เรื่องเล่าคราวเดินทาง

น่าน-แพร่ แค่มีฉัน แค่มีเธอ

ธันวาคม 2551

ทริปปลายปีที่ตัดสินใจขับรถขึ้นเหนือ เป้าหมายคือน่าน และอาจแวะเที่ยวแพร่ด้วย ไม่ได้วางแผนอะไรมาก ไม่ได้จองที่พักด้วยซ้ำ นับว่าเสี่ยงมาก เพราะเป็นช่วงวันหยุดยาวต้นเดือนธันวา แต่เอาอุปกรณ์กางเต๊นท์ไปครบ ถ้าไม่มีที่พักก็กะนอนวัดกันเลย 🙂

4 ธันวาคม 2551
15:30 เพิ่งออกรถจากแจ้งวัฒนะบ้านเรา แต่รถยังไม่เยอะ ก็ไปได้เรื่อยๆ แวะทานข้าวเย็นแถวพิษณุโลก เลี้ยวเข้าไปเจอร้านครัวครูกุ้ง เห็นคนเยอะใช้ได้ แถมมีป้ายรางวัลชนะเลิศต้มยำกุ้ง เอ้อ…เพิ่งรู้ว่ามีรางวัลอย่างนี้ด้วย

เข้าไปสั่งอะไรๆก็หมด ทั้งที่เพิ่งจะไม่ถึง 2 ทุ่ม ต้มยำกุ้งเลยกลายเป็นต้มยำปลาหมึก ผัดคะน้า ไข่เจียวหมูสับ แต่น้ำต้มยำเขารดชาติดีจริง อิ่มแล้วขับต่อ จุดหมายคืออุตรดิตถ์เป็นอย่างน้อย หรืออาจเลยไปนอนที่แพร่เลย สี่ทุ่มกว่ามาถึงอุตรดิตถ์จนได้ ตัดสินใจนอนนี่แหละ เลี้ยวเข้าเมือง วนหา รร.แกรนด์วนา ที่ลองหาข้อมูลมาล่วงหน้า ว่าเล็กๆสะอาด ราคาย่อมเยา และอยู่กลางเมือง หาไม่เจอแฮะ เลยโทรไปถามทางที่รร. เจ้าหน้าที่อธิบายก็ยังงง และด้วยว่าไม่เคยมาอุตรดิตถ์มาก่อนในชีวิตเลยยิ่งหลงไปกันใหญ่ จนในที่สุดน้องเลยบอกให้พี่จอดรถตรงนั้นเลยเดี๋ยวขี่รถเครื่องไปรับ ฮ่าๆๆๆ บริการสุดยอด ในที่สุดก็มาถึงที่พักจนได้ มันลึกลับพอควรเพราะไม่ติดถนนใหญ่ จำง่ายๆคือหาห้างฟรายเดย์ แล้วเลี้ยวเข้าซอยข้างๆไปเดี๋ยวเห็นป้ายเอง หรือถ้ามาไม่มืดให้มองหารร.สีหราช รร.ใหญ่ๆ แล้วแกรนด์วนาอยู่ฝั่งตรงข้ามเป็นซอยเล็กๆป้ายเล็กๆ ทางนี้ต้องเดินเข้า เอาละ..ในที่สุดก็เจอ ห้องราคา 400 สภาพดี สะอาด มีอ่างอาบน้ำ น้ำร้อนน้ำเย็น ตู้เย็น ทีวี น้องบอกว่ามี UBC ด้วย แต่เปิดแล้วจูนใหม่แล้วไม่มี ช่างมัน เพราะนอนคืนเดียวเช้าก็ไปต่อแล้ว

5 ธันวาคม 2551
7:00 ตื่นเช้ามา เยี่ยมมองเมืองอุตรดิตถ์ วันนี้เป็นวันหยุดเมืองค่อนข้างเงียบ ถามน้องคนเดิมว่าทานอาหารเช้าอะไรดี น้องแนะนำว่าเดินออกตรอกเล็กไปที่ถนน ฝั่งตรงข้ามคือรร.สีหราชไง แล้วร้านข้างๆรร.ชื่อ ข้าวมันไก่ศรีวัย มีอาหารหลายอย่าง เราก็เดินออกไปชิมตามคำแนะนำ ร้านนี้ได้ป้ายเชลล์ชวนชิมด้วย อาหารมีทั้งข้าวมันไก่ ข้าวหมูแดงหมูกรอบ ต้มเลือดหมู รดชาดใช้ได้ คนมาสั่งห่อก็เยอะ กินกันอิ่มหมีพีมัน แล้วออกเดินทางมุ่งหน้า แพร่ และน่านต่อไป

น่าน | NAN

ทางจากกรุงเทพฯถึงอุตรดิตถ์เป็นทาง 4 เลน วิ่งสบายตลอด ออกจากอุตรดิตถ์ไปแพร่จะมีทำทางอยู่ช่วงหนึ่ง แล้วก็เป็นทาง 2 เลนสวนกัน และมีขึ้นเขาช่วงจากแพร่เข้าน่าน แต่รถไม่มากขับได้สบาย แวะพักรถดื่มกาแฟที่ร้านชมดอยหรือวิวดอย อะไรประมาณนี้แหละกลางเขาก่อนถึงน่าน ลมหนาวพัดเป็นระรอกๆต้องมาจิบกาแฟอาบแดดพอให้อุ่น ขับเข้าอ.เมืองน่าน แวะถามข้อมูลที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว จอดรถได้เลย แล้วเดินเที่ยว เพราะในละแวกนั้นเป็นแหล่งท่องเที่ยว วัดภูมินทร์ วัดพระธาตุช้างค้ำ พิพิธภํณฑ์แห่งชาติจ.น่าน วัดหัวข่วง คุ้มเจ้าราชบุตร เสาหลักเมือง วัดมิ่งเมือง ทั้งหมดนี้อยู่ติดกันในละแวกสี่แยกกลางเมืองนี้ เดินเอาสะดวกดี

เดินเที่ยวได้สะดวกสุดๆ

มาเที่ยวฤดูหนาว อุโมงค์ต้นลั่นทมก็จะโกร๋นประมาณนี้

เดินข้ามแยกมาดูภาพ กระซิบรักอันลือเลื่องในวัดภูมินทร์

เที่ยงแล้ว แดดแรงมากแม้อากาศจะหนาว แต่ก็รู้สึกเพลียอยู่ หาข้าวกินดีกว่า ร้านฮิตๆที่นิยมกินกันละแวกนี้คือ ร้านเฮือนฮอม อยู่ตรงข้ามเสาหลักเมืองเลย รู้สึกจะเป็นสำนักงานของ nantouring ด้วย แต่เห็นคนเยอะจัง แบบว่าสภาพร้านรับทัวร์มากๆ ไม่ขอเอาดีกว่า เลยไม่ได้ชิมข้าวซอย เห็นเขาว่ากันว่าอร่อยใช้ได้ เอาไว้คราวหน้ามาช่วงไม่ใช่เทศกาลจะไปอุดหนุน เลยขับรถไปตามหา ร้านก๋วยเตี๋ยวลุงชิน มีคนแนะนำมา แต่แห้ว เพราะลุงชินหยุดวันพ่อ สงสัยลูกพาไปเที่ยว เลยขับต่อไปอีกพักหนึ่งเห็นร้านชื่อ ผินผิน เป็นตึกแถว 2 ห้องใหญ่โต ขายก๋วยเตี๋ยวเหมือนกันหมูเนื้อ คนก็มีกินพอควร เลยแวะเข้าไปชิม ก็พอทานได้ ไม่ติดใจอะไรนัก อิ่มดีแล้ว ออกนอกเมืองไปสักหน่อยไปนมัสการ พระธาตุแช่แห้ง พระธาตุคู่บ้านคู่เมืองของชาวน่าน

จากนั้นก็ต้องบึ่งรถย้อนไปทางอ.เวียงสา เพื่อไป อช.ศรีน่าน ทางไปก็เป็นทางเขาแต่ทางดี คดเคี้ยวพอมึนๆ สี่โมงเย็นถึงบริเวณที่ทำการตรงดอยเสมอดาว รถเยอะทีเดียว เจ้าหน้าที่บอกว่าผาชู้เยอะกว่านี้ เลยตกลงใจนอนที่นี่ เนื่องจากคนเยอะมาก จนท.จึงให้ทุกคนขับรถขึ้นไปบริเวณกางเต๊นท์เอาของลง แล้วเอารถลงมาจอดบริเวณที่ทำการทุกคัน แล้วมีรถกระบะจนท.ขับขึ้นไปส่งอีกที จัดการได้ดีเหมือนกัน

กางเต๊นท์เรียบร้อย ได้เวลาแดดล่มลมตก มองหามุมชมพระอาทิตย์ตก เห็นเนินๆหนึ่งน่าจะเห็นได้ชัด แต่มีคนไปกางเต๊นท์ยึดมุมนั้นไว้ แต่ขอเดินไปดูหน่อย ปรากฏว่าที่มุมนั้นมีศาลาชมวิวด้วย พี่แกเล่นกางเต๊นท์ 2-3 อันขวางทางไว้เลย จะไปศาลาต้องเดินแอบๆเลาะริมๆไป นับถือน้ำใจพี่จริงๆ แล้งมากๆ นอกจากเราก็มีกลุ่มอื่นอีก 2-3 กลุ่มก็ต้องกวนใจแก๊งค์พี่เขา เดินเบียดๆเตาพี่เขาไป พอเราทำท่าเหนี่ยวต้นไม้ เพราะทางเป็นลาดเขา ยังมีหน้ามาตะโกนบอกเพื่อนที่ทำกับข้าวว่า เฮ้ย…หลบๆพี่เขาหน่อย…..ตกดึกแก๊งค์นี้เอาพลุหรือปะทัดมาจุด เจ้าหน้าที่ต้องเดินขึ้นไปเตือนว่าห้ามจุด จริงๆแล้วกฏการใช้สถานที่ก็น่าจะพอทราบอยู่นะ

อาหารเย็นวันนี้เป็นข้าวเหนียว ไก่ย่าง ไส้อั่ว เครื่องในย่าง น้ำพริกอ่อง ผักต้ม ส่วนมากซื้อในเมืองมา อุ่นนิดหน่อยก็กินกันได้แล้ว อิ่มอืดได้ที่ นอนจิบเบียร์ดูดาวหน้าเต๊นท์ จนอากาศเย็นลงเรื่อยๆลมเริ่มแรง สามทุ่มเข้าเต๊นท์ดีกว่า รอบข้างยังเฮฮากันอยู่ พยายามปล่อยวางฟังเพลง MP3 เสียบหูไป แต่ห้าทุ่มต้องสะดุ้งตื่นเลย เต๊นท์ข้างดังจริงๆ เพราะน้องเริ่มเมา เปิดเต๊นท์ไปขอให้เงียบหน่อย น้องก็เข้าใจนะเลิกเลย ขอบคุณน้องมาก เพราะพี่ยอมให้น้องตั้งแต่ทุ่มถึงห้าทุ่มแล้ว พอสมควรนะ พวกที่กางเตนท์บนยอดเสมอดาวเลยเสียงดังมาก ดีที่เราอยู่ล่างลงมา เลยได้ยินแว่วๆ แต่ดังโวยวายมาก จนกลางดึกได้ยินเสียงลากกันลงมานั่งรถเจ้าหน้าที่ลงไป โวยวายลั่นพูดภาษาญี่ปุ่นต่างหาก ไม่รู้เจ้าหน้าที่เชิญลงหรือยังไง ไม่ได้เปิดไปดู เพราะลมแรงมาก ไม่อยากเปิดเต๊นท์เลย

6 ธันวาคม 2551
05:30 ตื่นมาเตรียมตัวเดินไปดูทะเลหมอก กับรอดูพระอาทิตย์เจ้าดวงที่ตกเมื่อวานมันขึ้นมาอีกรอบ เดินขึ้นไปบนยอดดอยเสมอดาว ลมงี้พัดหมวกแทบปลิว หนาวใช้ได้ วันนี้ฟ้าไม่ค่อยเปิดกว่าจะเห็นลูกพระอาทิตย์ก็ค่อนข้างสูงแล้ว ทะเลหมอกมีแต่ไม่แน่นเท่าไหร่ แต่ยังไงอากาศก็สดชื่นเย็นสบาย ถ้ามากางเต๊นท์บนนี้คงได้เปิดเตาต้มกาแฟจิบระหว่างถ่ายรูปไปด้วยแล้ว ถ่ายรูปกันจนสว่าง เจ็ดโมงกว่าๆกลับลงมาที่เต๊นท์ ทำอาหารเช้ากิน รับแดดอุ่นๆ หลายคนเริ่มเก็บเต๊นท์เพื่อเดินทางต่อ เราไม่รีบเท่าไหร่นัก กว่าจะกินจะเก็บเสร็จก็เก้าโมงกว่า

ขึ้นรถแล้วขอขับไปดู ผาชู้ หน่อย ขับต่อจากเสมอดาวไปไม่ไกลเท่าไหร่นัก ผาชู้ดูสถานที่คับแคบกว่าที่เสมอดาว แถมวิวไม่กว้างไกลด้วย ดีที่ตัดสินใจอยู่เสมอดาว เดินไปดูยอดผาชู้ เห็นสายธงชาติที่ยาวมากกกกก….เอาไว้ชักธงชาติไทยขึ้นไปยอดผาชู้ บริเวณลานหน้าที่ทำการมีจัดสวน มีดอกไม้ มีต้นจันผา สวยงามดี

อยู่ไม่นานก็กลับออกมา จะไปแวะดู เสาดินนาน้อยกับคอกเสือ เพราะอยู่ในทางผ่านกลับเข้าเมืองอยู่แล้ว แยกจากทางหลักเข้าไปลึกเหมือนกัน ไปถึงก็ใกล้เที่ยง แดดแรงมาก แต่เราก็เดินดูเสาดินจนทั่ว ดูไม่อลังการเท่าแพะเมืองผี แต่ก็แปลกตาดี ต้นดิกเดียมที่ลานก็ไปลองลูบ ลูบแล้วลูบอีก ทั้งชายลูบหญิงลูบ ไม่เห็นกระดุกกระดิกเลย…. ขับต่อจากเสาดินไปอีกไม่ไกลเป็น คอกเสือ ลักษณะเหมือนเสาดิน แต่ว่าเป็นแอ่งยุบลงไปจากระดับพื้น 6-7 ม. จึงเป็นผาสูงสีแดง สวยดี เดินตากแดดกันจนสุกได้ที่ ก็ออกเดินทางกลับเข้าเมือง บ่ายนี้อยากกลับเข้าอ.เมืองน่านอีกครั้ง แล้วตัดสินใจอีกทีว่าคืนนี้จะนอนที่น่านหรือไปนอนที่แพร่

บ่ายกว่าเข้าถึงอ.เมือง คิดถึงลุงชิน ขอวนไปดูอีกรอบ อ๊ะ…โชคดี วันนี้ร้านเปิด รีบจอดรถลงไปชิมเพราะหิวแล้ว โฮ่…ลูกชิ้นทำเองของ ร้านก๋วยเตี๋ยวลุงชิน อร่อยจริงวุ๊ย…. มีทั้งหมูและเนื้อ เส้นเล็กแห้งยำ บะหมี่ต้มยำ เส้นหมี่น้ำชิ้นสดเนื้อก็แจ๋ว แถมลูกชิ้นเนื้อลวกอีกชาม 2 คน ซัดไป 6 ชาม ลุงชินยิ้มปลื้ม ใครไปน่านเชิญแวะชิมเลยครับ อร่อยจริงขอบอก อิ่มอาหารขอพักจิบกาแฟสักหน่อย ขับวนไปเจอ ร้านกาแฟภูพยัคฆ์ ตรงถนนสายส้ม (ก็ขายส้มเยอะเลย) เป็นร้านมีแอร์นั่งเย็นๆหลบแดดได้ดี กาแฟก็หอมใช้ได้ แถมมี wifi ให้ใช้ พอดีไปถามหา internet café เลยรู้ว่าที่นี่ก็มี ได้เปิดเมล์ เช็คข้อความบ้าง ดูเวปไซต์ฟุตบอลหน่อย สบายใจ

บ่ายนี้ขอเก็บตกวัดต่างๆในเมืองที่วันแรกยังไม่ได้เข้าไปไหว้ เช่น วัดศรีพันต้น วัดมิ่งเมืองกับเสาหลักเมือง

วัดมิ่งเมือง กับ ศาลหลักเมืองน่านอยู่ติดกัน

จากนั้นก็ไปต่อที่ วัดพญาวัดและเจดีย์จามเทวี ปิดท้ายที่ วัดพระธาตุเขาน้อย พร้อมชมวิวเมืองน่าน เสียดายที่ไม่มีวิวแม่น้ำน่านสายยาวๆชัดๆ อยู่บนดอยเสมอดาวก็พอเห็นบ้าง

โทรถามที่พักในเมืองน่านที่เล็งไว้ 2-3 ที่ เต็มหมด แปลกดี ในเมืองก็เงียบๆไม่ได้แน่นมากแต่ที่พักเต็ม เสียดาย เลยต้องร่ำลาเมืองน่านกันตอนบ่ายแก่ๆ ตัดสินใจตีรถไปนอนที่แพร่กันคืนนี้

แพร่ | PHRAE

เข้าถึงแพร่ประมาณหกโมงเย็น กำลังโพล้เพล้ รร.ที่เล็งคือนครแพร่ทาวเวอร์ก็เต็มอีก เลยเข้าไปดู แม่ยมพาเลส ราคาพอรับได้ เกินงบไปหน่อยแต่ก็เป็นโรงแรมใหญ่ แถมมีฟุตบอลดูได้ด้วย เลยตกลงเอาที่นี่ ถามที่เคาเตอร์ ถึงร้านอาหารเย็น น้องชวนทานที่โรงแรม แต่พี่อยากออกไปข้างนอกน่ะ น้องแนะนำ 2 ร้านคือ ร้านบ้านฝ้ายและร้านแสนฝัน ไปทาง BigC ห้างแปลกปลอมในชนบท บ้านฝ้ายคนเยอะมาก คงจะอร่อย หรือไม่ก็ทัวร์ลง กลัวรออาหารนาน เลยขับต่อไปที่ร้านแสนฝัน คนไม่เยอะ ร้านสวยดี เป็นบ้านมีสวนมีน้ำพุ ปรากฏว่าอาหารรอนานมากกก….แต่ก็อร่อยใช้ได้เลย ราคาแบบภัตตาคารนะ รอนานไปหน่อย ขนาดคนไม่แน่นร้านนะ ถ้าเห็นคนแน่นร้านแล้วมาแบบหิวๆ แนะนำไปที่อื่นเลย…..กลับโรงแรมอาบน้ำ มานั่งดูบอล ไม่จบสลบไปก่อน……

7 ธันวาคม 2551
วันนี้ตื่นซะสายเลย นอนเต็มที่เพราะต้องขับกลับยาว เก้าโมงลงมาทานอาหารเช้าห้องอาหารโรงแรม ขอตำหนิหน่อย เติมอาหารช้ามาก แขกก็มีตลอดไม่ใช่น้อย กว่าจะเติมแต่ละอย่างรอแล้วรออีก ไม่มีกัปตันมาคอยเดินดูหรือไง ต้องให้แขกคอยเดินไปบอกเติมโน่นหน่อยนี่หน่อย

วันนี้เริ่มวันใหม่ที่แพร่ด้วยการไปนมัสการ พระธาตุช่อแฮ ขับออกไปจากเมืองประมาณ 10 กม. เสียดายที่ยังทำการบูรณะอยู่ เห็นแต่โครงนั่งร้าน แต่ได้ไปเดินเวียนเทียนแล้วก็ไปกราบพระในโบสถ์ซึ่งโอ่โถงใหญ่โต คนมาทำบุญกันเยอะมาก

ออกจากวัดพระธาตุช่อแฮ ขับต่อเข้าถ.เล็กข้างๆไป วัดพระธาตุจอมแจ้ง ถัดไปแค่ไม่กี่กิโล วัดเงียบๆ สงบดี มีปูนปั้นนรกภูมิให้ดูด้วย

กลับเข้าโรงแรมไปเช็คเอาท์ ถามหาร้านข้าวซอยอร่อยๆ ที่รร.แนะนำร้าน ข้าวซอยเจ้เล็ก ไม่ไกลจากโรงแรมนัก มีทั้งข้าวซอยเนื้อ ข้าวซอยไก่ ก๋วยเตี๋ยว แล้วก็ราดหน้า ขนมจีบซาละเปาก็มี ท่าทางเป็นร้านฮิต เห็นนักท่องเที่ยวเยอะ…กลับมาลองเซิร์จอ่านตามเวป เห็นชมกันนักหนาว่าอร่อย เราว่าก็ทานได้ ไม่ได้อร่อยมาก ถ้าคุณเคยทานข้าวซอยอร่อยๆที่ลำปางหรือเชียงใหม่แล้วจะรู้ แต่ร้านก็สะอาดสะอ้านดี ราดหน้าท่าทางน่ากิน เส้นใหญ่ทอดกรอบหน่อยหมูชิ้นใหญ่ เห็นคนสั่งกันเยอะ เลยสั่งบ้าง โชคไม่ดีเส้นใหญ่หมด น้องแนะนำบอกเส้นหมี่ก็ได้ เราก็เออได้ ปรากฏว่าน้องทอดเส้นหมี่กรอบมากกกก… กรอบไปหน่อย แต่ราดหน้าใช้ได้ หมูชิ้นโตดีด้วย

ออกจากร้านเจ้เล็กนิดเดียวก็เจอ วัดสระบ่อแก้ว เข้าไปนึกว่าทะลุมาแม่ฮ่องสอน เพราะวัดเป็นแบบพม่ามากๆ จากนั้นก็ไปต่อเรื่อยๆตามแผนที่ วัดหัวข่วง วัดพระนอน วัดหลวง แถมแวะ คุ้มวงศ์บุรีด้วย บ้านสวยดี คิดถึงบ้านเก่าคุณยายทวดเลย ทายาทรุ่นปัจจุบันดูอายุไม่เยอะ เดินๆดูช่างซ่อมแซมอยู่รอบๆ

เริ่มรู้สึกอิ่มวัดแล้ว เลยขับออกไปดู บ้านประทับใจ ซึ่งจะว่าประทับใจก็ไม่เชิง เหมือนไปบ้านคนธรรมดา เป็นบ้านทรงไทย มีขายของ แต่เสาบ้านใหญ่จริงๆ ขนาดคุ้มวงศ์บุรีเจ้าของบ้านอดีตทำสัมปะทานป่าไม้ เสาบ้านยังไม่ใหญ่และเยอะเท่านี้เลยแฮะ…

บ่ายแก่ออกมาแวะพักร้อนจิบกาแฟก่อนกลับที่ร้านศาลากาแฟสด ร้านนั่งสบายๆ แอร์เย็นๆหลบร้อน จริงๆเห็นอีกร้านที่ปั๊มบางจากใกล้ๆกัน ชื่อร้านป่าไม้แพร่กาแฟสด น่านั่งดี แต่ดันปิด

โรงบ่มยาที่ขับรถผ่านเจอ ต้องขอแวะลงไปถ่ายรูปหน่อย ชอบมาก ไม่รู้ว่ายังใช้งานอยู่หรือเปล่า

บ่ายสามโมงออกเดินทางกลับ ระหว่างทางแวะซื้อไม้กวาดอุตรดิตถ์สักกำ มี 10 อัน 140 บาท เหมาลุงแกมา ช่วงเด่นชัยมีร้านกาแฟสดเยอะ สงสัยแถวนี้มีไร่กาแฟเยอะ มาแวะพักดื่มกาแฟแถวนี้ก็ได้…

ขากลับเร็วกว่าขามา สงสัยเพราะส่วนมากทางลงเขา ทุ่มกว่าๆมาถึงนครสวรรค์แล้ว แวะร้าน จ่าหมูจุ่ม ร้านนี้แวะบ่อยเพราะอร่อยดี ช่วงเย็นวันอาทิตย์ถ้าเข้าตัวเมืองคนจะเยอะ รถติดทั้งคนกินข้าวคนซื้อของฝากเต็มไปหมด ให้ข้ามสะพานเดชาติวงศ์ มาแล้วผ่านอีกไฟแดง จะเห็นค่ายทหาร(ค่ายจิระประวัติ)อยู่ซ้ายมือ ถึงไฟแดงก็เลี้ยวซ้ายเลาะค่ายเข้าไปสัก 2 กิโล ร้านจ่าหมูจุ่มอยู่ขวามือ คนเยอะ เพราะราคาไม่แพง อร่อยดี ชุดหมูรวมมีปลากหมึก กุ้งตับด้วย + ผัก 60 บาท จ่ามีโปรโมชั่นนะ 5 ชุดแถม 1 ชุด ฮ่าๆๆๆ…อาหารอื่นก็พวกลาบ ส้มตำ ผัดผัก ต้มยำ อาหารทั่วไป ก็ใช้ได้ จบโปรแกรมตอนสองทุ่มกว่า วิ่งยาวๆเข้ากรุงเทพฯถึงบ้านเกือบห้าทุ่ม หมดแรงพอดี……….

ร้านจ่าหมูจุ่ม มีหลายสาขา แต่ที่ไปกินบ่อยคือสาขา 1

แนะนำที่พัก/ร้านอาหาร