ลาวใต้กันอีกครั้ง

Trip Dec. 2010 : Southern Laos    

พากันไปเที่ยวลาวใต้มาช่วงวันหยุดเดือนธันวาคม ไปคราวนี้ห่างจากครั้งแรก 6 ปี คราวก่อนไปหน้าน้ำ ฝนตกตลอด และน้ำตกทุกที่เหลืองเพราะน้ำหลาก คราวนี้ลองไปหน้าหนาว ซึ่งไปแล้วมันก็ไม่ยักหนาวอย่างที่คาด แต่น้ำพอสวยหน่อย เอา Mileage แลกตั๋วการบินไทยไปกลับอุบลไปนอนที่ทอแสงอุบล (ในเมือง) 1 คืน

เช้าก็จับสามล้อไปท่ารถบขส. เพราะหาข้อมูลมาได้ว่าเดี๋ยวนี้มีรถตู้คิววิ่งจากท่ารถไปช่องเม็กออกทุกชม. แต่ถ้าเป็นรถทัวร์ระหว่างประเทศวิ่งจากบขส.อุบล ไปถึงบขส.ปากเซเลย ก็มีเที่ยว 9.30 กว่าจะไปถึงปากเซก็เที่ยงกว่าโน่น ไอ้เรามันใจร้อน แถมอยากเที่ยวเยอะๆ เลยไปรถตู้เ็ร็วกว่า   รถตู้รอคนเต็มก็ออกได้เลยด้วยซ้ำไม่รอรอบ แปดโมงกว่าๆรถก็ออกแล้ว ใช้เวลาประมาณ 45 นาทีก็ถึงด่านช่องเม็กแล้ว เดินแบกเป้ฝ่าแดดร้อนๆข้ามด่านไปประทับตรา Passport เสียค่าธรรมเนียม 50 บาท คนเยอะพอควร แต่ที่น่ารำคาญคือพวกไกด์ที่ไม่มีมารยาทแซงคิวตลอดเกลียดจริงๆทั้งไกด์ไทยไกด์ลาวเลย ได้ด่ากันไปหลายคน เสร็จแล้วก็มาเดินวนหารถเช่า แต่ไม่เห็นสักคัน เลยสุ่มไปถามสาวลาวที่นั่งเป็นปชส.อยู่ข้างสวน น้องเลยแนะนำอ้ายลาวมา 1 คน พูดไทยชัดเจน ท่าทางเป็นหัวคิวของแถบนี้ พี่บอกได้เลย จัดให้รถนั่ง 2 คน เหมาไป 3 วันตกวันละ 1,500 บาท พอๆกับที่หาข้อมูลมา คนขับพูดไทยได้ชื่อ สัญจร เพราะพี่แกบอกนอนไหนก็ได้

ฮุนได 4W พาเราสองคนจากด่านวังเต่าฝั่งลาวปุเลงๆไปถึงปากเซในราวเที่ยงกว่าๆ เราตัดสินใจไม่แวะ บึ่งไปที่น้ำตกคอนพะเพ็งเลยดีกว่า หลับไปอีกตื่นประมาณชั่วโมงนึงก็ถึงแล้ว หาอาหารกินเที่ยงกินซะก่อนเพราะหิวหน้ามืด เทียบจากครั้งก่อนที่มา เดี๋ยวนี้มีร้านรวงเปิดขึ้นเยอะแยะ จัดที่ทางจอดรถเป็นระเบียบขึ้น คนไทยเดินเที่ยวกันหลายกลุ่ม ทัวร์เต็มไปหมด นอกจากนักท่องเที่ยวไทยก็มีเขมร เพราะสัญจรบอกว่ามันใกล้ชายแดนเขมรมากเลยแถวนี้ ข้ามมาง่ายมาก 

คอนพะเพ็ง วันนี้น้ำไม่เหลืองขุ่นเหมือนคราวก่อน ฝนก็ไม่ตก แดดแจ๋จนเหงื่อตก น้ำไม่มากสามารถไต่ลงไปปีนป่ายตามโขดหินริมน้ำไ้ด้ แล้วแต่อยากเสียวมากเสียวน้อยก็ปีนกันไปตามสะดวก จึงเห็นคนปีนป่ายตามแง่งหินเต็มไปหมดถ่ายภาพลำบากจัง เลยอาศัยถ่ายภาพเจาะน้ำตกด้านไกลเอา จากนั้นก็ขึ้นมายืนถ่ายรูปบนศาลาอีกจุดหนึ่ง เป็นจุดเดิมกับคราวก่อนที่มา ความกว้างของน้ำตกเต็มความกว้างแม่น้ำโขงสวยงามดี

