Hello Albania ตอน 1 เที่ยวเมืองหลวง Tirana กับ เมืองโบราณ Kruja

ALBANIA Trip : September 2023

จากประเทศไทยไม่มีสายการบินที่บินตรงไปติราน่า (Tirana) เมืองหลวงของแอลเบเนีย เราเลือกบินกับ Emirate Airline ไปต่อเครื่องที่ Dubai โดยช่วงแรกบิน 5 ชม. ( BKK-DBX 02:50 – 06:00) แล้วต่อเครื่องโดยสายการบินพันธมิตร Fly Dubai อีก 5 ชม. (DBX-TIA 09:05 – 12:50) รวมใช้เวลาบิน 10 ชม. ไม่รวมช่วงต่อเครื่อง ยังมีสายการบินอื่นให้เลือกอีก เช่น Turkish Airline, Qatar Airline

Tirana International Airport ขนาดเล็กกระทัดรัดเหมือนขนาดประเทศ เล็กชนิดว่าไม่มีงวงต่อเครื่อง เครื่องที่มาลงสนามบินนี้จึงเป็นเครื่องเล็ก ลงเครื่องแล้วก็เดินหรือนั่งบัสไปที่อาคาร ตม.ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก แค่สงสัยว่าทำไมเราไม่มีวิซ่า ก็บอกไปว่าก็พาสปอร์ตไทยได้ยกเว้นวีซ่าไง ตม.ก็ถามกันไปมา กดหาข้อมูลกันแบบงงๆ แล้วก็ เออๆออๆ ให้ผ่านไปได้

รับกระเป๋าแล้วก็แลกเงินกันก่อน ต้องแลกเยอะหน่อย เพราะเท่าที่หาข้อมูลมา แอลเบเนียยังเป็นประเทศเงินสด ไม่ค่อยรับบัตรเครดิต (อัตราแลกเปลี่ยนช่วง 20 Sep 2023 > 1 EURO = 98.04 LEK / 1 EURO = 38.2 THB) จากนั้นก็ออกไปซื้อซิมโทรศัพท์ มี 2 ค่ายที่เห็นร้านในสนามบินคือ One / Vodafone เราเลือกซื้อ Tourist package ของ Vodafone 40GB 2,300 Lek. ใช้ได้ 21 วัน แต่ก็มีซื้อ Package Data Roaming มาจากเมืองไทยแล้วด้วย 1 เครื่อง มาซื้อซิมโลคอลอีกอันเผื่อว่าสัญญานมีปัญหา (สรุปว่าใช้ 10 วัน ไม่มีปัญหาเลยทั้งแบบ Data Roaming และ Local Sim card มีสัญญานทั่วประเทศ)

จัดการทุกอย่างเสร็จก็หารถเข้าเมือง ถ้าเป็น Backpacker สามารถเดินออกไปขึ้นรถเมล์เข้าเมืองได้ แต่เรามีกระเป๋าลาก 24 นิ้ว 2 ใบ ก็เลยเลือกนั่ง Taxi สะดวกดี จะมีคิว Taxi อยู่ด้านหน้าสนามบินเห็นชัดเจน ราคามาตรฐาน 2500 Lek แต่ถ้าเรียกรถผ่านแอพจะราคาแค่ 1500 Lek หรือ 12 Euro

นั่งรถประมาณ 45 นาทีเข้ามาที่กลางเมืองติรานา | Tirana (Tiranë) เมืองหลวงของประเทศแอลเบเนีย รถติดนิดหน่อยในช่วงบ่ายต้นๆ เข้าไป Chk-in ที่ห้องพักก่อน ที่พัก 2 คืนในติราน่าคือ Tirana City Centre Folk Villa จองผ่าน Booking.com เลือกทำเลไม่ไกลจาก Skanderbeg Square เป็น Hostel ขนาดไม่ใหญ่นัก พนักงานวัยรุ่นพูดภาษาอังกฤษดีมาก จัดห้องให้เราที่ชั้น 2 เปิดประเดิมที่พักแรกก็ต้องแบกกระเป๋าขึ้นบันไดเลย ห้องพักกว้างขวาง สะอาดใช้ได้ แต่ไม่มีอุปกรณ์อาบน้ำมีแต่ผ้าเช็ดตัวที่แข็งเหมือนไม่เคยผ่านน้ำยาปรับผ้านุ่มมาเลย และไม่มีผ้าเช็ดเท้า มีตู้เย็นแต่ไม่มีน้ำดื่มให้สักขวด อยู่ในซอยแคบๆและตัน ไม่เหมาะกับคนเช่ารถขับ แต่ทำเลดีติดถนนช้อปปิ้ง ร้านอาหารก็เยอะ ร้านกาแฟก็แยะ ให้เรตติ้งไป 8

Tirana City Centre Folk Villa ห่องพักคืนละ 30 €

Route นี้ เดินน้อย เอ้อระเหยเยอะ เหมาะกับวันที่มีเวลาเหลือ 2-3 ชม. เดินเป็นวงรอบประมาณ 3 กม.

วันแรกมีเวลาช่วงบ่ายแก่ๆ แต่มาเที่ยวหน้าร้อนฟ้ามืดช้า กว่าจะมืดก็ราวๆ 1 ทุ่ม ก็พอมีเวลาให้เดินเล่น เลือกเดินบริเวณใกล้ๆที่พักจาก ถนน Rruga Myslym Shyri ไปหาข้าวกิน แล้วเดินผ่านสวนสาธารณะ Parku Rinia Youth Park ไปดูศิลปร่วมสมัย Reja – The Cloud แล้วเดินต่อไปตามถนน Shëtitorja Murat Toptani ทางไป Tirana Castle ที่ตลอดถนนเต็มไปด้วยร้านกาแฟ ร้านอาหาร บรรยากาศดีมาก เสียดายว่าใบไม้ยังไม่เปลี่ยนสี ถ้ามาช่วงเข้าหน้าหนาวคงสวยมากๆเพราะเป็นต้นเมเปิ้ลทั้งถนน

Rruga Myslym Shyri ถนนสายช้อปปิ้งและกินดื่ม มีร้านค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ตลอดถนน

สวนสาธารณะ Parku Rinia Youth Park มีแบ่งส่วนสวนสนุกหมา (Tirana Dog Park) ที่มีเครื่องเล่นให้เจ้าของพาลูกๆมาเล่นได้

ตึกเก่าสีเหลืองแดงฝั่งตรงข้ามสวนสาธารณะ Youth Park เป็นอาคารกระทรวงการคลังแอลเบเนีย

Reja – Inside the cloud สถาปัตยกรรมร่วมสมัย ออกแบบโดยสถาปนิกชาวญี่ปุ่น Sou Fujimoto โดยออกแบบด้วยโครงสร้างสีขาวโปร่งใสเหมือนเมฆ (เหมือนตรงไหน) เป็นโครงการที่ 2 ของ Fujimoto ต่อจากลอนดอน

เดินไปตามถนน Shëtitorja Murat Toptani ทางไป Tirana Castle เป็นถนนคนเดินที่น่าจะสวยมากๆยามใบไม้เปลี่ยนสี นักท่องเที่ยวเดินกันขวักไขว่ ยิ่งเย็นคนยิ่งเยอะ

บรรยากาศดีอย่างนี้ เลยแวะนั่งจิบกาแฟ เถลไถลไปจิบเบียร์ต่อ มองนักท่องเที่ยวเดินกันไปมา จากนั้นเดินต่อไปจนสุดทางเจอ Tirana Castle ที่ตอนนี้เป็นย่านช้อปปิ้งในกำแพงเมืองไปแล้ว ไม่ได้เป็นคนชอบช้อปปิ้ง ก็เลยเดินผ่านไปเจอสวนสาธารณะอีกแห่ง ที่ติราน่ามีสวนเยอะ ต้นไม้ก็เยอะ เดินสบาย ร่มรื่นมาก

Castle of Tirana ที่เหลือแค่แนวกำแพง กลายเป็น Bazaar ขายของไปแล้ว

Park Fan Stilian Noli อยู่ติดกับ Tirana Castle

เดินต่อไปดูสะพานหินยุคออตโตมัน Tanner’s Bridge แล้ววนกลับมาเดินผ่านมัสยิดขนาดใหญ่ Namazgah mosque แล้วข้ามถนนมาที่ Pyramid of Tirana มาถึงช่วงเย็นๆอากาศกำลังดี นั่งเล่นอยู่นานฟ้าก็ไม่มืดสักที เลยเดินกลับที่พักดีกว่า มืดๆค่อยเดินออกมาหาข้าวกิน จบวันแรกแบบไม่เมื่อยไม่เหนื่อย แต่ง่วงนอน

Tanner’s Bridge สะพานหินโบราณย้อนไปถึง คศ.ที่ 18 ในยุคที่เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรออตโตมัน เคยเป็นสะพานบนถนนสายหลักในการขนส่งสินค้าเข้าสู่เมือง เพิ่งปรับปรุงและเปิดให้ใช้งานเป็นทางเดินคนทั่วไป ไม่ได้ปิดกั้นเป็นโบราณสถานแต่อย่างใด

ตึกสูงออกแบบล้ำๆ มีเยอะอยู่เหมือนกัน

Namazgah mosque

Catedral católica de San Pablo

Pyramid of Tirana เป็นจุดหมายยอดนิยมของนักท่องเที่ยว อาคารออกแบบเป็นทรงคล้ายปิรามิด ไม่ได้มีประวัติศาสตร์เก่าแก่อะไรแบบปิรามิดอิยิปต์ แรกเปิดใช้งานเมื่อปีคศ. 1988 เป็นพิพิธภัณฑ์ที่แสดงประวัติของท่านผู้นำ แอนแวร์ ฮอจา (Enver Hoxha) จนเมื่อยุคคอมมิวนิสต์ล่มสลาย อาคารปิรามิดก็เลิกใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ ต่อมาก็นำมาใช้งานในหลายๆกิจกรรม เช่นศูนย์ประชุมฯ ที่ทำการองค์กร ศูนย์ปฏิบัติการของรัฐ จนปัจจุบันเป็นศูนย์ไอทีสำหรับเยาวชน (TUMO) ทั้งนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่นก็มาใช้เป็นสถานที่พักผ่อน มานั่งเล่นเดินเล่น มีจัดกิจกรรมต่างๆที่ลานด้านหน้าอยู่ตลอด อย่างวันที่เราไปก็กำลังมีจัดเตรียมงานแสดงแสงสีเสียงในอีก 2 วันข้างหน้า ซึ่งเราคงย้ายเมืองไปแล้ว อดดู

เดินขึ้นด้านบนของปิรามิด มองวิวได้รอบด้าน มีคนขึ้นมานั่งเล่นตอนเย็นๆกันเยอะ เราก็นั่งเล่นอยู่นาน ฟ้าก็ยังไม่มืดสักที

ตึกลายลูกฟุตบอลน่ารักดี

เดินข้ามสะพานกลับโรงแรม มีคนมาเปิดแผงขายหนังสือมือสองตามราวสะพาน และตามริมสวนสาธารณะ

มืดแล้วเดินออกมาหาร้านนั่งกินดื่มเบาๆสำหรับวันแรกในแอลเบเนีย

ที่พักไม่มีอาหารเช้า ตื่นแล้วก็เดินออกมาหากาแฟ หาขนมปังรองท้องยามเช้ากันก่อน อย่างที่เล่าไว้ในโพสต์ก่อนว่า ร้านกาแฟเยอะกว่าร้านข้าว เปิดแต่เช้าและมีคนเต็มทุกร้าน แต่ถ้าอยากกินอาหารหนักคงต้องพึ่งพวกร้านพิซซ่าถาดที่เปิดขายเป็นชิ้นๆ เพราะร้านอาหารยังไม่ค่อยเปิด หรือกินพวกขนมปัง แซนวิสตามร้านกาแฟแบบเรา

บรรยากาศเช้าวันที่ 2 ในเมืองติราน่า

Librari Kaffe ร้านกาแฟที่เป็นร้านขายหนังสือด้วย แต่หนังสือฝุ่นจับเขรอะ สมัยนี้ไม่มีใครอ่านหนังสือกันแล้ว ในร้านตกแต่งด้วยรูปของศิลปินชาวแอลเบเนียที่เจ้าของร้านบอกเราว่าเป็นนักเขียนบทความ เขียนกลอน ชื่ออะไรจำไม่ได้ล่ะ เรามาสั่งแซนวิสกับกาแฟเป็นอาหารเช้าง่ายๆ แวดล้อมไปด้วยชาวแอลเบเนียนั่งจิบกาแฟแก้วจิ๋วเต็มร้าน

Resurrection of Christ Orthodox Cathedral

จุดหมายวันนี้คือ Skanderbeg Square ลานใหญ่กลางเมือง มีอนุสาวรีย์ของ Skaderbeg เป็นสัญญลักษณ์อยู่กลางลาน ในบริเวณลานล้อมรอบด้วย National Museum, Opera house, Clock Tower, Et’hem Bej Mosque และอาคารเก่าสวยๆ จุดท่องเที่ยวยอดนิยมอย่าง BunkArt 2 ก็อยู่ใกล้ๆ

Tirana City Hall

Skanderbeg Statue ในวันที่มีการจัดงานแฟร์

เมืองไทยเอาการท่องเที่ยวไปบวกกับกีฬา แต่ที่แอลเบเนียเป็นกระทรวงการท่องเที่ยวและสิ่งแวดล้อม
(Ministry of Tourism and Environment)

Clock Tower of Tirana หอนาฬิกาประจำเมือง สูง 35 ม. สร้างเมื่อปี 1822 เริ่มแรกใช้นาฬิกาจากเมืองเวนิช ตอนหลังเปลี่ยนเป็นของเยอรมัน แต่ปัจจุบันกลายเป็นนาฬิกาจากจีน ขึ้นด้านบนไปชมวิวได้ เสียค่าขึ้น 200 Lek

Et’hem Bej Mosque มัสยิดเก่าแก่ที่อยู่รอดมาจากยุคการทำลายสัญลักษณ์ทางศาสนาในช่วงปี ค.ศ. 1960
อยู่ติดๆกับ Clock Tower เข้าฟรี แต่ลุงคนดูแลเคาะกล่องบริจาครัวๆ

National Historical Museum พิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าประวัติและความเป็นมาของประเทศ ค่าเข้าชม 500 Lek มีทั้งหมด 3 ชั้น แต่เดินเข้าไปชมโถงด้านในชั้น 1 เฉยๆไม่เสียเงิน

Opera House หรือชื่อทางการว่า National Theatre of Opera and Ballet of Albania ว่ากันว่าเป็นเวทีการแสดงที่ราคาถูกและมีการแสดงที่ดีมากๆ นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบโอเปร่าหรือบัลเลต์เขียนรีวิวไว้อย่างนั้น สำหรับเรา ได้อาศัยนั่งพักจิบกาแฟยามบ่ายที่แดดร้อนเปรี้ยง ทุกคนน่าจะคิดเหมือนๆกันเพราะโต๊ะเต็มทั้ง 2 ร้าน ร้านหนังสือด้านหน้าเป็นร้านใหญ่ที่มีสมุดภาพแอลเบเนียให้เลือกซื้อได้ ราคามาตรฐาน

จุดเช็คอินยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่วันนี้มีโต๊ะตั้งเต็ม เห็นรูปที่นักท่องเที่ยวโพสต์กัน มันเปลี่ยนบ่อยอยู่ บางครั้งก็เขียน Tirana บ้างครั้งก็ I Love Tirana ตอนนี้เหลือแค่ I ❤️ t

TiranAgro Food & Fest 2023 จัดงานเต็มลาน Skanderbeg Square

พวกเราโชคไม่ค่อยดีที่ลานกว้างวันนี้ไม่โล่ง มีการจัดงาน TiranAgro Food & Fest 2023 มีออกร้านเต็มลาน ทำให้ถ่ายรูปในลานไม่ได้ แต่คิดอีกที อาจจะโชคดีก็ได้นะ มีงานก็น่าจะสนุกดีเหมือนกัน แต่ช่วงเช้านี้แดดร้อนเกิน เลยเดินเที่ยวตามอาคารต่างๆ แล้วไปเที่ยวเล่นใน BunkArt 2 ก่อน (ตัดสินใจซื้อบัตรแบบรวม BunkArt 1 & 2 เลยเพราะได้ลดราคา แต่ BunkArt 1 ต้องนั่งรถออกไป 5 กม. ค่อยไปตอนบ่าย)

BunkArt คือ หลุมหลบภัย (Bunker) ที่ปรับปรุงด้านในให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเข้าเป็นโดมกลมๆดูเหมือนเห็ด เดินลงไปใต้ดินจะแบ่งเป็นห้องๆซึ่งจัดเป็นนิทรรศการบอกเล่าเรื่องราวในยุคสงครามโลก หลุมหลบภัยทรงหัวเห็ดนี้สร้างขึ้นในยุตของ แอนแวร์ ฮอจา (Enver Hoxha) ผู้นำในสใัยคอมมิวนิสต์ สร้างอยู่ทั่วประเทศเป็นแสนบังเกอร์ จุดประสงค์เพื่อให้ประชาชนไว้หลบภัยหากโดนโจมตี ปัจจุบันถูกกทิ้งร้างไปหมด บางที่ก็ปรับเปลี่ยนกลายเป็นที่ท่องเที่ยวบ้าง เป็นร้านอาหารบ้าง ร้านกาแฟบ้าง ร้านขายของบ้าง BunkArt 2 อยู่กลางเมืองติราน่าใกล้ Skanderbeg Square ส่วน BunkArt 1 อยู่เชิงเขาห่างไป 5 กม. แต่สามารถซื้อตั๋วแบบรวมได้ ราคาจะถูกกว่าซื้อแยก (ซื้อแยกที่ละ 700 Lek ซื้อรวมได้ในราคา 1,000 Lek)

ช่วงบ่ายเรานั่งรถเมล์คันสีฟ้าที่ไม่รู้ว่ารถสายอะไร แต่เอาเป็นว่ารถสีฟ้า ต้นทางอยู่หน้า Friendship Monument บอกกระเป๋ารถเลยว่าลง BunkArt เดี๋ยวเขาบอกให้ลงเอง ค่ารถแค่ 40 Lek สุดแสนถูก เป็นรถวิ่งวนแบบสาย 53 บ้านเรา เรานั่งไปจนสุดทาง กระเป๋ารถจะบอกให้ลงไปขึ้นคันใหม่ นั่งไปอีก 2-3 ป้าย จะจอดหน้า BunkArt เลย พอเที่ยวเสร็จก็ออกมายืนรอที่เดิม รถมาก็ขึ้นแล้วไปลงสุดทางที่เดิมได้เลย

Blue bus จอดอยู่หน้า Friendship Monument ค่ารถ 40 Lek. จ่ายกับกระเป๋ารถ

BunkArt 1 ลงรถเมล์แล้วต้องเดินผ่านอุโมงเข้าไป ถ้าขับรถมาขับเข้าไปได้เลย สุดอุโมงมีลานจอดรถ เรามีบัตรแล้วก็เอาไปให้เจ้าหน้าที่ดู จากนั้นก็ต้องเดินเข้าไปอีกประมาณ 200 ม. ไปที่เชิงเขา BankArt ที่นี่ไม่ได้เป็นโดมหัวเห็ดแต่เป็นหลุมหลบภัยแบบเจาะเข้าไปในภูเขา ด้านในแบ่งเป็นซอยแยก แต่ละซอยมีหลายห้อง พื้นที่รวมใหญ่กว่า BunkArt2 พอสมควร น่าจะเป็นหลุมหลบภัยระดับศูนย์ปฏิบัติการณ์

แต่ละห้องก็จัดแสดงเรื่องราวสมัยสงครามอีกเหมือนเดิม มีไปถึงเรื่องการเริ่มก่อตั้งกรมตำรวจแอลเบเนีย จำลองการแจ้งเตือน การอพยพ และภาพประวัติศาสตร์ต่างๆ เดินดูได้ตามต้องการ ดูไม่มากก็ย้อนออกทางเดิมได้ หรือเดินดูไปเรื่อยๆ ก็ออกอีกทางได้เลย

โครงการสร้างหลุมหลบภัยของแอนแวร์ ฮอจา วางแผนจะสร้าง 221,143 บังเกอร์!!! แต่สร้างไปได้แค่ 173,371 บังเกอร์ ในช่วง 8 ปี คือประมาณปีละ 21,000 บังเกอร์ ไม่แน่ใจว่าได้เคยใช้ประโยชน์เป็นหลุมหลบภัยจริงๆบ้างมั๊ย

จากตรง BunkArt เดินต่อไปอีกหน่อยมีจุดท่องเที่ยวอีกจุดคือ Dajti Ekspres “Cable Car” นั่งขึ้นไปบนเขา จะมีสวนสนุก มีโรงแรม มีร้านอาหาร เป็นจุดชมวิวเมืองได้ ตั้งใจจะไปกินอาหารพร้อมชมวิวยามเย็น แต่ตอนเที่ยว BunkArt ฝนดันตกพรำๆ ตกไม่หนักแต่ฟ้าปิด มีแต่หมอกขาวๆ ก็เลยคิดว่าไม่ขึ้นดีกว่าคงมองอะไรไม่เห็น นั่งรถกลับเข้าเมืองไปเดินงานแฟร์ แล้วนั่งกินอาหารตามเต้นท์น่าจะสนุกกว่า

ขากลับลงรถเมล์ก่อนสุดสายที่เดิม 2 ป้าย ลงตรงวงเวียน Sheshi Avni Rustemi เดินเล่นสักหน่อย
แถบนี้มีร้านอาหารเยอะ มีโรงแรม มีตลาด

ช่วงเย็นมาเดินงานแฟร์ ผู้คนคึกคักพอสมควร มีขายตั้งแต่อาหาร เครื่องดื่ม พืชผักผลไม้ น้ำผึ้ง สมุนไพร เสื้อผ้า ไปถึงรถไถ มีเวทีการแสดงเล็กๆให้เด็กมาร้องมาเต้น เดินทั่วงานแล้วมานั่งจิบเบียร์กับไส้กรอกเยอรมันจนมืด เริ่มมึนๆก็เดินกลับที่พัก พรุ่งนี้ไปรับรถเช่าที่จองไว้แล้วออกเที่ยวนอกเมืองล่ะ

สรุปว่า เที่ยวติราน่าเมืองหลวงของแอลเบเนีย ถ้ามีเวลา 1 วันเต็มๆก็เที่ยวได้ทั่ว หรือถ้ามีครึ่งวันก็ยังพอไหว เมืองไม่ใหญ่ เดินได้ทั่วในเวลา 1-2 ชม. แต่อยากให้มีเวลาได้นั่งจิบกาแฟ จิบเครื่องดื่มเย็นๆ ได้ไปเดินสวนสาธารณะมองดูผู้คน ได้กินอาหารตามร้านเล็กๆ นั่นแหละหัวใจของติราน่า

Day-3 เที่ยวเมืองโบราณ Kruja แล้วขึ้นเหนือไป Shkoder

จองรถกับ Enterprise Car Rental ที่เคยเช่าตอนไปอังกฤษ ค่าเช่าราคามาตรฐานยุโรป (ประมาณ 1800 – 2000 บาทต่อวัน) Chk-out แล้วเดินลากกระเป๋าไปรับรถเลย ตั้งใจเลือกโรงแรมให้อยู่ใกล้ๆกับบริษัทรถเช่า ที่แอลเบเนียนี่ทางเท้าดีมาก เดินลากกระเป๋าสะดวกมาก ทางเรียบดี มีทางลาดขึ้นลงทุกจุด เหมาะกับการเดินทาง

รับรถแล้วออกเดินทางไปตาม Google map ดูแผนที่เลือกเส้นทางถนนใหญ่ไว้ ซึ่งถนนใหญ่ในแอลเบเนียก็แค่ 4 เลน ส่วนใหญ่เป็นแค่ 2 เลนสวนกันด้วยซ้ำ จะมี Highway แบบ 6 เลนอยู่แค่เส้นเดียว จากทิรานาไป 35 กม. ก็ถึงเมือง Kruja (Kruje)

ถ้านั่งรถบัสมา ให้เลือกรถที่มา Kruje ไม่ใช่ Fushe Kruje เพราะ Fushe Kruje อยู่ก่อนเมืองเก่า Kruje 10 กม. ถ้าขับรถมาก็ต้องขับไปที่ Kruje ไม่ใช่ F. Kruje เหมือนกัน

ครูจา | Kruja (Krujë) เมืองเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานอยู่ทางตอนเหนือของติราน่า เคยเป็นสนามรบระหว่างกองทัพของ สกันเดอร์เบค (Skanderbeg) วีรบุรุษของชาวแอลเบเนียกับกองทัพของจักรวรรดิออตโตมัน ครูจาอยู่ห่างจากติราน่าแค่ 35 กม. นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะมาเที่ยวแบบ Day trip จะมาเองก็มาด้วยรถบัสได้ มีทุกๆชม. บางคนก็ซื้อทัวร์พาเที่ยว ใครเช่ารถขับเที่ยวก็แวะเที่ยวสัก 1/2 วันได้เลย

เมืองครูจาตั้งอยู่ระหว่าง Mt. Kruja กับ Ishëm River ต้องขับรถข้ามเขาไป ทางจะแคบหน่อย รถทัวร์ก็เยอะ ต้องขับรถระวังๆ จุดท่องเที่ยวหลักมี 2 จุดคือ Kruja Castle กับ Old Bazaar อยู่ติดๆกัน หาที่จอดรถแล้วลงเดินเที่ยวได้เลย

Kruja Castle ป้อมปราการบนยอดเขาครูจา สร้างมาตั้งแต่ คศ.ที่ 5 ใช้เป็นที่สังเกตการณ์และส่งสัญญาณรบในช่วงทำสงคราม

Skanderbeg Museum By Kruje Castle พิพิธภัณฑ์บอกเล่าเรื่องราวและประวัติของแม่ทัพ Skanderbeg ค่าเข้าชม 500 Lek

Old Bazaar ย่านตลาดโบราณเมืองครูจา เป็นถนนเส้นสั้นๆ พื้นทางเดินเป็นหิน Cobble stone ตามแบบยุคกลาง ร้านค้า 2 ข้างทางเก่าแก่กว่า 400 ปี เคยเป็นตลาดที่พ่อค้ามาแลกเปลี่ยนซื้อขายของ ปัจจุบันได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี เปิดขายของที่ระลึก ของเก่าของโบราณ และของพื้นเมือง

ลงจาก Kruja Castle แล้วเดินเข้า Old Bazaar เดินไปสุดทางที่ตึกโรงแรม Panorama นักท่องเที่ยวที่มาทัวร์ส่วนมากจะเข้าไปทานอาหารที่ห้องอาหาร พร้อมชมวิว Kruja Castle นักท่องเที่ยวทั่วไปก็เข้าไปได้ เคยดูรีวิวว่ามีชั้นดาดฟ้าที่ทานอาหารแล้วชมวิวได้ แต่ถามแล้ว พนักงานบอกว่าขึ้นได้เฉพาะแขกโรงแรม

Panorama Hotel เป็นตึกสูงมีมุมมองไป Kruja Castle ได้ดีที่สุด
แต่เราเลือกเดินมาร้านอื่นด้านนอก อุดหนุนร้านเล็กๆบ้าง ขึ้นดาดฟ้าก็ชมวิวได้คล้ายๆกัน

จาก Kruja ขึ้นเหนือไปต่ออีก 85 กม. ใช้เวลาประมาณ 2 ชม.ไปที่เมือง Shkoder ต่อตอนหน้า > Hello Albania ตอนขึ้นเหนือไปเที่ยวเขา (Shkoder, Theth, Durres, Vlore) <

5 responses to “Hello Albania ตอน 1 เที่ยวเมืองหลวง Tirana กับ เมืองโบราณ Kruja”

  1. […] Hello Albania ตอน 1 เที่ยวเมืองหลวง Tirana ไป 1 1/2 วัน วันที่ 3 เช่ารถขับเที่ยว ช่วงเช้าขับไปแวะเที่ยวเมืองโบราณ Kruja ช่วงบ่ายขับรถขึ้นเหนือต่อไปเมือง Shkoder […]

    Like

  2. […] Hello Albania ตอน 1 เที่ยวเมืองหลวง Tirana กับเมืองโบราณ Kruja Hello Albania ตอน 2 ขึ้นเหนือไปเที่ยวเขา (Shkoder, Theth, Lezhe) […]

    Like

  3. […] Hello Albania ตอน 1 เที่ยวเมืองหลวง Tirana กับเมืองโบราณ Kruja Hello Albania ตอน 2 ขึ้นเหนือไปเที่ยวเขา (Shkoder, Theth, Lezhe)Hello Albania ตอน 3 Albania Riviera [Durres, Vlore, Sarande] […]

    Like

  4. […] Hello Albania ตอน 1 เที่ยวเมืองหลวง Tirana ไป 1 1/2 วัน วันที่ 3 เช่ารถขับเที่ยว ช่วงเช้าขับไปแวะเที่ยวเมืองโบราณ Kruja ช่วงบ่ายขับรถขึ้นเหนือต่อไปเมือง Shkoder […]

    Like

Leave a comment