Trip: Myanmar NY2007 (Yangon-Bagan-Mandalay-Inle)

ตอนที่ ๓ ล่องเรืออินเล
ทริปเที่ยวพม่าข้ามปีตอนแรก | แวะย่างกุ้ง แล้วมุ่งไปพุกาม |แล้วไปตอน ๒ |เที่ยวมัณฑะเลย์ ทั้งฮาทั้งเฮทั้งเศร้า | มาต่อที่ตอน ๓ ตอนสุดท้ายที่อินเล

ยองชเว | Nyaung Shwe | ညောင်ရွှေမြို့နယ်)
สนามบินที่ใกล้อินเลที่สุดคือ สนามบินเฮโฮ (Heho Airport) ในเขตเมืองยองชเว สนามบินเล็กๆแต่นักท่องเที่ยวเยอะ เพราะอินเลกลายเป็นที่ท่องเที่ยวยอดฮิตอีกที่ในพม่า จากสนามบินเฮโฮ นั่งรถต่อไปอีกราวๆ 20 กม. เพื่อไปทะเลสาบอินเล


นักท่องเที่ยวบางคนก็นอนบนฝั่งริมทะเลสาบ แล้วใช้วิธีซื้อทัวร์เที่ยวทะเลสาบหรือเหมาเรือเที่ยวกันเอง แต่พวกเราจะเข้าไปนอนรีสอร์ทกลางทะเลสาบเลย วันนี้ก็ลงเรือแวะเที่ยวไปเรื่อยๆก่อนไปที่พัก

ทะเลสาบอินเล | Inle Lake | အင်းလေးကန်
เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่อันดับ 2 ของพม่า อยู่ในเขตรัฐฉาน มีพื้นที 158 ตารางกิโลเมตร อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 878 รอบทะเลสาบมีชุนชนเก่าแก่คือ ชาวอินทา (Intha) อาศัยอยู่มากกว่า 200 ชุมชน บ้านชาวอินทาจะยกใต้ถุนสูงสร้างจากไม้ไผ่ บางหลังก็ปักเสาลงในทะเลสาบเลย บางหลังก็สร้างบ้านอยู่บนแพลอยน้ำ มีอาชีพเกษตรกรรมเพาะปลูกพืชผักผลไม้และทำประมง แล้วก็ทำงานฝีมือ เช่น การทอผ้าใยบัว ทำเครื่องเงิน





ชาวอินทามีเอกลักษณ์หลายอย่างที่ทำให้นักท่องเที่ยวสนใจ อย่างแรกคือคือ เทคนิคการยืนพายเรือ ใช้ขาเกี่ยวไม้พาย แล้วมือก็สามารถถือเครื่องมือจับปลาได้ ช่างเท่ห์เสียจริงๆ


ชุดแบบนี้น่าจะเป็นนักแสดง เหมือนมียูนิฟอร์ม

ชุดแบบนี้น่าจะชาวอินทาแบบไม่เสแสร้งแกล้งพายนะ





อีกเรื่องคือ การทำการเกษตรบนน้ำ หรือสวนลอยน้ำ โดยเอาโคลนใต้ทะเลสาบไปโปะไว้ที่แพวัชพืชให้มีความหนาพอสมควร จากนั้นจึงปลูกพืชบนแพนั้น ทะเลสาบอินเล ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งผลิตมะเขือเทศที่สำคัญของประเทศพม่า เพราะภูมิประเทศที่เป็นที่สูงและอากาศที่เย็นสบายทั้งปีรวมถึงแร่ธาตุจากพืชน้ำทำให้มะเขือเทศที่นี่มีชื่อเสียงในความหวานกรอบอร่อย

วัดนะเพเจา | Nga Phe Chaung Monastery | ငဖယ်ချောင်းကျောင်
ที่เรือจอดให้พวกเราลงไปที่แรกคือ ศาลากลางน้ำอายุมากกว่าร้อยปีเป็นสำนักสงฆ์ของชาวอินทา มีพระสงฆ์จำวัดอยู่ที่นี่ด้วย ในโถงกลางมีพระพุทธรูปไม้ปิดทองสวยงามมากๆนับสิบองค์ องค์พระพุทธรูปทรงเครื่อง สวมมงกุฎ เป็นรูปแบบของพระพุทธรูปของรัฐฉาน




บางคนเรียกว่าวัดแมวโดด (Jumping cat Monastery) ก็ความหมายตรงๆเลยคือวัดนี้มีแมวกระโดด ด้วยว่าที่วัดนี้เลี้ยงแมวไว้เยอะ นอกจากมาเยี่ยมชมวัดแล้ว นักท่องเที่ยวก็จะมาคอยดูแสดงโชว์เล็กๆเรียกแมวกระโดดลอดห่วง ความจริงท่านเจ้าอาวาสก็ไม่ได้ตั้งใจจะจัดแสดงโชว์อะไรหรอก แต่ท่านสอนแมวให้กระโดดตามคำสั่งได้ ก็พัฒนามาเป็นกระโดดลอดห่วง พอคนพูดต่อๆกันไป ใครมาก็จะขอให้ท่านเรียกแมวมากระโดดให้ดู ตอนนี้ท่านก็อายุมากแล้ว เลยให้คนในวัดทำโชว์ให้ดูแทน

เจดีย์ผ่องด่ออู | Phangdaw Oo Pagoda | ဖောင်တော်ဦးဘုရာ
นั่งเรือต่อมาอีกสักพักมาที่วัดผ่องด่ออู เพื่อมาดู พระบัวเข็ม พระศักดิ์สิทธิ์ของชาวอินทา มาถึงก็เย็นแล้วเกือบไม่ได้เข้าดู เข้าไปจะเห็นแท่นบูชาที่มีองค์พระบัวเข็มอันศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าองค์ มองเห็นรูปร่างก้อนทองกลม ๆ เพราะด้วยศรัทธาที่ท่วมท้นของชาวพม่าที่พากันมาปิดทองบูชาพระบัวเข็ม จนทองคำที่แปะหุ้มหนาปิดรูปทรงของพระพุทธรูปไปหมด (อารมณ์เดียวกับพระมหามัยมุนี)




ประเพณีแห่พระบัวเข็ม จะจัดขึ้นทุกปี ก่อนออกพรรษา 14 วัน โดยจะอัญเชิญพระบัวเข็มลงขบวนเรือการะเวกที่ แล้วแห่ไปตามชุมชนรอบทะเลสาบให้ชาวบ้านกราบไหว้ เชื่อว่าจะช่วยคุ้มครองป้องภัยและบันดาลความสุขสมบูรณ์
หมดโปรแกรมวันนี้ที่ 2 วัดในทะเลสาบอินเล ได้เวลาไปเข้าที่พัก สวนทางกับชาวบ้านที่พายเรือกลับบ้านเป็นขบวน


ระหว่างทางไปที่พัก พี่ไกด์ก็ขอพาแวะร้านค้าหน่อย เท่าที่รู้มา นักท่องเที่ยวที่นั่งเรือมาก็จะโดนพาเข้าดูงานฝีมือพร้อมขายของหลายอย่าง เช่น บ้านขายเครื่องเงิน บ้านทอผ้าใยบัว บ้านงานไม้/ต่อเรือ ของพวกเราอาจจะโชคดีที่มาเย็นมากแล้วเลยได้แวะที่เดียวคือ บ้านทำยาเส้นหรือบุหรี่พม่า ก็เข้าไปดูน้องๆทำยาเส้น แต่ไม่ได้อุดหนุนเพราะไม่มีใครสูบนะ

จากนั้นนั่งเรือออกมา พระอาทิตย์ตกพอดี ได้ชมแสงสุดท้ายบนเรือหางยาว เปลี่ยนบรรยากาศไปอีก แล้วก็แวะทานอาหารเย็นกันเลย เพราะมืดแล้ว ร้านอาหารลอยน้ำมีแต่พวกเรา 6 คน กินกันส่วนตัวที่สุดไม่มีใครเลย




วันนี้นอนเรือนพักกลางทะเลสาบ อากาศเย็นมาก ออกมาถ่ายรูปเล่นกันจนหนาวทนไม่ไหว แยกย้ายกันไปนอนล่ะ


ทะเลสาบอินเลยามเช้า
ตื่นเช้าออกมาชมบรรยากาศทะเลสาบอินเล อากาศหนาวๆ มีหมอกลอยอ้อยอิ่งเหนือน้ำ การเลือกมานอนในรีสอร์ทกลางทะเลสาบนับว่าเลือกถูก รวมกลุ่มกันนั่งกินอาหารเช้าพร้อมซึมซับบรรยากาศ ก่อนที่จะต้องเดินทางกลับในตอนสายๆ






ได้เวลาเก็บกระเป๋าลงเรือ ล่องกลับ ระหว่างทางก็ได้ชมวิถีชีวิตยามเช้าของชาวอินทาไปด้วย บางคนก็ออกมาหาปลา บางคนก็ออกมาเก็บผัก ตัดดอกไม้








วัดชเวยันเป | Shwe Yan Pyay Monastery | ရွှေရန်ပြေ ဘုန်းကြီးကျောင်
ก่อนไปสนามบินเพื่อบินกลับย่างกุ้ง ได้แวะวัดอีก 1 วัด เป็นวัดที่เคยเห็นรูปจากตากล้องเทพๆบ่อยมาก กับภาพช่องหน้าต่างบานกว้างรูปวงรีกับรูปพระหรือเณร แต่ละรูปสวยๆทั้งนั้น ก็วาดหวังว่าจะได้ถ่ายรูปแบบนั้นบ้าง พอมาถึงจริงๆ ช่องหน้าต่างมี พระมี เณรมี แต่ทั้งหมดนั้นไม่ได้มาประกอบรวมกันในเฟรมเดียว เป็นคำตอบยืนยันความเชื่อของเราที่เชื่อเสมอมาว่า ภาพสวยๆส่วนมากเกิดจากการจัดตั้ง

วัดชเวยันเป สร้างด้วยไม้สัก หลังซ้อนเป็นชั้นๆ มีงานแกะสลักประดับสวยงาม เป็นวัดศิลปะแบบไทยใหญ่ชัดเจนเพราะสร้างโดยเจ้าฟ้าไทยใหญ่ของรัฐฉาน ความแปลกคือบานหน้าต่างขนาดใหญ่ที่มีรูปทรงวงรี มีพระประธานปางมารวิชัยศิลปะไทใหญ่ ลงรักปิดทองสวยงาม

ได้เวลาก็ไปสนามบินเฮโฮ เพื่อกลับย่างกุ้ง แต่ไม่มีเที่ยวบินตรงต้องไปต่อเครื่องที่มัณฑะเลย์ รวมเวลาเดินทางไปทั้งหมดราวๆ 2 ชม. บ่ายๆก็ถึงย่างกุ้ง

****
ย่างกุ้ง | Yangon | ရန်ကုန်
ไม่ได้กลับไทยวันนี้เพราะไม่มีเที่ยวบิน ต้องนอนย่างกุ้งอีก 1 คืน บ่ายวันนี้ก็เหลือเวลาครึ่งวัน เลยได้แวะเที่ยวอีกหน่อย ก็แวะเที่ยววัดตามรายทางจากสนามบินเข้าไปโรงแรม
วัดชเวตอเมียต | Swe Taw Myat Pagoda | စွယ်တော်မြတ်စေတီတေ
วัดชเวตอเมียต คนไทยรู้จักกันในชื่อ ‘วัดพระเขี้ยวแก้วจุฬามณี’ เพราะเป็นที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้วจำลอง องค์เจดีย์สร้างเป็นชั้นลดหลั่นกันขึ้นไปมีเจดีย์ตรงกลาง รูปทรงเจดีย์เหมือนเจดีย์อนันดาในพุกาม โถงด้านในใต้เจดีย์ที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้วจำลองสวยงามสีทองอร่าม




วัดเจ๊าต่อจี | Kyauk taw gyi Temple| ကျောက်တော်ကြီးဘုရာ
วัดเจ๊าต่อจี หรือวัดพระหยกขาวหรือพระหินขาว เป็นวัดสร้างใหม่ เคยมาแล้วตอนมาเที่ยวปี 2004 ตอนนั้นเพิ่งยกพระหยกขาวมาประดิษฐาน มาคราวนี้วัดสร้างเสร็จเรียบร้อย องค์พระพุทธรูปสูง 11 เมตรแกะสลักจากหินก้อนเดียวมีห้องกระจกกั้นเรียบร้อย

เจดีย์กาบะเอ | KaBa Aye Pagoda (world peace Pagoda) |ကမ္ဘာအေးစေတီ
เจดีย์กาบะเอ เป็นเจดีย์ใหม่ เพิ่งสร้างเมื่อปี 1952 เพื่อเป็นที่ระลึกในการประชุมประภาสสงฆ์ระดับโลก ครั้งที่ 6 โดยนายอูนุ นายกคนแรกของพม่า เป็นผู้สร้างขึ้น และใช้เป็นสถานที่ชำระพระไตรปิฎกด้วย พระพุทธรูปองค์ประธานที่อยู่ข้างในหล่อด้วยเงินบริสุทธิ์มีน้ำหนัก กว่า 500 กิโลกรัม สวยงามมาก วัดนี้ก็เคยมาแล้วครั้งหนึ่งตอนปี 2004


คืนสุดท้ายในพม่า ที่เมืองย่างกุ้ง กลับมานอนโรงแรมเดิม ได้เห็นพระเจีย์ชเวดากองยามค่ำคืนอีกครั้ง Flight กลับเมืองไทยแต่เช้าตรู่ ไปถึงสนามบินแต่มืด ร่ำลาพี่ไกด์หน้าซื่อของพวกเรา จบทริป พุกาม-มัณฑะเลย์-อินเล เที่ยวข้ามปี จากปี 2006 ข้ามมาปี 2007 อย่างเป็นทางการ ถือว่าเที่ยวครบถ้วนพอสมควรกับเวลาจ้ะ