อำลาคอนพะเพ็งยามบ่ายแก่ เพื่อไปหาที่พักแถวดอนเดด ดอนคอน นั่งรถไปไม่ถึงยี่สิบนาทีก็ถึง บ้านนากะสัง เป็นหมู่บ้านที่สามารถหาเรือข้ามไป ดอนเดด ได้ สัญจรจอดรถไว้ที่ลานฝากรถแล้วเหมือนจะบอกว่าไว้เจอกันพรุ่งนี้ พอเห็นเรายืนงงๆเลยถามเคยมามั๊ย เลยบอกว่าไม่เคย ฮ่าๆๆๆ สัญจรเลยบอก ไปๆๆพาไปส่ง เดินไปหาเรือข้ามฝาก มันคือเรือหางยาวลำใหญ่หน่อย มีราคาค่าข้ามเรือชัดเจนดี แต่คนน้อยก็บวกเพิ่มนิดหน่อยก็โอเค ข้ามเรือไปสิบกว่านาทีก็ถึง คราวนี้กระแสน้ำไม่น่ากลัวเหมือนคราวก่อน คราวก่อนช่วงน้ำหลากแม่น้ำโขงมันไหลเชี่ยวน่ากลัวจริงๆ

สัญจรพาเราเดินหาที่พักเข้าอันโน้นออกอันนี้ เกือบจะเข้าพักที่แรกอยู่แล้วห้องแอร์ 400 บาท ห้องกว้างขวางมุมมองใช้ได้ ปรากฏว่าเจ๊แกบอกว่าเข้าใจผิดนึกว่าที่โทรมาจองไว้ อ้าว…อดเลย อิสัญจรนี่เว้าลาวไม่รู้เรื่องหรือไงกัน ก็เลยย้ายไปเอาที่อื่น สัญจรพาไปที่ใกล้ๆท่าลงเรือ วิวพระอาทิตย์ตกสวยมากสงบดีเข้าห้องไปเตรียมจะอาบน้ำแระ อิสัญจรเอาแมงกะไซค์ใครขี่มาไม่รู้บอกว่าไปเหอะพี่มันไม่ใช่ 500 เค้าเอาพันนึง เออ…เราก็ว่า 500 ถูกไปมั๊ย ย้ายกลับไปที่พักใกล้ๆกับที่เดิม ฮ่วย! แบกเป๋าเดินไปเดินมาหัวถนนท้ายถนน ตกลงได้ห้องชั้น 2 ราคา 400 มีแอร์ด้วย วิวด้านหลังเป็นทุ่งนากำลังเก็บเกี่ยวดูสบายตาดี

พักผ่อนกันพอใจก็ลงไปเช่าจักรยานจากน้องสาวข้างล่างออกไปปั่นเล่นกัน วกเข้าทุ่งนั้นออกทุ่งนี้เรื่อยเปื่อยไปสนุกดี ขี่ไปจนถึงสัญญลักษณ์อย่างหนึ่งของดอนเดดคือ ซากโครงสร้างท่าเทียบเรือขนส่งของฝรั่งเศส แล้วก็ปั่นกลับเพราะจะมืดแล้ว กลับมานอนแกว่งเปลญวนเล่นรอท้องร้อง….คืนนี้ไปกินข้าวร้านพี่ที่พักแห่งแรก (ก็อยู่ตรงข้ามกันนั่นแหละ) ร้านพี่เขาดูน่าจะนั่งสบายติดริมน้ำด้วยแม้จะไม่เห็นอะไรเพราะมืดแล้วแต่ก็ได้ไอเย็นจนหนาว บรรยากาศเหมาะกับการจิบเบียร์ลาวมากๆ…… ก่อนเข้านอนขอแวะเช็คเมล์สักนิดเลยเข้าร้านเน็ตสักหน่อย เดี๋ยวนี้ดอนเดดมีน้ำมีไฟมีเน็ตพี้อม แต่ยังเงียบๆไม่มีบาร์เปิดเพลงครึกโครม ขอให้อย่าเปลี่ยนไปกว่านี้อีกเลย…

ตามแผนที่คิดไว้ วันนี้ต้องปั่นไปดูหลี่ผีแต่เช้าๆเลย ออกจากที่พักตั้งแต่ฟ้าเริ่มสว่าง ปั่นไปทางเดิมเมื่อวาน ถึงท่าเทียบเรือฝรั่งเศสอันเมื่อวานแล้วเลี้ยวขวา ตรงบริเวณเป็นคิวรถที่ไว้พานักท่องเที่ยวไปหลี่ผีรถยังจอดอยู่เต็ม ถ้าจะเดินจากที่พักมาขึ้นรถก็ไกลโขนะ แล้วยิ่งต้องมารอคนเต็มอีก ไม่รู้ได้เที่ยวกี่โมง นับว่าตัดสินใจถูกที่ปั่นจักรยานมา แต่อิปั่นจักรยานนี่จากเลี้ยวขวาไปแล้ว ทางเริ่มเลอะเทอะขรุขระสิ้นดีปั่นกันจนเจ็บตูดแหละ แต่มันดีที่แวะถ่ายภาพได้เรื่อยๆตามชอบ สาวลาวเริ่มลงนากันแต่เช้าเลย แต่งตัวกันสีสวยๆชอบจัง…

ปั่นกันเหงื่อแตกไปจนข้ามแม่น้ำโขงไป ดอนคอน จ่ายค่าเข้าเกาะไป 20,000 กีบ แวะถ่ายรูปหัวรถจักรโบราณแล้วปั่นต่อไปอีกพักนึงก็ถึงแล้วหลี่ผี เรามาถึงแต่แปดโมงเพิ่งมีคนไทยกลุ่มเดียวที่มาก่อนเรา เราไปถึงพวกเค้าก็กลับพอดี หลี่ผีจึงเป็นของเราสองคน….ฮิฮิ….. เดินหามุมถ่ายรูปจนทั่วยังหาไม่เจอว่ามันสวยตรงไหนเลยให้ตายเหอะ ก็ถ่ายไปเรื่อยๆจนมีสาวไทยสามคนมา เราจึงส่งต่อมุมถ่ายภาพให้น้องเค้าไป

ขากลับแดดเริ่มร้อนขึ้นปั่นกันได้เหงื่อทีเดียว ถึงที่พักอาบน้ำกินข้าวแล้วก็แบกของกลับไปท่าเรือเดิม แต่สิบโมงอย่างนี้ทำไมมันเงียบสงบหว่า….เมียงมองหาคนถามเจอสาวลาวตอบแบบงงๆ จนเจอหนุ่มมาช่วยสื่อสารให้ว่าพี่เหมาเลยมั๊ยคิด 40,000 กีบ เราก็โอเคนะขามาประมาณนี้เหมือนกันนั่ง 4 คน ครวนี้เหมาแล้วออกเลยไม่ต้องรอใคร…ขอบคุณพ่อหนุ่มที่ช่วยถามให้ คุยกันไปๆมาๆปรากฏว่าหนุ่มเป็นคนไทยแฮะพ่อกับแม่ย้ายมาเปิด guesthouse ที่เมืองนอกฮีเลยตามมาช่วย 555…โชคดี

กลับไปถึงนากะสังราวสิบโมงกว่าๆ สัญจรนั่งยิ้มเผล่รอที่ลานจอดรถเดิม ออกเดินทางกันต่อ วันนี้จะไปจำปาสัก ไปดูปราสาทวัดพู นั่งรถย้อนกลับมาทางกลับปากเซราว 2 ชม. ก็มาถึงบ้านม่วงท่าเรือข้ามฟาก แวะกินข้าวเที่ยงที่แพปลาริมน้ำ เลือกปลาจากกระชัง 1 ตัวแล้วอยากทำกี่อย่างก็สั่งเอา ทอด ต้ม ลาบ ต้มยำ กินกับข้าวเหนียว อิ่มได้ที่ก็เอารถลงแพข้ามฟาก ค่าข้ามคันละ 120 บาท ข้ามไปฝั่งเมืองจำปาสักเก่า เมืองยังเงียบสงบเหมือนเมื่อคราวก่อนที่มาไม่เปลี่ยนแปลง

วังเจ้าราชดนัย
วังเจ้าบุญอ้อม

เข้าไปถึง ปราสาทหินวัดพู มีระบบการจัดการดีขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย เดินเข้าไปด้านในเห็นว่าปราสาทส่วนล่างทั้งซ้ายขวากำลังได้รับการบูรณะ เป็นการสนับสนุนจากอินเดีย….

เราเดินขึ้นปราสาทด้านบนพร้อมๆชาวลาวและนักท่องเที่ยวไทยประปราย อากาศร้อนอบอ้าวแม้จะเป็นหน้าหนาว ได้เหงื่อกันทีเดียวกว่าจะถึงด้านบน ขึ้นมาแล้วไม่รู้สึกตื่นเต้นเหมือนครั้งแรก เดินวน 1 รอบ แล้วเลยไปเก็บรายละเอียดจุดรอบๆ พวกภาพสลักตรีมูรติ หรือศิวลิงค์แทน กลับมานั่งมองวิวมุมกว้างของบารายด้านล่าง อากาศเริ่มเย็นลง ยังต้องนั่งรถอีกพักใหญ่กว่าจะถึงปากเซ คงต้องรีบลงแล้วล่ะ

จากจำปาสักกว่าจะข้ามแพแล้วตีรถกลับเข้าปากเซไปถึงก็มืดค่ำ ต้องไปหาที่พักอีก สัญจรเชิญชวนไปนอน รร.ราคาถูก 500 บาท ไปดูสภาพแล้วน่าจะสัก 300 แต่ก็เหนื่อยมากจนตกลงใจพัก เอาของเข้าห้องแล้วให้สัญจรขับรถพาไปกินข้าวหน่อยขี้เกียจเดิน สัญจรก็พาวนไปแต่ร้านรถทัวร์ตรึม ตูละเบื่อ ตัดสินใจเลือกร้านริมน้ำไป 1 ร้านไม่มีรถทัวร์จอด อาหารพอใช้ได้แต่แพงไปหน่อย กินยังไม่ทันอิ่ม ทัวร์ก็มาลง 3-4 คันรถ โคตรเซ็ง เพราะจากนั้นเด็กเสิร์ฟไม่สนใจเลย สั่งข้าว 1 จานยังไม่ได้เลย ขอบอกว่าอย่ากินร้านริมน้ำเด็ดขาด ถ้าริมน้ำต้องกินร้านเพิงเท่านั้น เป็นมื้อที่เซ็งมาก แพงด้วย จำไว้ไอ้สัญจร…

เช้าสุดท้ายนี้ต้องไปเยี่ยมชม ตลาดดาวเฮือง หน่อย จากที่พักพอเดินไปได้ไม่ไกล ตื่นแต่เช้าๆเดินเล่นไปที่ตลาด เดี๋ยวนี้ตลาดปรับปรุงใหม่กว้างขวางใหญ่โต แบ่งส่วนตลาดสด ตลาดเสื้อผ้า และส่วนขายอาหารไว้ชัดเจน หาอาหารเช้า กาแฟ นั่งกิน อิ่มหนำสำราญ ก็เดินกลับที่พักเก็บข้าวของออกเที่ยวต่อ วันนี้เป็นเส้นทางสายน้ำตก…

จากปากเซวิ่งไปไม่นานมาก แวะจุดแรกคือ น้ำตกตาดฟาน ระหว่างทางเป็นไร่กาแฟทั้งนั้น อากาศเย็นๆดีเพราะอยู่บนที่ราบสูงบอละเวน เข้าไปในเขตตาดฟานรีสอร์ท งวดนี้ไม่มีคนเลย เดินกันอยู่ 2 คน มาคราวนี้พอมองเห็นสายน้ำตกหน่อย มาครั้งก่อนหน้าน้ำ ละอองน้ำฟุ้งจนมองอะไรไม่เห็น มองดูมีเทรลให้เดินลงไปด้านล่างไปถึงแอ่งน้ำด้านล่างได้เลย คิดถึงตอนขึ้นแล้วขอยืนดูวิวข้างบนท่าจะสบายกว่า

ออกจากตาดฟานวิ่งต่อไปที่ น้ำตกตาดเยือง คราวก่อนมารถเข้่าไม่ได้เพราะทางเละต้องเดินจากปากซอยเข้ามา มางวดนี้หน้าแล้งก็ดีหน่อยรถถึงเลย แต่นักท่องเที่ยวเยอะมาก มีร้านขายของขายอาหารเปิดเต็มไปหมดคราวก่อนไม่มีอะไรเลย เดินไต่บันไดลงไปจนถึงแอ่งน้ำด้านล่าง ขนาดหน้าแล้งละอองน้ำยังฟุ้งเต็มไปหมดคราวก่อนมาหน้าฝนลงไปได้ไม่สุดหรอกเพราะทั้งลื่นทั้งเปียก คราวนี้ลงไปได้จนสุด มองดูผาน้ำตกก็สวยงามดี กลับขึ้นมาเดินเล่นสวนด้านบนเหนือน้ำตกก็จัดไว้สวยใช้ได้

จากตาดเยืองไปต่อที่สุดท้าย ตาดฝาส่วม หรือฝาส้วม ที่ไม่เหม็นเพราะส้วมภาษาลาวแปลว่าห้อง ที่ชื่อนี้เพราะน้ำตกเป็นผาโค้งเหมือนห้อง น้ำตกนี้คราวก่อนไม่ได้มาเพราะฝนตกหนักเกิน คราวนี้เลยอยากมา ไปถึงที่ตาดฝาส้วมก่อนเที่ยงนิดหน่อยเราเลยเลือกเข้าไปเดินเที่ยวในอุทยานบาเจียงก่อน เป็นอุทยานที่รวบรวมชนเผ่าต่างๆมาอยู่รวมกัน แล้วเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม ดูๆไปก็สงสารเพราะกลายเป็นเหมือนสวนสัตว์ให้คนเข้าไปเดินดู แต่พวกเค้าก็แลกด้วยเงินค่าเข้าและเงินทิปเล็กๆน้อยๆ บางบ้านก็ทำของพื้นบ้านมาวางขาย เดินวนทั่วอุทยานบาเจียงแล้วก็เดินมากินข้าวที่ข้างน้ำตกตาดฝาส้วม ร้านอาหารที่นี่มีนักท่องเที่ยวเต็มไปหมดแต่อาหารกลับไม่ช้าอร่อยด้วยวิวสวยด้วย ประทับใจมากๆ นั่งดูน้ำตกจนเต็มอิ่ม ก่อนกลับก็ไปชักภาพสะพานไม้พื้นขัดแตะซะหน่อย เพราะกลายเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของที่นี่ก็ว่าได้นะ

ได้เวลากลับช่องเม็กแล้ว จากตาดฝาส้วมก็กลับเข้าปากเซ วนรถเล่นๆรอบเมือง 1 รอบ แล้วก็ข้ามสะพานมิตรภาพลาว-ญี่ปุ่นมาขอจอดปลายสะพานถ่ายรูปฝั่งปากเซเป็นที่ระลึกสักหน่อย เพราะตอนนี้ริมแม่น้ำกำลังสร้างกาสิโนใหญ่ยักษ์ ข่าวว่าของเจ๊ดาวเฮืองเจ้าเก่าร่วมทุนกับคนลาวคนเวียดนามและอื่นๆหนึ่งในนั้นก็มีคนไทยด้วยแต่ไม่รู้ว่าใคร…

กลับมาถึงข่องเม็กจ่ายเงินค่ารถแล้วร่ำลาสัญจร เช็คพาสปอร์ตแล้วเดินข้ามแดนไปดูรถตู้ ได้เวลาดีอีกไม่ถึงครึ่งชม.ก็ออกแล้ว ถึงเวลาทั้งคันรถมีเราแค่ 2 คนแต่รถก็ออกตามเวลา แวะรับคนที่เดชอุดมอีกแค่ 2 คน ถึงท่ารถอุบลฯตามแผน ต่อรถแท็กซี่ราคามหาโหดไปสถานี่รถไฟ นั่งรถกลับบ้าน…จบทริปที่ไม่ได้วางแผนได้อย่างดีเกินคาด…

ค่าใช้จ่าย (ปี 2010)

-: ค่ารถตู้อุบล – ช่องเม็ก คนละ 100 บาท
-: ค่าเช่าเหมารถวันละ ~ 1,500 บาท ไม่รวมค่าน้ำมัน (ซึ่งไม่น่าเกิน 1,600 – 1,700 ในทริป 3 วัน ปากเซ-จำปาสัก)
-: ค่าผ่านแดนขาเข้าและขาออกครั้งละ 50 บาท ถ้าเป็นวันหยุดแพงกว่านี้มีค่า OT
-: น้ำตกคอนพะเพ็ง @20,000 กีบ
-: ค่าเรือ นากะสัง – ดอนเดด เหมา 40,000กีบ
-: น้ำตกหลี่ผี @20,000 กีบ
-: วัดพู @30,00 กีบ
-: ค่าแพข้ามฟาก (รถ) ครั้งละ 120 บาท
-: น้ำตกตาดฟาน @5,000 กีบ
-: ตาดเยือง @5,000 กีบ
-: ตาดฝาส้วม @5,000 กีบ
-: ค่าที่พักแล้วแต่จะเลือกเราพักที่ประมาณ 400-500 บาท
-: ค่าอาหาร ~ กินหรูมื้อละ 400-500 บาท ~ กินถูกก็ 100 บาท (ราคา 2 คน) > อาหาราคาพอๆกับไทย

2 thoughts on “ลาวใต้กันอีกครั้ง

Add yours

    1. น่าสนใจดีนะคะ ^^ แต่ไม่ว่างเลยช่วงนี้
      ถ้าไปกลับมาแล้วเอารูปมาอวดบ้างนะคะ ^^

      Like

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Twitter picture

You are commenting using your Twitter account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s

Website Built with WordPress.com.

Up ↑

%d bloggers like this: