างเป็นสาวงามใช้มนตราหลอกล่อจนพระรถสิทธิ์หลง ได้มาเป็นเมียอีกคน รวบรัดตัดความว่า นางยักษ์คิดกำจัดนางสิบสองที่ท้องอยู่ ก็บอกพระรถสิทธิ์ว่าป่วยหนัก การรักษาคือต้องควักตาของนางทั้ง 12 คนออกมา พระรถสิทธิ์ก็เชื่อ ควักลูกตาไป 11 คน เหลือนางลำเภาคนสุดท้ายที่ว่าสวยสุด รักสุด ควักไปข้างเดียว (ซะงั้น) แล้วเอานาง 12 ไปขังไปไว้ในถ้ำกลางป่า ส่วนลูกตาทั้งหมดนางยักษ์เอาใส่ถุง ให้คนเอาไปให้นางเมรีที่เมืองยักษ์เก็บไว้

ต่อกันที่ ตำนานพระรถเมรี ต้องเท้าความกลับไปที่เรื่องนางสิบสอง ทั้งหมดอยู่กันในถ้ำแร้นแค้นอดอยาก จนค่อยๆคลอดลูกออกมา ตำนานว่าเพราะนางตาบอดเลยทับลูกตาย พอลูกคนแรกตายก็เลยกินเนื้อลูกเป็นอาหาร (โหดเท่านางยักษ์เลยเว้ย) น้องคนต่อๆมาก็คลอดลูกออกมาก็โดนกินไปอีก จนถึงนางลำเภาคนสุดท้องที่ตาบอดข้างเดียว คลอดลูกแล้วเลยพาลูกหนีออกมากลัวโดนพี่ๆกิน ตั้งชื่อลูกว่า รถเสน เพราะเป็นลูกพระรถสิทธิ์ เลี้ยงลูกจนโต ลูกเริ่มออกหาอาหารมาให้แทน จนได้เข้าไปในเมืองเห็นชาวเมืองตีไก่แลกรางวัล เลยกลับป่าจะมาหาไก่ไปแข่ง เทวดามาจากไหนไม่รู้สงสารพระรถเสน ก็เลยเสกไก่มาให้ พระรถเสนเอาไก่เทวดาไปแข่งชนะทุกครั้ง โดยพนันตีไก่แลกแค่ข้าว 12 ห่อ เอากลับไปให้แม่กับป้ากิน ชื่อเสียงโด่งดังจนเจ้าเมืองคือพระรถสิทธิ์ได้ยิน จึงเชิญเข้าวังไปเสวนา และตีคลีกัน ไถ่ถามไปมา เลยรู้ว่าเป็นลูกตัวเอง ก็เลยรับเลี้ยง แต่ไม่ยักกะเรียกเมีย 12 กลับวัง ยังปล่อยให้อยู่ในถ้ำ กล่าวถึงนางยักษ์แปลงร่างยังเป็นมเหสีอยู่ เห็นท่าไม่ดีเพราะพระรถคนพ่อปลาบปลื้มพระรถคนลูกมาก ต้องหาทางกำจัด จึงแกล้งบอกว่าท้องแล้วแพ้ท้องอยากกิน มะม่วงหาวมะนาวโห่ ที่ปลูกอยู่ที่เมืองยักษ์ให้พระรถเสนช่วยไปเอามาให้หน่อย พระรถสิทธิ์ก็เชื่อ บอกให้พระรถเสนไปเมืองยักษ์ ถือจดหมายไป ซึ่งนางยักษ์บอกว่าจะเขียนบอกลูกสาวให้เตรียมมะม่วงมะนาวให้ แต่ความจริงนางเขียนไปว่า แม่ส่งคนมาให้เจ้าฆ่า ถึงกลางวันก็ให้ฆ่ากลางวัน ถึงกลางคืนก็ให้ฆ่ากลางคืนซะ พระรถเสนเดินทางไปก็ให้บังเอิญเจอฤษีอีกล่ะ ฤษีรู้ความในจดหมายเลยเปลี่ยนข้อความเป็นว่า แม่ส่งคนดีมาให้เจ้าแต่งงาน ถึงกลางวันก็ให้จัดงานกลางวัน ถึงกลางคืนก็ให้จัดงานกลางคืนเลย ที่มาของสำนวน ฤษีแปลงสาส์นนั่นเอง พระรถเสนกับนางเมรีก็เลยได้แต่งงานกัน เอาให้ถึงตอนจบก็คือ พระรถเสนอยู่กับเมรีที่เมืองยักษ์จนเจอว่ามีตาของแม่กับป้าๆเก็บไว้ที่นี่ เลยมอมเหล้าเมีย แล้วขโมยลูกตากับยาวิเศษเอากลับไปช่วยแม่กับป้า นางเมรีเสียใจจนตาย นางยักษ์แม่เลี้ยงพอรู้ข่าวว่าความแตกแถมเสียลูกสาวให้เป็นเมียพระรถเสนไปอีกก็เลยโกรธจนตบะแตกกลายร่างเป็นยักษ์ พระรถสิทธิ์ตกใจมนต์ที่สะกดไว้ก็คลาย เลยจำความได้ว่ามีเมีย 12 คนที่เนรเทศไป เลยไปเอากลับมาในวัง จบ

ชาวอำเภอพนัสนิคม เชื่อว่าตำนานนางสิบสองและพระรถเมรีเป็นเรื่องจริง แล้วยังเชื่อว่าหลายจุดในอำเภอเกี่ยวเนื่องกับตำนาน ตามไปดูกัน

// ศาลเจ้าแม่นางสิบสอง //

มีการสร้างศาลอยู่บ้านหมอนนาง อ.พนัสนิคม มีรูปปั้นนางสิบสอง นั่งเรียงรายในศาลาข้างศาล แล้วยังมีโขดหินที่เชื่อกันว่า ข้างใต้ก้อนหินเป็นปากถ้ำของนางสิบสองด้วยนะ คนเก่าคนแก่บอกว่าสมัยก่อนมีหิน 12 ก้อน เชื่อกันว่าเคยเป็นหมอนของนางสิบสอง แต่เพราะสมัยก่อนไม่มีคนสนใจ ก็เลยหายไปหมด มีเหลือเก็บอยู่ที่วัดก้อนเดียว (แต่ไม่ได้ตามไปดูนะ) นอกจากนั้นก็มีท่อนไม้ตะเคียนท่อนใหญ่อยู่ข้างศาล ตรงนี้น่าจะได้รับความนิยมสูงสุด เห็นมีพวงมาลัยแขวนเต็มเลย

// เจดีย์เนินธาตุ (สถูปเนินธาตุ) //

เจดีย์เนินธาตุ หรือสถูปเนินธาตุ เป็นเจดีย์สีขาวสร้างอยู่บนเนิน โดยเป็นตำแหน่งที่มีการก่อสร้างทับซ้อนกัน 2 ยุค โดยยุคแรกคาดว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยทวาราวดีจากการตรวจสอบลักษณะวัสดุก่อสร้างส่วนฐาน ชาวพนัสเชื่อว่าที่นี่คือเมืองพระรถ เพราะความเก่าแก่เป็นยุคสมัยเดียวกับตำนานเรื่องพระรถ-เมรี ต่อมามีหลักฐานการสร้างเมืองในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ประมาณ 200 ปีที่แล้ว ของชาวลาวที่โดนกวาดต้อนมา แล้วมีการสร้างเจดีย์บนเนินทับฐานรากสิ่งก่อสร้างสมัยทวารดีเดิม ชาวลาวที่มาอยู่อาศัยก็เชื่อตำนานพระรถเมรีเหมือนกัน ก็เลยเรียกที่นี่ว่าเมืองพระรถ ก็เลยเชื่อกันเรื่อยมา ตอนนี้ก็เลยมีศาล มีรูปปั้นพระรถ-เมรี มีคนถวายรูปปั้นไก่ (พระรถเสนชอบกีฬาตีไก่)

// สระสี่เหลี่ยม //

ห่างจากเนินธาตุหรือตำแหน่งเมืองพระรถออกไป 15 กม. มีบ่อน้ำที่ชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นบ่อน้ำที่พระรถเสนใช้อาบน้ำไก่ จากตำนานพระรถเมรี ตอนพนันไก่ชิงเมือง มีหลักฐานทางภูมิศาตร์เห็นเป็นแนวทางเดินจากบริเวณเมืองพระรถมาทางสระสี่เหลี่ยม ก็เลยทำให้เชื่อกันว่ามีความเกี่ยวพันกันกับเมืองพระรถ สระสี่เหลี่ยมเป็นบ่อน้ำทรงเหลี่ยมขนาดประมาณ 12 ม. x 15 ม. ก่อด้วยศิลาแลง สันนิษฐานว่าสร้างมาตั้งสมัยพุทธศตวรรษที่13-17 กรมศิลปากรขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน

“ศักดิ์ศรีเมืองสะอาด

ลองเดินเล่นในตัวอำเภอกับตลาดก็น่าจะพอเชื่อตามคำขวัญได้ว่า เป็นเมืองสะอาด เรือนแถวทั้งเก่าทั้งใหม่มีระเบียบเรียบร้อย ถนนก็สะอาดทางเดินก็สะอาด ญาติๆบอกว่าตัวเมืองพนัสฯค่อนข้างเงียบเหงาไม่คึกคักเหมือนแต่ก่อน

// Street art พนัสนิคม //

เพิ่งรู้ว่าพนัสนิคมก็มีสตรีทอาร์ทเก๋ๆอยู่เหมือนกันนะ จุดแรกอยู่ตรงสามแยก ถนนทุมมาวาสกับถนนศรีกุญชร เน้นไปที่ของดีตามคำขวัญ คือตำนานพระรถเมรี กับ เครื่องจักสาน จุดสองอยู่ตามแนวกำแพงโรงเจ ถ.อินทอาษา เป็นลายมังกร ผสมกับวิถีชีวิตของชาวพนัสในละแวกนั้น มีรูปยายขายข้าวเกรียบ ยายบดปลาหมึก ซึ่งเดินถัดจากรั้วสตรีทอาร์ทไป เจอบ้านไม้ที่มียายนั่งบดปลาหมึกจริงๆด้วย เลยถือโอกาสเข้าไปอุดหนุนไปนั่งคุยกับยายหน่อย

“เก่งกาจการทายโจ๊ก”

อันนี้ไม่เข้าใจว่าทายโจ๊กคืออะไร ไปหาคำอธิบายมาได้ว่า เป็นการทายปัญหาปริศนาอะไรเอ่ยของคนไทยนั่นเอง เรียกสั้นๆว่า โจ๊ก เพราะเวลาเล่นจะมีคนทายกับคู่หูแต่งตัวเป็นตลก เป็นตัวโจ๊ก ช่วยให้สนุกสนานเฮฮา ก็เลยเรียกกันง่ายๆว่า เล่นทายโจ๊ก

การทายโจ๊กนิยมเล่นกันมากในสมัย ร.๔ – ร.๕ มีการแต่งคำทายเป็นโคลงเป็นกลอน หรือประโยคคล้องจอง เป็นศิลปะทางภาษาแบบหนึ่ง นิยมเล่นกันในหลายจังหวัด โดยเฉพาะจ.ชลบุรี ถึงขนาดมีตั้งเป็นชมรม จัดการแข่งขันกัน อันนี้คือสมัยหลายสิบปีก่อนนะ ตอนนี้ก็กลายเป็นเรื่องอดีตไปแล้ว แต่ที่พนัสนิคมยังมี ชมรมโจ๊กปริศนาพนัสนิคม อยู่ เด็กยุคใหม่คงไม่รู้จักปริศนาอะไรเอ่ยหรือโจ๊กกันแล้ว ตัวอย่างง่ายๆ เช่น สูงเทียมฟ้า ต่ำกว่าหญ้านิดเดียว คำเฉลยคือ ภูเขา

ตัวอย่างอีกแบบที่คงเป็นการทายโจ๊กแบบโบราณแท้ๆ แต่งเป็นกลอนคล้องจองแบบนี้
(ที่มา : https://www.silpa-mag.com/culture/article_30858)
ปริศนา 02 (โจ๊กพ้องคำหลัง 3 พยางค์)
สกุณา บ้ากระจก (คำตอบคือ นกหงส์หยก)
จะหยิบยก เส้นอาหาร (คำตอบคือ บะหมี่หยก)
เมืองกรุง มุ่งอาคาร (คำตอบคือ ตึกใบหยก)
ตำนานบู๊ ดูก๊วยเจ๋ง (คำตอบคือ มังกรหยก)

// โครงการอ่างเก็บน้ำคลองหลวง รัชชโลทร //

มีที่เที่ยวเพิ่มเติม ซึ่งยังไม่เปิดเป็นทางการ แต่ก็เข้าไปเที่ยวชมได้บางส่วนแล้ว คือ โครงการอ่างเก็บน้ำคลองหลวง รัชชโลทร อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นโครงการพระราชดำริในหลวง ร.๙ โดยมูลนิธิปิดทองหลังพระ เป็นอ่างกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ ทำเป็นเขื่อนดินเก็บกักน้ำได้ 98 ล้านลูกบาศก์เมตร ครอบคลุมพื้นที่ 11 ตำบลในอำเภอเกาะจันทร์และอำเภอพนัสนิคม ใช้ประโยชน์ในการชลประทาน แก้ไขขาดแคลนน้ำและบรรเทาอุทกภัยในฤดูน้ำด้วย

ตอนนี้ในพื้นที่บริเวณสันเขื่อนยังไม่เปิดให้เข้าไป เพราะยังมีการก่อสร้างอยู่ แต่ขึ้นไปชมวิวบนศาลาชมวิวบน “เขานางนม” ได้ หรือไปบริเวณรอบอ่างเก็บน้ำ มีทางเข้าไปหลายทาง ตามริมน้ำจะมีคนมาตกปลา ชาวบ้านมาจับปลาก็มี น่าจะอุดมสมบูรณ์ดีเพราะในโครงการจัดทำเป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำด้วย ก็เลยมีปลาในอ่างเก็บน้ำมากมายกลายเป็นอาชีพของชาวบ้านในพื้นที่

เที่ยวแล้วต้องมีกิน พนัสนิคมก็มีของกินอร่อย ร้านเด็ดๆอยู่ไม่น้อยนะเอาเท่าที่เคยไปกินมาก็แล้วกัน

🍜 ก๋วยเตี๋ยวเป็ดไพเราะ 🦆 ร้านนี้อยู่บนถนนศุขประยูร (ทล.315 ) จากฉะเชิงเทราไปพนัสนิคม ตอนนี้ถนนขยายเป็น 4 เลน วิ่งสบาย เป็นทางผ่าน เลยได้แวะกินหลายครั้ง มีก๋วยเตี๋ยวเป็ดพะโล้ ข้าวหน้าเป็ด ข้าวกระเพราเป็ด ถือว่าใช้ได้

🍜 ก๋วยเตี๋ยวเป็ดเลิศรส 🦆 ร้านเก่าแก่ของพนัสนิคม อยู่บนถนนศุขประยูร ใกล้กับรพ.พนัสนิคม มีที่จอดรถหน้าร้านสะดวกสบาย ก๋วยเตี๋ยวเป็ดตุ๋นเนื้อนุ่มๆ น้ำซุปอร่อยใช้ได้ เคยเห็นมีร้านในตัวอำเภอใกล้หอนาฬิกาด้วย ไม่รู้ว่าย้ายมาตรงนี้หรือมาเปิดสาขา

🍜 ก๋วยเตี๋ยวหมูยายเซี๊ยม 🐷 ที่เราเรียกง่ายๆว่าก๋วยเตี๋ยววัดหลวง เพราะร้านอยู่ในซอยวัดหลวงพรหมาวาส วัดที่มีค้างคาวเยอะๆนั่นแหละ ยายเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวในบ้านก่อนถึงวัดนิดเดียว ร้านนี้กินบ่อยมาก มาช่วงเที่ยงรอคิวนานไม่น้อย แต่ถ้ามาบ่ายมากบางทีก็หมด สั่งแล้วต้องนั่งรอใจเย็นๆ เป็นก๋วยเตี๋ยวใส่หมูสับแบบหมูเด้ง ให้ชิ้นใหญ่ยักษ์มาก แล้วยังมีหมูชิ้นด้วย อีกเมนูที่เพิ่งมาชอบคือ ก๋วยเตี๋ยวผัดผงกะหรี่ ใช้เส้นใหญ่คั่วกับหมูสับ ถั่วงอก ใส่ผงกะหรี่ แปลกแต่อร่อยดี

🍝 หอยทอดโบราณป้าเตียง 🐚 อยู่ตรงข้ามวัดกลางทุมมาวาส ในตัวอำเภอพนัสนิคม ร้านดังอีกร้านของชาวพนัส ที่บางจังหวะต้องรอคิวยาว ขายตั้งแต่เช้ายันเย็น หอยทอดสูตรพนัสนิคม ไม่ทอดแบบแป้งกรอบที่คุ้นเคย แต่เป็นแบบแป้งนิ่มคล้ายออส่วน ใช้แป้งมันก้อนใสๆ ผัดกับหอยแมลงภู่ ใส่ถั่วงอก กุยช่ายและผักคะน้า ปรุงรสมาเลยด้วย น้ำปลา น้ำส้มสายชู น้ำตาล พริกป่น คือผัดมาเสร็จพร้อมกิน ไม่ต้องมาราดน้ำจิ้มอีก รสชาติก็จะหวานๆเปรี้ยวๆเผ็ดๆ แป้งนุ่มๆ หอยหนึบๆ แปลกแต่อร่อย นอกจากหอยทอด มีผัดไทย มีก๋วยเตี๋ยวผัดด้วย

☕️ ร้านไอ-ดิน (I-din coffee) ร้านกาแฟ เบเกอรี่ เก่าแก่แต่เก๋ไก๋ของพนัสนิคม คือเห็นร้านนี้มานานมากแล้วตั้งแต่พนัสนิคมยังไม่มีร้านกาแฟชิคๆแบบตอนนี้ ร้านอยู่ติดริมถนนศุขประยูร ใกล้สี่แยกพนัสนิคม มีส่วนห้องแอร์และนั่งในสวน กาแฟใช้ได้ แต่เบเกอรี่ไม่ได้ชิม มาพนัสอิ่มเกินพอดีทุกครั้ง นอกจากร้านกาแฟแล้ว ไอ-ดินมีที่พักสวยเก๋ราคาไม่แพงด้วย

☕️ Fillgood coffee roaster ร้านกาแฟในปั๊มน้ำมันตราหอย ถ.ศุขประยูรช่วงขาออกไปมอเตอร์เวย์ เป็นทั้งร้านเครื่องดื่ม เบเกอรี่ และขายเมล็ดกาแฟคั่ว เจอโดยบังเอิญตอนมาเติมน้ำมัน ดีใจมากที่เจอร้านกาแฟระดับเลือกเมล็ดกาแฟได้แบบนี้ในพนัสนิคม อย่างที่บอกว่าสมัยก่อนไม่มีร้านกาแฟแบบนี้เลย ก็เลยกลายเป็นร้านประจำที่แวะตอนขากลับทุกครั้ง

☕️ แถมร้านกาแฟอีกร้าน ที่เจอแต่ไม่ได้ชิม สำหรับคนอยากจิบกาแฟไปปลงสังเวชไป ขอเชิญที่วัดน้ำ มีร้าน คอฟฟี่เมรุ ขอเชิญชวนไป “จิบกาแฟแลเมรุ”

Website Built with WordPress.com.

Up ↑

%d bloggers like this: