ALBANIA Trip : September 2023
เมื่อบอกใครๆว่าจะไปเที่ยวแอลเบเนีย (Albania) คำถามที่เจอคือ มันอยู่ตรงไหนของโลก? ทำไมเลือกไปประเทศแปลกๆ? ไม่อันตรายเหรอ? ก็จะเป็นคำถามทำนองนี้ คำตอบชัดๆเลยก็คือ แอลเบเนียอยู่ทวีปยุโรปและคนไทยไม่ต้องขอวีซ่า!! แค่นี้เลยจริงๆ แต่ความเร่งด่วนที่ไปช่วงหน้าร้อนนี้เลยทั้งๆที่เพิ่งไปเที่ยวรัสเซียมาเมื่อสงกรานต์ปั้มเงินยังไม่ค่อยทันแต่ตัดสินใจรีบไปเพราะ… แอลเบเนียยกเว้นวีซ่าให้คนถือพาสปอร์ตไทยถึงสิ้นปี 2023 นี้ (แต่อาจจะมีต่อไปอีกก็ไม่รู้นะ แต่ประกาศตอนนี้แค่ถึงสิ้นปี) การได้ไปเที่ยวยุโรปโดยไม่ต้องทำวีซ่าคือสิ่งที่ต้องรีบคว้าไว้ (ส่วนตัว เบื่อการขอวีซ่ามา เสียเวลา เสียเงิน วุ่นวายเตรียมเอกสาร)

แอลเบเนีย | Albania อยู่ในเขตทวีปยุโรป ทิศใต้ติดประเทศกรีซ (Greece) ทิศเหนือติดประเทศโคโซโว (Kosowo) และมอนเตเนโกร (Montenegro) ทิศตะวันออกติดประเทศมาซิโนเนียเหนือ (North Masidonia) ส่วนทิศตะวันตกติดทะเลแอนเดรียติค (Adriatic Sea) ฝั่งตรงข้ามทะเลคือประเทศอิตาลี (Italy) ก็ถือว่าอยู่ในพิกัดไม่เลวนะ ใครนึกไม่ออกดูจากรูป

มีคนค่อนขอดว่า แอลเบเนีย คือยุโรปบ้านนอก พอได้ไปเที่ยวมาแล้วก็ยอมรับฉายานั้นได้อยู่ แอลเบเนีย ไม่ใช่ประเทศหรูหรา ไม่มีวังหรูๆ อาคารเก่าแก่ก็ไม่ได้ประดับตกแต่งหรูหรา โบสถ์วิหารมีความเรียบง่าย แต่ในความเรียบง่ายมันก็มีเสน่ห์ของมัน ธรรมชาติสวยงามตามมาตรฐานยุโรป มีเทือกเขาสูงเป็นแนวยาว ทิวทัศน์อาจไม่อลังการให้ได้ตะลึงอ้าปากค้างแบบสวิสเซอร์แลนด์ แต่ก็สวยงาม สงบ มีชีวิตชีวา
แอลเบเนียเป็นประเทศเล็กๆในคาบสมุทรบอลข่าน เคยเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิออตโตมัน เคยอยู่ใต้การปกครองของอิตาลี จนช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แอลเบเนียมีผู้นำอันโด่งดังคือ แอนแวร์ ฮอจา (Enver Hoxha) ปกครองประเทศด้วยระบอบสังคมนิยม มีนโยบายปิดประเทศ เน้นการพึ่งพาตนเอง และฮอจาได้สั่งให้สร้างหลุมหลบภัย (Bunker) ทั่วประเทศกว่า 100,000 บังเกอร์ เพราะหวาดระแวงจะถูกประเทศมหาอำนาจต่างๆรุกราน (Bunker กลายเป็นจุดท่องเที่ยวไปแล้วตอนนี้) หมดงบประมาณไปมากมาย จนพูดกันว่าไม่เหลือเงินไปพัฒนาประเทศ ในยุคหลังที่เปลี่ยนระบอบการปกครองเป็นเสรีนิยมแล้ว แอลเบเนียยังเกิดวิกฤติระบบเศรษฐกิจล้มในปี 1997 ไปอีก ปัจจุบันแอลเบเนียจึงยังคงเป็นประเทศที่ยากจนที่สุดในยุโรป
ขนาดพื้นที่ประเทศแอลเบเนียมีแค่ 28,748 ตร.กม. เล็กกว่าภาคตะวันออกของไทยเสียอีก จากเหนือสุดมาใต้สุดแค่ 500 กม. ขับรถ 1 วันเต็มๆก็ถึงแล้ว แต่เราวางแผนเที่ยวไว้ 9 วัน ตั้งต้นที่เมืองหลวง ติรานา (Tirana) แล้วเช่ารถขับไปเที่ยวเมืองครูจา (Kruja) ขึ้นเหนือต่อไป ชโกด้า (Shkoder), เธท (Theth) แล้ววนกลับลงมาขับรถเลียบทะเลตามเส้นทาง Albania Riviera จาก ดูเรส (Durres), วโลรา (Vlore), ซารานด้า (Sarande) แล้วขับต่อไปทางทิศตะวันออกที่เมืองน่ารัก จิโรคาสเตอร์ (Gjirokaster) กับ เบรัต (Berat) แล้ววนกลับขึ้นไปติรานานั่งเครื่องกลับบ้าน เที่ยวเป็นวงรอบแบบนี้ในเวลา 9 วัน 9 คืน ย้ายที่นอนไปเรื่อยๆ ไปแบบไม่รีบร้อน มีเวลาเที่ยวชมเมือง ชมปราสาท ป้อมปราการ เดินเล่น นั่งเล่น และจิบกาแฟ จิบเบียร์ จิบไวน์

แบ่งโพสต์เป็น 4 ตอนก็แล้วกัน
- Hello Albania ตอนเที่ยวเมืองหลวง Tirana กับ เมืองโบราณ Kruja
- Hello Albania ตอน 2 ขึ้นเหนือไปเที่ยวเขา (Shkoder, Theth, Lezhe)
- Hello Albania ตอน 3 Albania Riviera (Durres, Vlore, Sarande)
- Hello Albania ตอน 4 เทียว 2 เมืองมรดกโลก (Gjirokaster, Berat)

รู้ไว้ก่อนไปแอลเบเนีย
- อัลเบเนียเป็นประเทศในยุโรปที่ต้องมีวีซ่าในการเดินทางเข้าประเทศ แต่มีการยกเว้นวีซ่าให้คนถือพาสปอร์ตไทยเข้าประเทศได้ถึงสิ้นปี คศ. 2023 (ตรวจสอบรายละเอียดที่ e-visa.al)
- แอลเบเนียมีสกุลเงินของตัวเองคือ Albania Lek (ALL) แต่ก็ใช้เงินยูโรได้ โดยจะคิดง่ายๆว่า 100 Lek = 1EURO บางทีเราเอาเงินยูโรจ่ายไปอาจได้ทอนเป็นเงิน Lek มาได้
- อัตราแลกเปลี่ยนช่วง 20 Sep 2023 > 1 EURO = 98.04 Lek / 1 EURO = 38 THB
- ในแอลเบเนียนิยมใช้เงินสดมากกว่าบัตรเครดิต นอกจากร้านใหญ่ๆ หรือโรงแรมใหญ่ๆก็จะมีรับบัตรเครดิตบ้าง แต่ส่วนมากรับเฉพาะเงินสด โดยเฉพาะที่พักและร้านอาหาร
- การเช่ารถมีระบบการเช่าเป็นปกติ มีบริษัทรถเช่าดังๆหลายเจ้า เช่น Avis, Euro car, Enterprise แต่รถเช่าของท้องถิ่นก็เยอะ ค่าเช่ารถพอๆกับในประเทศไทย (ราวๆ 1,800 – 2,000 บาท ต่อวันขึ้นไป) แต่ค่าน้ำมันแพงมาก
- ราคาน้ำมันไร้สาร 98 (20 Sep 2023) 198-200 Lek / Lt. (ราวๆ 75-80 บาทต่อลิตร)
- ตามเมืองใหญ่ๆจะมีรถเมล์ ซึ่งราคาถูกมาก เราขึ้นรถเมล์ในเมืองติรานา ราคา 40 LEKE เท่านั้น แท้กซี่ก็มีเยอะ มีมิเตอร์ หรือเรียก App ก็ได้มีหลายแอพ เช่น Speed Taxi
- สามารถซื้อ Mobile Data Package จากเมืองไทยมาใช้ได้เลย หรือจะมาซื้อซิมการ์ดที่สนามบินใช้ก็ได้ ออกจากประตูขาเข้ามาก็จะเจอร้านมือถือ 2 ค่ายใหญ่ One และ Vodafone เราเลือกซื้อ Tourist package ของ Vodafone 40GB 2,300 Lek. ใช้ได้ 21 วัน แต่ที่พัก ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยวใหญ่ๆ ก็จะมี Free wifi ให้ใช้
- อาหารแอลเบเนียมีทั้งราคาถูกมากๆ เช่นพิซซ่าที่ขายเป็นชิ้นตามข้างทางราคาชิ้นละ 100-200 Lek ถ้าอาหารตามร้านก็จะเป็นอาหารอิตาเลี่ยน ราคาจานละ 3-400 Lek ร้านประเภทเบอร์เกอร์ ฮ็อทด็อก และเคบับก็มีเยอะ ราคาประมาณ 100-200 Lek เหมือนกัน ร้านอาหารดีสุดที่เราทานจานละ 500 Lek
- น้ำประปาดื่มไม่ได้ ต้องซื้อน้ำขวดมาดื่ม ราคาน้ำขวดใหญ่ตามร้านขายของชำราคา 60 Lek แต่ถ้าไปซื้อร้านตามที่ท่องเที่ยวก็จะประมาณ 100 Lek เจอแพงสุดที่ Kruja ป้าขายขวดละ 150 Lek
- คนแอลเบเนียดื่มกาแฟทั้งวันทั้งคืน ร้านกาแฟเยอะกว่าร้านอาหาร จะเห็นคนแอลเบเนียนั่งจิบกาแฟกันตั้งแต่เช้าจนดึกดื่น นิยมจิบกาแฟช็อตแก้วน้อยๆ แต่นั่งคุยกัน นั่งอาหารหนังสือ ดูไม่เร่งรีบ ร้านกาแฟในแอลเบเนียเป็นร้านกาแฟจริงๆ บางร้านไม่มีของกินอื่นเลยด้วยซ้ำ แต่ส่วนมากจะมีพวกแซนวิส ขนมปัง แต่มีน้อย และเมนูกาแฟไม่แฟนซี เป็นร้านกาแฟสำหรับคอกาแฟจริงๆ
- ที่พักมีตั้งแต่แบบห้องพักรวมแบบ Dorm หรือ Guesthouse ราคาถูก มี Hostel มี Hotel 2 ดาว ไปยัน 5 ดาว เลือกจองได้ตามงบ ส่วนมากแล้วจะสื่อสารภาษาอังกฤษได้ และหลายๆที่รับแต่เงินสด ถ้าไม่ใช่โรงแรมระดับ 4-5 ดาว กรุณาเตรียมใจเดินขึ้นบันได การเที่ยวยุโรปต้องทำใจกับการขนกระเป๋าขึ้นบันไดที่พัก

ธงชาติแอลเบเนีย เป็นธงพื้นสีแดง มีรูปนกอินทรีสองหัวที่กำลังสยายปีกอยู่ตรงกลาง
Qeleshe เป็นหมวกรูปทรงกลมตามกระโหลกศีรษะ บางคนจึงเรียกว่า Skull hat เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องแต่งกายแบบดั้งเดิมของชาวอัลบาเนียโบราณ หรือชาว อิลลีเรียน Illyrians


สิ่งก่อสร้างหน้าตาเหมือนเห็ดนี้คือหลุมหลบภัยหรือ Bunker ที่ยังคงมีให้เห็นอยู่ทั่วประเทศแอลเบเนีย มันคือการป้องกันตัวเองของประเทศเล็กๆอย่างแอลเบเนียที่มีความหวาดกลัวการรุกรานจากประเทศมหาอำนาจ โดยผู้นำของแอลเบเนียในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 นายพล Enver Hoxha ให้สร้างขึ้นเป็นแสนบังเกอร์ ปัจจุบันก็โดนปรับเปลี่ยนมาเป็นที่ท่องเที่ยวบ้าง ร้านอาหาร ร้านขายของ หรือคาเฟ่
แอลเบเนียได้รับการกล่าวขานว่าเป็นประเทศที่คนดื่มกาแฟมากที่สุดในโลก ไม่ใช่แค่มากที่จำนวนคนเท่านั้นแต่น่าจะหมายถึงปริมาณการดื่มในแต่ละวันด้วย จะเห็นร้านกาแฟทั่วไปหมด มีมากกว่าร้านอาหารด้วยซ้ำ เปิดตั้งแต่เช้าจนดึกดื่น และมีคนนั่งจิบกาแฟตั้งแต่เช้ายันดึกดื่นด้วย


น้ำมันในแอลเบเนียราคาค่อนข้างแพง จึงเห็นคนนิยมเดิน หรือปั่นจักรยาน และใช้สกู๊ตเตอร์ กันค่อนข้างมาก โดยเฉพาะชโคดา (Shkoder) คือเมืองแห่งจักรยานในแอลเบเนีย


ร้านอาหารในแอลเบเนียจะมีรูป มีคำอธิบายภาษาอังกฤษให้ พร้อมบอกราคาชัดเจน อาหารที่หากินง่ายๆทั่วไปคือ พิซซ่า และอาหารอิตาเลี่ยนต่างๆ ส่วน Traditional food ก็จะมีร้านอยู่ตามสถานที่ท่องเที่ยว เขียนป้ายชัดเจน อันที่กินง่ายคือ Meat ball (ซ้าย) คล้ายๆหมูคลุกสมุนไพรปั้นเป็นก้อนทอด เอามากินกับข้าวได้ ถูกปากคนไทยอยู่ กับอีกเมนูที่ลองสั่งมาชิม Tasqebap (ขวา) ที่มีคำอธิบายว่า Calf meat, Onion, Garlic, Seasoning, Tomato sauce ก็คิดว่าน่าจะกินได้ ซึ่งก็อร่อยเลย คล้ายๆสตูว์

ร้าน Bakery และ Pastry ก็มีเยอะมาก ราคาถูกด้วย โดยเฉพาะขนมปังก้อนใหญ่ราคาถูกมากๆ ซื้อแล้วให้ร้าน Slide เป็นแผ่นให้ เอามาทาแยมกินตอนเช้าได้ทุกวัน

ราคาน้ำมันแพงกว่าบ้านเราเท่าตัวโดยประมาณ เบนซีน 95/98 ประมาณลิตรละ 198-200 Lek (ราวๆ 70 บาท)
ปั้มป์น้ำมันในแอลเบเนียไม่ได้มีแค่ 2-3 แบรนด์แบบบ้านเรา แต่มีชื่อหลากหลายยี่ห้อมากๆ เห็นที่เป็นแบรนด์ใหญ่เจอหลายที่แค่ 2-3 แบรนด์ อย่าง Kastrati นี่ใหญ่สุดหรูหราสุดน่าจะเทียบได้กับ PTT บ้านเรา อื่นๆก็ ALPET หรือ BOLV หรือ Gega Oil ก็เจอเยอะหน่อย นอกนั้น เจอแบบปั้มเดียว เดาว่าใครๆก็ไปซื้อน้ำมันมาตั้งปั้มเองได้ง่ายๆ อย่างเช่น นายสมชายอาจมีปั้ม สามชายเพโทรล หรือ ปั้มน้ำมันนายต้น หรือ สมหญิงเซอร์วิส หรือจะตั้งชื่อ โพไซดอนออยล์ ก็น่าจะได้ หลังจากวันแรกเห็นปั้มหลากยี่ห้อ เลยกลายเป็นสนุกคอยถ่ายรูปดูว่ามันจะมีสักกี่ยี่ห้อ ปรากฏว่า…
Leave a comment