Explore Egypt In 7 Days (II)

Trip : Egypt | Dec 2007

ทริปเที่ยวอิยิปต์ 7 วัน ตอนแรก เริ่มต้นที่อิยิปต์ตอนล่างที่ ไคโร (Cairo) เมืองหลวงของประเทศอิยิปต์ เที่ยวเมมฟิส (Memphis) ซัคคาร่า (Saqqara) ดาห์ชู (Dahshur) 1 วัน และอเล็กซานเดรีย (Alexandria) เมืองริมทะเลเมอร์ดิเตอเรเนี่ยนอีก 1 วัน แล้วนั่งรถไฟนอนยาวไปอิยิปต์ตอนบนที่เมืองอัสวาน (Aswan) นั่งรถต่อไป มหาวิหารอาบูซิมเบล (Abu Simbel) แล้วกลับมาเที่ยวอัสวาน

มาเล่าต่อตอนสอง จากอัสวานนั่งรถเลาะแม่น้ำไนล์ ไปคอมออมโบ (Kom Ombo) เอดฟู (Edfu) และลักซอร์ (Luxor) แล้วนั่งรถไฟจากลักซอร์กลับไปไคโร 

ASWAN to LUXOR

คอมออมโบ | Kom Ombo | كوم أمبو‎, 

วันนี้เก็บของลาเมืองอัสวาน เดินทางต่อลงไปทางใต้ เลาะตามแม่น้ำไนล์ไป 50 กม. ที่เมือง คอมออมโบ (Kom Ombo) เป็นเมืองเกษตรริมฝั่งแม่น้ำไนล์ที่เก่าแก่มากๆ จุดที่คนมาแวะเที่ยวคือ วิหารคอมออมโบ (Kom ombo Temple) เป็นวิหารแฝด เพราะสร้างเพื่อบูชาเทพฮอรัส (Horus) กับเทพโซเบก (Sobek)

วิหารแฝดสร้างแบบสมมาตรกัน ซ้ายบูชาเทพฮอรัส (Horus) ขาบูชาเทพโซเบก (Sobek)

เทพฮอรัสคือเทพที่มีหัวเป็นเหยี่ยว เป็นเทพแห่งสงคราม ส่วนเทพโซเบกคือเทพที่มีหัวเป็นจระเข้ เป็นเทพผู้สร้างโลก เทพแห่งความอุดมสมบูรณ์ คือผู้อยู่ในแหล่งน้ำ

ชาวนูเบียนนับถือจระเข้ว่าเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ มีการทำมัมมี่จระเข้เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อเทพผู้คุ้มครองแม่น้ำไนล์ ด้านในวิหารมีมัมมี่จระเข้อยู่ในตู้ให้ดู

จุดน่าสนใจอีกจุดคือภาพแกะสลักที่ว่ากันว่าเป็นปฏิทินอิยิปต์โบราณ และภาพแกะสลักรูปเหมือนอุปกรณ์ผ่าตัดทางการแพทย์อย่าง มีด กรรไกร คีม วางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ แสดงให้เห็นถึงความรู้ทางด้านการแพทย์ของชาวอิยิปต์โบราณ

ภาพสลักรูปปฏิทินอิยิปต์โบราณ

ออกมาด้านนอกวิหารมี ไนโลมิเตอร์ (Nilometer) เป็นเครื่องวัดระดับน้ำ เป็นบ่อน้ำที่เชื่อมถึงแม่น้ำไนล์ มีระดับให้ดูระดับน้ำของแม่น้ำไนล์ได้ เพื่อช่วยคำนวณเรื่องน้ำท่วม

เอ็ดฟู | Edfu | إدفو‎

ออกจากวิหารคอมออมโบ นั่งรถลงใต้ไปอีก 65 กม. ไปที่เมือง เอ็ดฟู (Edfu) เข้าไปดู วิหารเอ็ดฟู (Edfu Temple) ที่สร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพฮอรัส เทพที่มีหัวเป็นเหยี่ยว มีรูปสลักเหยี่ยวขนาดใหญ่หน้าทางเข้าวิหารด้านใน ซุ้มประตูและเสาขนาดใหญ่ สวยงาม ลวดลายชัดเจนมาก

ลักซอร์ | Luxor | الأقصر‎

เที่ยว 2 วิหารขนาดย่อมๆไป 2 วิหารแล้ว ตอนบ่ายก็เข้า เมืองลักซอร์ (Luxor) หรือ นครธีปต์ (Thebes) อดีตเมืองหลวงเก่าแก่ของอาณาจักรอิยิปต์โบราณราชวงศ์ที่12 เข้าที่พักเก็บของล้างหน้าให้สดชื่นแล้วออกมาเที่ยววิหารขนาดยักษ์ วิหารลักซอร์ ที่ได้เดินเที่ยวตลอดบ่ายจนเย็นย่ำ มีแสงไฟสาดส่องสวยงาม ประทับใจสุดๆ

วิหารลักซอร์ (Luxor Temple) สร้างถวายแก่เทพอามุน-รา (Amun-Ra) และเทพีมัต (Mut) มีพื้นที่กว้างใหญ่มาก ทางเข้าวิหารมีรูปสลักหินฟาโรห์นั่งบนบัลลังก์ 2 รูป และควรจะขนาบข้างด้วยเสาโอเบลิสก์ 2 เสาเหมือนกัน แต่เหลือเสาเดียว เพราะอีกเสาไปตั้งอยู่ที่ปลาซ เดอ ลา คองคอร์ด หรือจตุรัสคองคอร์ด กรุงปารีสซะ เสาโอบิลิสก์ถูกส่งไปตั้งแต่ยุคนโปเลียน โบนาปาร์ด และยังตั้งตะหง่านอยู่ที่ปารีสจนถึงวันนี้

ก่อนเข้าด้านใน ไปเดินดูด้านนอกก่อน เพราะเคยมีสวน มีรูปสลักหินตกแต่ง สวยงามแบบอุทยานหลวง ตอนนี้ก็มีแต่ต้นปาล์มให้ดู แล้วก็มีสฟิงซ์ที่ตัวเป็นสิงห์หัวเป็นคน หมอบเป็นแถวเป็นแนว เรียงรายขนาบ 2 ข้างถนน ซึ่งในอดีตเป็นถนนยาวร่วม 3 กม. เชื่อมไปถึง วิหารคานัค (จะไปเที่ยวพรุ่งนี้)

จากนั้นก็เดินเข้าด้านในของวิหาร สวยงามด้วยความยิ่งใหญ่ เสาหินต้นใหญ่ยักษ์หลายร้อยต้นเรียงเป็นแถว ไม่เหลือส่วนหลังคาแล้ว ที่หลงเหลือมีแค่คานหินขนาดใหญ่พาดหัวเสา น่าสงสัยว่ายุคโบราณยกแท่งหินขนาดหลายตันขึ้นไปวางได้ยังไงกัน เดินเล่นถ่ายรูปเพลินมาก เดินไปมาจนแสงเริ่มหมด เริ่มมีไฟเปิดส่องไปตามจุดต่างๆ ก็ย้อนออกมาด้านหน้าวิหาร ถ่ายรูปวิหารยามค่ำก็สวยอีกอารมณ์

หลังข้าวเย็นก็เดินเล่นตลาดเมืองลักซอร์สักหน่อย ตลาดแต่ละเมืองก็ดูคล้ายๆกัน ขายของก็เหมือนๆกัน

TRAVEL LIST Day-5

  • Kom Ombo : วิหารคอมออมโบ (Kom Ombo Temple)
  • Edfu : วืหารเอ็ดฟู (Edfu Temple)
  • Luxor : วิหารลักซอร์ (Luxor Temple) / Night market

City of Life and Death

เมืองลักซอร์แบ่งเป็น 2 ฝั่งด้วยแม่น้ำไนล์ ลักซอร์ฝั่งตะวันออก (East bank) กับฝั่งตะวันตก (West bank) ในยุคอิยิปต์โบราณถือว่า East bank คือ Life ส่วน West Bank คือ Death คือฝั่งคนเป็นกับฝั่งคนตาย

ยามเช้าบนฝั่งตะวันออกคือฝั่งคนเป็น ปัจจุบันเป็นตัวเมืองลักซอร์ ที่มีโรงแรม ร้านอาหาร ที่เที่ยวหลักของฝั่งนี้คือ วิหารลักซอร์ที่พวกเราไปดูมาแล้วเมื่อวาน และวิหารคาร์นัค ที่จะไปเย็นนี้ ช่วงเช้านี้จะข้ามแม่น้ำไปฝั่งคนตาย คือฝั่งตะวันตก (West side)

ลักซอร์ฝั่งตะวันตกเป็นฝั่งคนตาย จึงเป็นที่ตั้งของสุสาน อย่างเช่น หุบผากษัตริย์ (valley of the King), หุบผาราชินี (Valley of the Queen) หรือ Deir el-bahari สุสานของฟาโรห์หญิงฮัตเชปซุต (Hatshepsut)

ลักซอร์ฝั่งคนตายมีชื่อเสียงโด่งดังจากการขุดค้นพบสุสานฟาโรห์หนุ่มน้อยตุตันคามุน ที่ยังเจอโลงศพและสมบัติมากมาย (หลุมศพส่วนมากโดนขุดค้นโดยโจรขนสมบัติและโลงศพทองคำไปจนหมด) ลักษณะพื้นที่เป็นหุบเขาในทะเลทราย มีการขุดอุโมงค์เข้าไปเป็นทางยาวลึกจนถึงห้องเก็บพระศพ มีทางแยกเป็นห้องเล็กๆเก็บทรัพย์สมบัติสำหรับชาติภพหน้า ทั้งผนังและเพดานแกะสลักลวดลายละเอียดพร้อมวาดภาพลงสีสดใส เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเทพเจ้าและชีวิตหลังความตาย

กิจกรรมน่าทำของที่นี่คือขึ้นบอลลูนยามพระอาทิตย์ขึ้นหรือพระอาทิตย์ตกดินดูหุบเขากษัตริย์มุมกว้าง แต่เราไม่ได้ขึ้น พวกเราเลือกเข้าไปเดินเที่ยวอย่างเดียว การเข้าไปเที่ยวใน หุบผากษัตริย์ (valley of the King) ต้องไปซื้อบัตรเข้าชมใน Visitor center ก่อน แล้วเดินดูส่วนจัดแสดงด้านในนิดหน่อย มีผังจำลองของหุบผากษัตริย์ให้ทำความเข้าใจเบื้องต้น จากนั้นก็ออกไปนั่งรถพาเข้าไปในบริเวณขุดค้น

รถพาไปจอดที่จุดเดียวกันหมด มองไปรอบๆจะมีป้ายบอกชื่อหลุมกับรายละเอียดว่าหลุมนี้เป็นสุสานของฟาโรห์องค์ไหน สนใจหลุมไหนก็เดินเข้าไปดูได้ มีหลุมขุดค้นที่เปิดให้เข้าดูได้ประมาณ 10 หลุม (จาก 60 กว่าหลุมที่ทำการขุดค้นอยู่) ค่าเข้าที่จ่ายไปสามารถให้เราเลือกเข้าได้ 3 หลุม ยกเว้น 3 หลุมขุดค้นที่ต้องจ่ายเงินเพิ่มเพื่อเข้าดู (KV9 – Ramesses V & VI / KV17 – Seti I / KV62 – Tutankhamun) ก็เป็น 3 หลุมที่ว่ากันว่าด้านในสวยสุดนั่นเอง หลุม KV62 ของฟาโรห์ตุตันคามุนอันโด่งดังที่ต้องจ่ายเงินเพิ่มมีคิวยาวเฟื้อย เราเลยไปดูสุสานทั่วไปแทน

เดินเข้าไปด้านในของสุสานลึกไปได้จนถึงห้องเก็บโลงพระศพ แต่ไม่มีโลงและไม่มีข้าวของสมบัติอะไรเพราะส่วนมากโดนปล้นไปหมดแล้ว ส่วนที่เหลือก็ย้ายไปเก็บในพิพิธภัณฑ์ แต่ที่ได้เห็นคือภาพฝาผนังตลอดทางเดิน และตามห้องต่างๆ บางส่วนก็ยังมีสี บางส่วนก็ซีดจาง ตอนที่เราไปปี 2007 ด้านในห้ามถ่ายรูปเด็ดขาดเลยไม่มีรูปออกมาให้ดู ต่อมา ปี 2018 สามารถจ่ายเงินเพิ่มเพื่อให้ถ่ายรูปภายในสุสานได้โดยห้ามใช้แฟลช พอปี 2019 สามารถถ่ายรูปด้วยกล้องมือถือโดยไม่ใช้แฟลชได้โดยไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม ตอนนี้ก็เลยมีรูปออกมาให้ได้เห็นกันเยอะแยะ (ลองเข้าไปดูเวปนี้ได้ รูปสวยใช้ได้ มีทุกสุสานเด็ดๆเลย >รูปด้านในหลุมขุดค้นหุบผากษัตริย์<)

หุบผากษัตริย์ (valley of the King)

จากหุบผากษัตริย์ไปไม่ไกลเป็น หุบผาราชินี (Valley of the Queen) สุสานที่น่าสนใจที่สุดคือ สุสานราชินีเนเฟอร์ตารี (The Tomb of Queen Nefertari) แต่เราไม่ได้เข้าไปดูด้านในของสุสาน น่าเสียดาย

ที่เราไปอีกจุดคือ Deir el-bahari สุสานของฟาโรห์หญิงฮัตเชปซุต (Hatshepsut) ที่นี่ผิดกับหุบผากษัตริย์ที่เหนือหลุมศพไม่มีสัญญลักษณ์ใดๆให้รู้ว่ามีสุสาน ก็เพื่อความปลอดภัยของสุสานนั่นแหละ แต่สุสานฟาโรห์หญิง มีการก่อสร้างโถงทางเข้าสุสาน และมีรูปสลักหินขนาดใหญ่อยู่หน้าเชิงเขาที่เจาะเข้าไปทำเป็นสุสาน ออกแบบและก่อสร้างโดยสถาปนิกคู่ใจ ที่ซุบซิบกันว่าคือชู้รักของพระนาง แต่ถึงจะมีสุสานใหญ่โตกลับไม่เคยมีใครพบพระศพของพระนาง แถมรูปสลักต่างๆก็โดนทำลายเพื่อลบตัวตนพระนางจากประวัติศาสตร์ ด้วยเหตุผลเรื่องการแย่งชิงบัลลังก์ เพราะพระนางได้ยึดอำนาจจากการเป็นผู้สำเร็จราชการแทนฟาโรต์ธุตโมสที่สามที่ยังเป็นเด็กแล้วแต่งตั้งตัวเป็นฟาโรห์ ฟาโรห์ธุตโมสที่สามก็เลยไม่ค่อยจะพอใจ พอโตขึ้นก็กลับมายึดอำนาจและทำลายล้างพระนาง

รูปสลักหินฟาโรห์มีเครา เป็นตัวแทนของฟาโรห์หญิง เพราะเวลาออกบริหารบ้านเมืองจะใส่เคราปลอมออกมาเสมอ

จุดที่ 3 ที่แวะคือ วิหารฮาบู (Habu Temple) เป็นวิหารขนาดใหญ่ สร้างโดยฟาโรห์รามเสสที่ 3 นักท่องเที่ยวไม่ค่อยเยอะ แต่เจอเด็กนักเรียนเยอะมาก มีภาพแกะสลักตามผนังที่ยังสมบูรณ์เยอะมาก ลวดลายชัดเจน บางผนังยังมีสีอยู่ด้วย

วิหารฮาบู (Habu Temple)

เที่ยวไป 3 จุดกว่าจะได้กินข้าวเที่ยงก็บ่ายแล้ว ขับรถเลือกหาร้านข้าว เลยได้ชมเมืองคนตาย บ้านเรือนและร้านค้าสีสรรลวดลายน่ารักไม่เข้ากับชื่อเรียกเลย

ก่อนจากฝั่งคนตายข้ามกลับไปฝั่งคนเป็น แวะดูรูปสลักหินคู่ขนาดใหญ่ยักษ์ในท่านั่ง เรียกกันว่า รูปสลักแห่งเมมนอน (Colossi of Memnon) รูปสลักหินคู่หันหน้าไปแม่น้ำไนล์ทางทิศตะวันออก แต่เดิมเป็นรูปสลักคู่อยู่หน้าวิหารของฟาโรห์อเมนโฮเทปที่ 3 ตัววิหารพังราบไปจนหมดจากแผ่นดินไหว เหลือแค่รูปสลักหินคู่อยู่กลางลาน

The Colossi of Memnon

ช่วงบ่ายแก่ๆกลับเข้าฝั่งคนเป็น ลักซอร์ฝั่งตะวันออก ไปที่ วิหารคานัค (Kanak Temple) สร้างถวายแก่เทพอามุน-รา (Amun-Ra) เหมือนวิหารลักซอร์ ด้านหน้าวิหารมีรูปสลักหินสฟิงค์หัวแกะเขาโง้งเรียงรายตามถนนที่เคยยาวเชื่อมต่อไปถึงวิหารลักซอร์นั่นไง

วิหารคานัคกว้างใหญ่มาก เพราะมีการสร้างเสริมเติมต่อเรื่อยมากว่า 2000 ปี ผ่านยุคสมัยของฟาโรห์กว่า 30 พระองค์ วิหารแต่ละยุคสมัยถูกรื้อถอนสร้างทับ หรือขยายออก จนทับซ้อนกันไปหมด

เข้าไปในวิหารเดินผ่าน Great Hypostyle Hall ดงเสาหินขนาดใหญ่ยักษ์ มีลวดลายสลักลึกและชัด ตั้งแต่โคนเสาไปถึงยอดเสาที่สูงเป็นสิบเมตร ด้านในมีแบ่งห้องหลายห้อง เป็นห้องบูชาองค์เทพต่างๆ เดินทะลุไปด้านหลังมี วิหารฮาธอร์ ที่ย้ายหนีน้ำท่วมจากการสร้างเขื่อนมาสร้างใหม่ตรงนี้อยู่ด้วย

ลานกว้างด้านหลังมีแท่นหินที่มีรูปสลักหินด้วงสการับ ภาษาอิยิปต์โบราณเรียกว่า Khepri (Statue of Khepri)  มีโซ่ล้อมไว้ จะเห็นคนมาเดินวนรอบประหนึ่งเดินเวียนเทียน เพราะมีความเชื่อว่าใครอยากมีลูกให้มาอธิษฐานแล้วเดินวนรอบรูปสลักนี้

Statue of Khepri

ได้เดินเที่ยวในวิหารคานัคจนเย็นย่ำอีกวัน แต่วันนี้ไม่ได้กลับไปนอนโรงแรม แต่จะกลับไคโรเลย ก็ไปนอนบนรถไฟเหมือนขามา

TRAVEL LIST Day-6

  • Luxor (West) : หุบผากษัตริย์ (valley of the King) / หุบผาราชินี (Valley of the Queen) / Deir el-bahari สุสานของฟาโรห์หญิงฮัตเชปซุต (Hatshepsut) / วิหารฮาบู (Habu Temple) / รูปสลักแห่งเมมนอน (Colossi of Memnon)
  • Luxor (East) : วิหารคานัค (Kanak Temple)

The Grand Pyramid

สวัสดีไคโรแต่ไก่โห่ เพราะรถไฟขากลับออกเร็วเลยมาถึงแต่เช้า ดีที่มีจองโรงแรมไว้ให้ไปอาบน้ำแปรงฟันแต่งตัวหน่อย เพราะวันนี้เที่ยวไคโรทั้งวันแล้วบินกลับเมืองไทยเลย เที่ยวบินตอนดึก ถ้าไม่ได้อาบน้ำหน่อย คงทรมาน

กีซ่า | Giza | الجيزة

มีเวลาในไคโรวันเดียว ต้องเริ่มเที่ยวเร็วๆ ที่แรกที่ต้องไม่พลาดเลยคือ เมืองกิซ่า (Giza) ไปดูปิรามิดที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดคือ มหาปิรามิดแห่งเมืองกิซา (The Grand Pyramid of Giza) หรือ ปิรามิดของฟาโรห์คูฟู (Khufu) เป็นปิรามิดที่สร้างได้ลักษณะสมมาตรทำมุม 50º กับพื้นดินในทุกด้าน ใช้หินทรายตัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมหนักประมาณก้อนละ 2 ตันครึ่ง บางก้อนหนักถึง 16 ตัน นำเอามาซ้อนกันขึ้นไป ซึ่งต้องใช้หินไม่น้อยกว่า 2,500,000 ก้อน รวมน้ำหนักกว่า 6,000,000 ตัน แล้วจึงฉาบผิวเรียบ ตอนนี้หลุดร่อนไปเกือบหมดแล้ว มองไกลๆก็นึกว่าเรียบ แต่พอเข้าไปใกล้จะเห็นก้อนหินที่เรียงซ้อนกันขึ้นไป ปีนป่ายได้อยู่เขาไม่ห้าม

ปิรามิดของฟาโรห์คูฟู (Pyramid of Khufu)

ในบริเวณใกล้ๆกันยังมีปิรามิดอื่นๆด้วยคือ ปิรามิดของฟาโรห์คาฟเร (Khafre) โอรสของฟาโรห์คูฟู มีขนาดเล็กกว่า แต่จะมองเห็นสูงใหญ่กว่ามันคือภาพลวงตา เพราะสร้างอยู่บนเนินเขาที่มีระดับสูงกว่าประมาณ 30 ฟุต ปิรามิดอันเล็กลงมาอีกคือ ปิรามิดของฟาโรห์เมนคูเร (Menkaure) ซึ่งเป็นพระโอรสของฟาโรห์คาฟเร ที่ว่าเล็กๆก็ยังสูงร่วม 60 ม. และยังมีปิรามิดราชินีเล็กๆอีก 3 หลังอยู่ข้างๆ

นอกจากปิรามิดแล้ว ยังมีรูปสลักหินขนาดใหญ่สูงกว่า 65 ฟุต มีตัวเป็นสิงโตหัวเป็นคนนอนหมอบเฝ้าหน้าปิรามิดคาฟเร รู้จักกันไปทั่วโลกว่า สฟิงซ์ (Sphinx) เชื่อกันว่ารูปหน้าของสฟิงซ์คือพระพักต์ของกษัตริย์คาฟเรเอง แต่ก็ไม่ทราบว่าพระองค์จะหล่อเหลาขนาดไหน เพราะใบหน้าของสฟิงซ์ได้หักพังไปตามกาลเวลาเช่นกัน ทั้งจากลมฝนแห่งทะเลทรายและเคยเป็นเป้าซ้อมยิงของทหารอังกฤษซะอีก

สฟิงซ์เฝ้าหน้าปิรามิดคาฟเร

ใครอยากขี่อูฐถ่ายรูปกับปิรามิด ที่นี่จะมีคนมาเสนออูฐให้ขี่เยอะแยะ เราให้คุณพี่ไกด์จ้างให้เลยไม่มีปัญหา แต่ถ้าใครติดต่อเอง ตกลงราคากันให้ดี มีคนขี่ไปแล้วบอกว่าราคาไม่รวมขากลับก็มีมาแล้วนะ คนอิยิปต์โกงๆก็มี คนดีๆก็เยอะ

โดนโกงราคาค่าขี่อูฐก็แจ้งตำรวจอูฐได้นะ

ไคโร | Cairo |  القاهرة

กลับเข้าในเมืองไคโรไปเข้า พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอืยิปต์ (The Egyptian Museum) ที่นี่เก็บรวบรวมโบราณวัตถุที่ขุดค้นเจอจากทั่วอิยิปต์เอาไว้ (เท่าที่เหลือรอดจากโจร) โลงพระศพของฟาโรห์ตุตันคามุน รวมทั้งสมบัติจากหลุมศพที่ลอร์ดคานาวานขุดเจอก็อยู่ที่นี่ด้วย ต้องต่อแถวกันเข้าไปดู ห้องอื่นๆก็มีสมบัติต่างๆทั้งของใหม่ของโบราณ ห้องไฮไลต์คือห้องแสดงมัมมี่ รูปสลักหินบางอันก็ยกมาวางแสดงที่นี่ แต่ห้ามถ่ายรูป อะไรก็เอาเข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ ต้องฝากไว้ด้านนอกทั้งหมด [ตอนนี้อนุญาตให้ถ่ายรูปได้โดยซื้อบัตรถ่ายรูปราคา EGP 50]

ใครสนใจดูฟรีก็ดูจาก official web ได้เหมือนกัน | https://my.matterport.com/show/?m=85n8j312Ur4&minimap=1 Source: https://egymonuments.gov.eg/en/museums/

ห้องสมบัติตุตันคามุน

มื้อเที่ยงสุดท้ายในอิยิปต์ ไปหาอะไรอร่อยๆทานกันแถบ ตลาดข่านเอลคาลิลี (Khan El Khalili Bazaar) อิ่มกันแล้วก็แยกย้ายกันลุยตลาด คนมากมายคึกคัก เดินเข้าตรอกซอกซอยไปทั่ว สวรรค์ของนักถ่ายภาพก็ว่าได้ จะซื้อของฝากก็มีทุกอย่าง ภาพวาด ขวดน้ำหอม รูปสลักหินเล็กใหญ่ เครื่องเงิน เครื่องแก้ว ไปจนถึงเครื่องหอม เครื่องเทศ ของที่ระลึกเล็กๆน้อยๆ โปสการ์ด แม็กเน็ท ก็มีขาย ราคาบอกนักท่องเที่ยวก็จะบอกผ่านพอสมควร ต่อรองราคากันตามสะดวก

ก่อนเดินเที่ยวตลาด นั่งกินข้าวคาเฟ่หน้ามัสยิดอัลฮุสเซน

ถ้าเบื่อช้อปปิ้ง รอบๆตลาดมีมัสยิด เดินเข้าไปเยี่ยมชมได้ แต่ต้องแต่งกายสุภาพ ไม่ใส่ขาสั้น เสื้อแขนกุด และดูด้วยว่าบริเวณไหนห้ามเข้าก็อย่าเข้าไป

มัสยิดอัลฮุสเซน (Al-Hussain Mosque)

ได้เวลาก็กลับมาเจอกัน เพื่อนั่งรถไปสนามบิน วันนี้กลับเมืองไทยแล้ว ประทับใจอิยิปต์ ตื่นตาตื่นใจทุกวัน

TRAVEL LIST Day-7

  • Giza : มหาปิรามิดแห่งเมืองกิซา (The Grand Pyramid of Giza) / สฟิงซ์ (Sphinx)
  • Cairo : พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอืยิปต์ (The Egyptian Museum) / มัสยิดอัลอัสซา (Al-Azhar Mosque) / ตลาดข่านเอลคาลิลี (Khan El Khalili Bazaar)

Website Built with WordPress.com.

Up ↑

%d bloggers like this: