เที่ยวงงๆที่ปัตตานี

เที่ยวแบบงงๆที่ปัตตานี | มิถุนายน 2565

ทริปต่อเนื่องจาก เที่ยวเท่ๆที่ยะลา เที่ยวช้าๆที่เบตง แล้วมา เที่ยวงงๆที่ปัตตานีต่อ

“ปัตตานี” 1 ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่คนห่างไกลอย่างเราๆ ได้ยินแต่ข่าวความไม่สงบ แต่เมื่อ ททท. ส่งเสริมการท่องเที่ยว เบตง จ.ยะลา แสดงว่าปัตตานีที่ติดกับยะลา ก็น่าจะปลอดภัยพอเที่ยวได้ซินะ

เริ่มต้นทริปเที่ยวเบตงที่บินตรงจากกรุงเทพไปลงสนามบินเบตงในราคา 3,000 บาท ++ ถ้าไป-กลับ ก็ฟาดไปเกือบ 7,000 บาท หน้ามืดกันเลยทีเดียว ลองหาช่องทางใหม่ คิดไปคิดมากลับจากหาดใหญ่ดีกว่า ค่าเครื่องก็พันกว่าบาท ส่วนต่างเอาไปเที่ยวเพิ่มที่ปัตตานีดีกว่า คิดได้ดังนั้นทริปก็เลยงอกการนอนที่ปัตตานีเพิ่มมา 1 คืน (แทนที่จะประหยัดเงิน เที่ยวเพิ่มงบบานออกไปอี๊กกกก 555)

จากเบตง พวกเรานั่งแท้กซี่เบ๊นซ์ไปยะลาในราคาเหมา 800 บาท และให้ต่อไปส่งที่ปัตตานีในราคาเหมา 600 บาท รวมเป็น 1,400 บาท (รถนั่งได้ 4 คน) เป็นราคามาตรฐานของคิวรถ นั่งสบายสไตล์เบ๊นซ์ ขับนิ่ม สาดโค้งกำลังงาม แวะเที่ยวที่ตัวเมืองเบตงนิดหน่อย แล้ววิ่งตรงมาส่งที่โรงแรม CS Pattani เลย ตอนแรกกะให้พี่คนขับพาแวะวัดช้างให้ก่อน แต่พี่แกบอกว่ามันคนละทาง จะให้ไปก็ได้แหละ แต่ก็คิดว่างั้นไม่เป็นไรเพราะทางใหม่จากยะลาไปปัตตานีวิ่งฉิว 40 นาทีก็ถึงแล้ว เดี๋ยวบ่ายๆเรียกตุ๊กๆออกไปเที่ยวก็ได้ จะได้ให้พาเที่ยวที่อื่นด้วย (ซึ่งคิดผิดอย่างแรง!!!)

โรงแรมซีเอสปัตตานี เป็นโรงแรมใหญ่สุด ดีสุดในปัตตานี เป็นโรงแรมเก่าแก่ที่เคยได้ยินชื่อเสียงมานาน เก่าแต่ไม่แก่ เพราะด้านในตกแต่งสวยงาม ห้องก็กว้างขวาง วิวสวยงาม แต่….. โรงแรมไม่เหมาะกับคนไม่มีรถอย่างมาก ถ้าไม่มีรถคุณก็เหมือนติดเกาะ ไปไหนแทบไม่ได้ แม้จะบอกกันว่าโรงแรมอยู่กลางเมือง ก็ไม่ใช่กลางเมืองแบบเดินทางสะดวกสบาย ถ้าให้เทียบกับกรุงเทพฯ กลางเมืองเดินทางสะดวกก็เช่นแถวอนุสาวรีย์ชัยฯ แต่ที่พักอยู่แถวถนนวิภาวดี แบบนั้น และที่นี่แทบไม่มีรถสาธารณะให้เรียก ก็คือติดเกาะนั่นเอง ตอนโทรจองที่พัก ถามว่าจะออกไปข้างนอกยังไง น้องคนรับจองบอกว่าโรงแรมพอมีรถไปส่งได้แต่ขากลับให้หาเรียกรถกลับมาเอง แต่พอจริงๆแล้ว โรงแรมแนะนำว่าให้เราเดินออกไปที่ถนนเลี้ยวซ้ายเดินไปหน้ามอ. (ดูแผนที่แล้วเกือบ 3 กม.!!) หรือเลี้ยวขวาเดินไปหน้าบิ๊กซี (เกือบ 1 กม.) น่าจะพอหารถได้บ้าง อืมมมมม ก็ต้องตามนั้น

วิวจากห้องพัก ตัวโรงแรมเข้ามาลึกจากถนนพอสมควร จะไปบิ๊กซีต้องเดินผ่านอาคารพาณิชย์หลายสิบห้องนั่นออกไป เจอถนนก็เลี้ยวขวาเลาะริมถนนไปเรื่อยๆ

แผนการเที่ยวปัตตานีพังตั้งแต่เริ่ม ที่คิดว่าจะไปกิน ราดหน้านำรส หรือต้มเนื้อในตลาด ก็ไม่น่าจะไปได้ง่าย เดินออกไปแดดเปรี้ยงๆ เจอผัดไทยข้างทางก็เลยขอซัดเอาแรงก่อนจะเดินต่อไปบิ๊กซี เจอรถกระป๊อจอดเลยลองถามดูว่าไปวัดช้างให้คิดเท่าไหร่ รถบอกว่า 800 บาท แพงกว่านั่งรถไปยะลาอี๊กกกกก ก็เลยล้มแผนไปวัดช้างให้ งั้นไปเดินเที่ยวเล่นในย่านเมืองเก่าดีกว่า ซึ่งอยู่คนละฝั่งแม่น้ำเลยนั่น จะไปยังไง เข้าไปตั้งหลักในบิ๊กซีก่อน นั่งแอร์เย็นๆลองโทรถามหาแท้กซี่ปัตตานี ตามที่เคยเห็นผ่านตาตามเฟซบุ๊ค ปรากฏว่าไม่ไช่รถในปัตตานีสักคัน บางเบอร์บอกอยู่หาดใหญ่ ชื่อแท้กซี่ปัตตานีนะ งงไปอีก เลยลองถามคนขายของดูว่าคนแถวนี้เขาเดินทางกันยังไง น้องคนขายมองหน้างงๆบอกว่า ขี่รถกัน ฮา…. แต่น้องแนะนำว่า ให้เดินออกไปริมถนนมองหาสองแถวที่เป็นเหมือนรถประจำทาง โบกเรียกเอา จะไปไหนก็บอกเขาไป เอาวะ ลองดู

สองแถวของปัตตานีหน้าตาไม่บ่งบอกว่าเป็นสองแถวเหมือนที่กรุงเทพฯ ไม่เหมือนรถแดงที่เชียงใหม่ เพราะเป็นรถขนาดเล็ก สีเขียวๆ และวิ่งเร็วดั่งผีพอล วอร์คเกอร์มาขับ ซิ่ง Fast & Furious ชิดขวาตลอด เราพลาดคันแรกเพราะไม่ทันโบก ไม่รู้ว่านั่นคือสองแถว พี่คนขายน้ำข้างถนนบอกต้องเล็งดีๆแล้วรีบโบก และถามว่าจะรอสองแถวจริงเหรอมันนานๆจะมาทีนะ อาจจะชั่วโมงละคัน! แต่เราไม่มีทางเลือกนี่ ก็ยืนเล็งไป โชคดีว่าไม่ถึง 1 ชม. ก็มีมาให้โบกแบบไม่แน่ใจ โบกไว้ก่อน ก็ใช่จริงๆ แต่เลยไปเป็นร้อยเมตร รีบวิ่งอย่างไวอย่าให้พลาด ฉันต้องได้ออกจากตรงนี้สักที

ให้เพื่อนไปนั่งประกบคนขับ บอกทาง เพื่อนบอกพิกัดไปร้านกาแฟก่อนเลย ร้อนๆอย่างนี้ขอไปร้านกาแฟ ตามที่เพจกาแฟแนะนำมา ดูจากแผนที่ก็อยู่กลางๆเมืองนี่เอง ไปถึงจริงๆ ก็ไม่เชิงกลางเมือง ออกไปข้างๆเมืองมากกว่า ไร้รถสาธารณะสัญจรเหมือนเดิม แต่ช่างมัน ขอจิบกาแฟก่อน ร้านสภากาแฟ 36 (Sapakafe’36) เหมือนโอเอซิสโผล่กลางทะเลทราย เป็นร้าน Specialty coffee ที่มีเมล็ดให้เลือกหลากหลาย มีวัยรุ่นนั่งจับกลุ่มจิบกาแฟกันเต็มร้าน เหมือนคนนั่งจับกลุ่มจิบชาตามร้านชาอย่างนั้นเลย จิบกาแฟเย็นๆดับร้อนแล้วก็ปรับทุกข์กันต่อว่าจากนี้จะไปยังไง ลองถามน้องบาริสต้าดูว่ามีรถอะไรผ่านบ้าง น้องบอกไม่มี น้องคงสงสารลุงกับป้าเลยให้คนในร้านขี่รถไปตามวินมอเตอร์ไซค์จากหน้าโรงพยาบาลปัตตานีมาให้ 2 คัน ขอบคุณน้องๆมาก ไม่งั้นคงต้องเดินแบบไร้อนาคต

น้องๆร้านสภากาแฟผู้มีพระคุณ ขอขอบคุณน้องๆอีกที ใครไปปัตตานี หาโอกาสไปจิบกาแฟดีๆที่นี่นะครับ

ให้พี่วินไปส่งที่ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ในราคา 60 บาท ลงรถแล้วพี่วินบอกเอาเบอร์ผมไว้ หารถไม่ได้โทรเรียกเลย เดี๋ยวไปรับ โอ้โห… ใจชื้นเลย สบายแล้วเรา จากนั้นก็เดินเที่ยวกันยาวๆ จากศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ที่พวกเราไหว้แก้ชงกันชุดใหญ่ แล้วก็เดินเที่ยวย่านเมืองเก่าปัตตานี ทะลุไปที่ชุมชนอาเนาะซืองา เดินไปถึงมัสยิดกลางปัตตานี ตอนบ่ายแก่ๆ อยากจะอยู่รอถ่ายรูปตอนมืดที่ใครๆว่าเปิดไฟสวยงาม แต่ก็ยังต้องรออีกสัก 2 ชม. ก็ไม่รู้จะไปรอตรงไหน ที่เดินผ่านมาไม่มีร้านอะไรให้นั่งเล่นได้ เท่าที่เห็นร้านน่านั่งก็อยู่แถวเมืองเก่า ต้องเดินกลับไปเกือบกิโล เลยว่ากลับโรงแรมแล้วกัน โทรหาพี่วินที่ให้เบอร์ไว้ก็ไม่รับสาย จะกลับยังไงกันล่ะ ไม่เคยรู้สึกท้อแท้ในการท่องเที่ยวเท่านี้มาก่อน เดินหารถกันอีกรอบ ต้องถามชาวบ้านอีก พี่เขาบอกให้เดินไปแถวสี่แยก เจอลุงวิน 2 คันพอดี เรียกกลับไปโรงแรมราคาเดิม 60 บาท

พอถึงโรงแรมแล้ว ก็ไม่รู้สึกอยากออกไปไหนอีกเลย มันช่างยากลำบากอะไรเช่นนี้ ก็เลยกินข้าวเย็นมันที่โรงแรมนี่แหละ อาหารอร่อยใช้ได้ นอนเร็วๆไปเลย พรุ่งนี้โชคดีที่เราตัดสินใจจองเช่าเหมารถไว้แล้ว โดยเหมาให้พาเที่ยวประมาณครึ่งวัน ได้แค่ไหนเอาแค่นั้น แล้วให้รถไปส่งที่สนามบินหาดใหญ่เลย จบการเที่ยวงงๆในปัตตานีเท่านี้

ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว (ศาลเจ้าเล่งจูเกียง)

มาถึงปัตตานีก็มาตั้งต้นที่ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวก่อนเลย ชาวจีนปัตตานีและชาวไทยเชื้อสายจีนทั่วไปนับถือเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ในด้านความเมตตา ด้านโชคลาภ ส่งเสริมการค้าขาย ผู้คนนิยมมากราบไหว้ของพรให้ธุรกิจรุ่งเรือง เรา 2 คนก็ขอไหว้แก้ชงกันสักหน่อย เหมือนวัดจีนใหญ่ๆทั่วไปที่มีชุดไหว้ ธูปกำใหญ่ เทียนแท่งโต กระดาษฝากดวง ก็ไหว้ตามลำดับที่เจ้าหน้าที่แนะนำ องค์เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวอยู่ในตู้ด้านข้างขององค์ประธาน เป็นไม้แกะสลักที่ตำนานบอกว่าแกะมาจากต้นไม้ที่ลิ้มกอเหนี่ยวผูกคอตาย ตำนานว่ายังไงลงไปอ่านที่ สุสานเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวด้านล่าง

ข้างๆศาล มีศาลาทรงจีนอีกหลังชื่อ ศาลาสันติสุขเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว เป็นพิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าเรื่องราวของชุมชนชาวจีนในปัตตานี และเป็นที่เก็บเกี้ยวสำหรับแห่เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวประจำปี โดยจะมีงานแห่กัน หลังวันตรุษจีน 15 วันของทุกปี เจ้าแม่องค์จริงที่ใช้แห่อยู่ในศาลเจ้า องค์ที่เกี้ยวเป็นองค์จำลอง

กือดาจีนอ – ย่านเมืองเก่าปัตตานี

จากศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว เดินไปตามถนนอาเนาะรู จะเป็นย่านเมืองเก่า – กือดาจีนอ – บริเวณนี้เป็นชุมชนเก่าแก่มาแต่ยุคสงครามโลก ชุมชนกือดาจีนอ หรือชุมชนจีนหัวตลาด เคยรุ่งเรืองคึกคักแต่ก็กลายเป็นอดีตเหลือแต่ความเงียบเหงา จนมาเกิดกระแสอนุรักษ์สถาปัตยกรรมและวัฒนธรรม จึงมีการเข้ามาปรับปรุงดูแลสถานที่ประวัติศาตร์เหล่านี้ให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ได้คึกคักเพราะคนในชุมชนแต่คึกคักเพราะนักท่องเที่ยว ตลอดถนนมีบ้านแบบจีนเดิมๆให้เห็น บางหลังยังมีคนอาศัยอยู่ หลายหลังปิดตายมีแต่ป้ายบอกเล่าประวัติด้านหน้า บางหลังก็ปิดทิ้งร้างเป็นบ้านนก

เดินสุดถนนตรง 4 แยกเล็กๆ ที่ถนนอาเนาะรูตัดกับถนนปัตตานีภิรมย์ มีบ้านขุนพิทักษ์รายาอยู่ตรงหัวมุมถนน เดิมข้ามแยกผ่านบ้านท่านขุนไปนิดเดียวก็สุดทางที่แม่น้ำปัตตานี เดินเลี้ยวซ้ายตรงสี่แยกไปตามถนนปัตตานีภิรมย์ต่อได้ แถบนี้เคยเป็นย่านธุรกิจที่เจริญรุ่งเรืองมากในอดีต เคยมีโรงเตี๊ยม โรงหนัง โรงโบว์ลิ่ง ร้านค้า ร้านอาหาร ตอนนี้ยังมีบ้านเก่าๆ ตลอดรายทาง บางหลังเริ่มตกแต่งปรับปรุงให้กลายเป็นคาเฟ่เก๋ๆ ที่หลังร้านทะลุไปริมแม่น้ำได้

ชุมชนอาเนาะซืองา

เดินตามถนนปัตตานีภิรมย์มาเรื่อย เจอสามแยกมีป้ายแนะนำชุมชนอาเนาะซืองา ก็เลยเลี้ยวเข้าไปตามถนนมายอ เลียบคลองอาเนาะซืองาไปเรื่อยๆ สมเป็นเมืองพหุวัฒนธรรมจริงๆ เพราะเดินเล่นย่านเมืองเก่าชุมชนชาวจีนอยู่ดีๆ แค่เลี้ยวซ้ายก็กลายเป็นชุมชนมุสลิมเก่าแก่ซะแล้ว

จากแถบนี้เดินไปอีกไม่ไกลก็จะไปถึงมัสยิดกลางปัตตานีได้ ก็เดินชมเมืองไปเรื่อยๆได้เลย

มัสยิดกลางปัตตานี

มัสยิดกลางปัตตานีเป็นมัสยิดประจำจังหวัดปัตตานี หลายคนบอกว่ารูปทรงคล้ายกับทัชมาฮาล ด้านหน้ามีสระน้ำขนาดใหญ่ มากลางวันก็สวยแบบเรียบๆ เขาว่าตอนกลางคืนเปิดไฟสวยกว่า แต่เราไม่ได้เห็น ก็น่าเสียดาย

วันต่อมา เราเช่าเหมารถพร้อมคนขับไว้ รถมารับตรงเวลา 9 โมง ก็เช็คเอาท์เอากระเป๋าออกไปเลย บอกแผนที่คิดไว้ว่า อยากเริ่มด้วยไปล่องเรือชมป่าโกงกางที่ ชุมชนบูนาดารา จากนั้นก็อาจแวะวังยะหริ่งถ้ามีเวลา แล้วขากลับแวะ มัสยิดกรือเซะ แล้วก็ไปวัดช้างให้ (ยังต้องไปให้ได้ ฮา…) แล้วไปส่งที่สนามบินประมาณ 4 โมงเย็น เช่าเหมา 1,300 บาท ไม่รวมน้ำมัน เหมือนเช่าขับเองแต่มีคนขับ (ปกติเช่ารถวันละ 1,000 บาท เพิ่มอีก 300 บาทเป็นค่าคนขับ) ก็ราคาไม่ได้แพง นับว่าดี คิดถูกที่จองรถไว้ล่วงหน้า

ซี สยาม แทรแวล-รถเช่ารายวันปัตตานี โทร : 083-190-2200, 082-822-1388, 086-481-3988

ชุมชนมท่องเที่ยวตะโละกาโปร์ (กลุ่มบูนาดารา)

กิจกรรมท่องเที่ยวยอดนิยมอย่างหนึ่งของการมาเที่ยวปัตตานีคือ ล่องเรือชมป่าโกงกาง ทะลุออกทะเลใน ไปทะเลนอก ชมธรรมชาติ ชมนกชมไม้ ชมปูชมปลา หาหอย แต่ต้องออกนอกตัวเมืองปัตตานีไปหน่อย มีหลายกลุ่ม หลายชุมชนที่ทำท่องเที่ยวคล้ายๆกันนี้ เช่น บ้านบางปู บ้านบานา ที่เราเลือกกลุ่มบูนาดารา เพราะอ่านเจอมาว่า ในตัวหมู่บ้านตะโลกาโปร์มีการทำเรือกอและจำลองด้วย อยากไปดูตรงนี้

ชุมชนท่องเที่ยวตะโละกาโปร์ เป็นชุมชนประมงเพราะอยู่ติดทะเล อยู่ในเขตอำเภอยะหริ่ง ห่างจากตัวเมืองปัตตานี 25 กม. ท่าเรือที่พวกเราจะไปลงเรืออยู่ก่อนถึงตัวหมู่บ้าน คนจัดการท่องเที่ยวคือกลุ่มบูนาดารา คำว่า “บูนา” เป็นชื่อชุมชนเก่าแก่ดั้งเดิม คำว่า “ดารา” เป็นคำภาษามลายู “กาแลดารอ” คือ ท่าเรือดารอ ที่พวกเราจะไปลงเรือกัน

กิจกรรมท่องเที่ยวตะโละกาโปร์ คือการล่องเรือ ซึ่งเป็นเรือกอและ ผ่านเห็นวิถีชีวิตประมงพื้นบ้านของชาวมาลายูในอ่าวปัตตานี ผ่านป่าโกงกางที่อุดมสมบูรณ์ จอดลงหา”หอยกัน” ที่เป็นหอยในท้องถิ่นอยู่ตามป่าโกงกาง หน้าตาเหมือนหอยตลับ ถ้ามาตรงมื้ออาหารให้ชาวบ้านทำอาหารให้กินได้เลย เขาว่าเนื้ออร่อยมาก จุดไฮท์ไลต์อีกจุดคืออุโมงค์ป่าโกงกาง ที่โค้งเข้าหากันอย่างสวยงาม

วันที่เราไปคือวันศุกร์ซึ่งชาวมุสลิมจะหยุดงานวันศุกร์เพื่อไปมัสยิดกัน แต่เราลืมคิด ไม่ได้จองเรือมาก่อน มาโทรตอนเช้าที่เริ่มออกเดินทาง เกือบจะไม่ได้ล่องเรือซะแล้ว แต่พอบอกว่าเรากำลังไปน่าจะถึงก่อนสิบโมง ก็จะล่องเรือช่วงเช้า พี่เขาบอกงั้นได้เลย เพราะคงล่องเรือเสร็จในครึ่งวัน คนขับเรือจะไปมัสยิดช่วงบ่าย ก่อนลงเรือก็มีแจกเสื้อชูชีพ แจกหมวกปีกกันแดด เรือจะเป็นลำเล็กๆนั่งได้ 5-6 คน และไม่มีหลังคา เพราะต้องลัดเลาะไปตามป่าโกงกาง เราโชคดีได้แบแยะมาเป็นไกด์ แบเล่าเรื่องราวความเป็นมา ชี้ชวนดูต้นไม้ ดูปูดูปลา เล่าเรื่องสนุกสนานไปตลอดทาง แบบอกว่ามาช่วงเช้าน้ำขึ้น ก็เลยเข้าได้ทุกซอกทุกซอย นั่งเรือมาถึงจุดที่เป็นแหล่งหาหอยกัน ก็พาแวะลงไปเดินหาหอยได้มา 5-6 ตัว สนุกไม่น้อย

แล้วนั่งเรือทะลุออกไปทะเลใน เจอนกกาน้ำเป็นพันตัวเลย เยอะมาก แบบอกว่าพวกเราโชคดี(อีกล่ะ) บางวันมีนกแค่ไม่กี่ตัว ล่องเรือไปพักที่ลานโกงกาง แพไม้ไผ่ลานกว้าง ได้ขึ้นไปนั่งชมวิว จุดนี้ถ้ามาแบบรวมอาหารกลางวันก็เอาอาหารมากินบนนี้ได้เลย วิวดี ลมเย็น บางคนมาล่องเรือตอนเย็นก็มานั่งดูพระอาทิตย์ตกได้ คงจะสวยงามน่าดู

จุดสุดท้ายคือล่องผ่านอุโมงค์ป่าโกงกาง ช่วงนี้เป็นร่องน้ำกว้าง ต้นโกงกางโค้งเข้าหากัน มีแสงแดดส่งลงมารำไรๆ สวยงาม ประทับใจ แบบอกว่าตรงนี้เล่นน้ำได้ บางกรุ๊ปก็เตรียมชุดมาเล่นน้ำตรงนี้ด้วย

ล่องเรือไป 2 ชม. ชอบมาก ชอบตั้งแต่ตรงท่าเรือ มีเรือกอและลายสวยๆจอดอยู่เพียบเลย แต่จะเป็นลำเล็กถึงขนาดกลางๆ เป็นเรือของชาวประมงพื้นบ้าน ถ้าอยากดูลำใหญ่ๆกว่านี้ต้องไปดูที่ทะเลนอก

#กอดป่าให้หายเหนื่อย

ชุมชนท่องเที่ยวล่องเรือ Buna Dara หรือ ติดต่อ แบแยะ 093-335-6658 และ 089-975-6067

หาดตะโละกาโปร์

ล่องเรือแล้ว ก็ตั้งใจไปดูต่อเรือกอและจำลอง แต่ก็เพราะมาวันศุกร์เขาหยุด บ้าจริงๆ เสียดาย เลยไปชมชายหาดดีกว่า นั่งรถผ่านตัวหมู่บ้านไปก็เจอชายหาดแล้ว ริมหาดมีร้านขายของเยอะเลย เหมือนบางแสน หรือสวนสน คาดว่าตอนเย็นๆ หรือวันหยุดน่าจะมีคนมาเที่ยวเยอะ เราก็ลงไปเดินดูหาดกันสักหน่อย ทรายก็ขาวอยู่แต่มีเศษไม้เศษขยะกลาดเกลื่อนไปหน่อย

มองไปสุดหาด เห็นเรือกอและจอดลอยลำอยู่หลายลำ เลยให้พี่คนขับขับรถไปดู ตรงปลายหาดเหมือนศูนย์ซ่อมบำรุงเรือกอและ มีหลายลำที่เข้าอู่ซ่อมแซมบนชายหาด บางลำก็จอดลอยลำอยู่ในทะเล ได้เห็นเรือกอและลำใหญ่ๆ ลายสวยสดใส สมใจ

ตอนแรกตั้งใจจะไปดูวังยะหริ่งต่อ แต่ด้วยความหิวเลยบอกพี่คนขับว่าหาอะไรกินเถอะ พี่คนขับแนะนำให้ไปทานข้าวที่บาราโหมเป็นอาหารพื้นบ้าน เราก็เออไปๆ ข้าวเที่ยงวันนี้เรียกว่า “นาสิอีแดกำปง” เป็นชุดอาหารที่ทำจากวัตถุดิบที่มีภายในท้องถิ่นตามฤดูกาล ทำแล้วมาจัดวางบนใบตอง วันนี้มีปลาทอด น้ำพริกกะปิ น้ำบูดูยำ(ที่อร่อยมาก เติม 2 รอบ) มีไข่เจียว ผักลวกผักสด ยำผักกูด(กาบูปูโจ๊ะปากู) กับแกงปลาที่ลืมถามชื่อ และถ้าให้ถูกต้องตามวิถีก็ต้องใช้มือกิน เราก็ใช้ช้อนบ้างมือบ้าง กินกันเลอะเทอะไปหมด อร่อยอิ่มในราคา ร้อยกว่าบาทต่อคน

ที่ ชุมชนบ้านบาราโหม ก็มีกิจกรรมล่องเรือชมป่าโกงกางเหมือนกัน ใกล้ตัวเมืองปัตตานีแค่ 7 กม.เองด้วย ใครสนใจล่องเรือ พร้อมทานอาหาร มีกิจกรรมอื่นๆเพิ่มด้วย เช่นทำผ้าบาติค ทำผ้ามัดย้อม ก็ลองเข้าไปดูในเพจ ชุมชนท่องเที่ยวบาราโหม หรือติดต่อไปตามเบอร์ร้านได้

สุสานเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว

ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวกับสุสานเจ้าแม่อยู่คนละที่กัน ศาลเจ้าสร้างขึ้นมาตอนหลัง สร้างเอาไว้ในตัวเมือง แต่สุสานหรือฮวงซุ้ยที่ว่ากันว่าฝังศพเจ้าแม่อยู่ออกมานอกเมือง ระหว่างทางที่จะไปตะโละกาโปร์และไปนราธิวาสได้ อยู่ริมถนนหลัก เห็นชัดเจน ติดกับมัสยิดกรือเซะเลย

มัสยิดกรือเซะ

ติดกันกับสุสานเจ้าแม้ลิ้มกอเหนี่ยวคือมัสยิดเก่าแก่ 200 กว่าปีที่สร้างไม่เสร็จ “มัสยิดกรือเซะ” มีตำนานว่า สร้างมาแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย เพราะเกิดสงครามจึงทำให้สร้างไม่เสร็จ และต่อมาสร้างยังไงก็มีเหตุให้สร้างไม่เสร็จ เราไปโดยไม่รู้ประวัติอะไรของมัสยิดเลย เพียงแต่จำชื่อได้จากเหตุการณ์รุนแรงเมื่อปี พ.ศ. 2547 ก็เลยอยากมาเห็น มัสยิดแม้จะดูเหมือนสร้างไม่เสร็จ แต่ก็ใช้งานเป็นศาสนสถาน มีคนเข้ามาละหมาดเหมือนมัสยิดเสร็จสมบูรณ์สวยงามทั่วไป แต่วันนี้ไม่มีคนละหมาดที่นี่เพราะไปละหมาดในมัสยิดประจำอำเภอ จะว่าโชคดีก็ได้ แต่จะคิดว่าโชคร้ายก็ได้เพราะกลายเป็นมัสยิดว่างร้างผู้คน ขาดชีวิตชีวาไปเลย

มีตำนานเรื่อง เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวเกี่ยวพันกับมัสยิดกรือแซะ เล่ากันว่า มัสยิดกรือเซะนี้สร้างโดยลิ้มโต๊ะเคี่ยม ชาวจีนที่มาพบรักจนได้แต่งงานกับลูกสาวพระยาตานีไม่กลับเมืองจีน และเปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลาม “ลิ้มกอเหนี่ยว”น้องสาวของลิ้มโต๊ะเคี่ยม ก็เลยโล้สำเภามาตามพี่ชายกลับเมืองจีน แต่ไม่สำเร็จและรู้ว่าพี่ชายเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลาม ลิ้มกอเหนี่ยวจึงได้สาปแช่ง ขออย่าให้สร้างมัสยิดสำเร็จ และได้ผูกคอตายที่ต้นมะม่วงหิมพานต์ ลิ้มโต๊ะเคี่ยมก็เลยฝังศพน้องสาวไว้ที่หน้ามัสยิด และมัสยิดกรือเซะก็เป็นไปตามคำสาป ไม่สามารถสร้างเสร็จจนทุกวันนี้

ไม่ว่าจะเป็นศาสนาใดก็มีตำนานลักษณะนี้เหมือนๆกัน

วัดช้างให้ (วัดราษฎร์บูรณาราม)

มาถึงปัตตานีแล้วไม่ได้มากราบหลวงปู่ทวดวัดช้างให้ก็เหมือนมาไม่ถึงปัตตานีจริงๆ พลาดไปเมื่อวานเลยเอาโปรแกรมมาบวกวันนี้ พี่คนขับบอกว่าได้เลย ปกติแล้วจากปัตตานีไปหาดใหญ่จะใช้เส้นทางใหม่วิ่งแป๊บเดียวก็ถึง แต่ไปวัดช้างให้ต้องออกไปทางเส้นเก่า มาที่ อ.โคกโพธิ์ ตัววัดอยู่ติดทางรถไฟ มีสถานีวัดช้างให้อยู่ใกล้ๆด้วย

หลวงปู่ทวด เป็นเจ้าอาวาสองค์แรกของวัดและอัฐของท่านก็ถูกบรรจุไว้ที่วัดแห่งนี้

ใครชอบลุยๆก็ไปวัดช้างให้ทางรถไฟก็ได้นะ นั่งรถไฟมาจากหาดใหญ่ก็มาลงสถานีวัดช้างให้ แต่เที่ยวรถที่จอดสถานีวัดช้างให้น่าจะน้อยมาก แต่ถ้าจะมาจากตัวเมืองปัตตานีด้วยรถไฟไม่ได้นะ เพราะไม่มีสถานีรถไฟในตัวเมือง สถานีรถไฟปัตตานีอยู่ที่ อ.โคกโพธิ์ ห่างจากกลางเมือง 25 กม. คือมาเที่ยวปัตตานีต้องทำความเข้าใจเรื่องการเดินทางมากๆหน่อย

จากวัดช้างให้ ก็ไปสนามบินหาดใหญ่ นั่งรถไปชั่วโมงกว่าๆก็ถึง

จบการเที่ยวงงๆที่ปัตตานี ที่สนามบินหาดใหญ่ แม้จะเดินทางท่องเที่ยวลำบากไปสักหน่อย แต่ก็ยังอยากมาเก็บตกปัตตานีอีกสักรอบ ปัตตานียังมีหลายที่ๆน่าไป อย่างชายหาดอีกหลายหาดที่สวยๆ หรือเมืองเก่าอย่าง ยะหริ่ง สายบุรี ก็ต้องใช้เวลาในการทำความรู้จัก ชุมชนต่อเรือกอและก็ต้องไปดูให้ได้สักครั้ง คราวหน้าก็คงเช่ารถขับเที่ยวเองเลย คนพื้นที่เขาบอก ปลอดภัยเที่ยวได้ เตือนมาแค่ว่า อย่าขับรถตอนมืดๆออกไปนอกเขตเมืองก็แล้วกัน

ที่พักปัตตานี

โรงแรม ซี.เอส.ปัตตานี (C.S. Pattani Hotel)

เราเลือกพักที่โรงแรมนี้ เพราะหารีวิวที่พักในปัตตานีได้น้อยมาก ที่อ่านเจอใครๆก็แนะนำโรงแรมซี.เอส.ปัตตานีนี่แหละ ปัตตานีดูเหมือนแบ่งเป็นฝั่งเมืองใหม่กับเมืองเก่าด้วยแม่น้ำปัตตานี ที่เที่ยวจะอยู่ฝั่งเมืองเก่าอย่าง ย่านเมืองเก่า ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว มัสยิดกลาง แต่ที่พักฝั่งเมืองเก่าใกล้แหล่งท่องเที่ยวหาไม่มีเลย ที่พักส่วนมากอยู่ฝั่งเมืองใหม่ ที่มีโรงพยาบาล มีมหาวิทยาลัย โรงแรมซี.เอส.ปัตตานีก็อยู่ฝั่งเมืองใหม่ แต่ตัวโรงแรมก็อยู่เลยออกไปจากย่านกลางเมืองไปอีก 2-3 กม. ถ้าไม่มีรถ ก็คือเดินทางลำบากมาก ไม่มีรถสาธารณะให้เรียก แต่ตัวโรงแรมใหญ่โต สวยงาม คนเยอะ ทั้งคนมาพัก คนมาทานอาหาร ห้องอาหารบุหงารายาของโรงแรม เป็นร้านดังของจังหวัดด้วย นอกจากร้านอาหารก็มีซุ้มขายโรตีกับชาชัก อร่อยดี คนเยอะทั้งวัน

Website Built with WordPress.com.

Up ↑

%d bloggers like this: