เชียงดาวกับลมหนาวสุดท้ายของฤดู
มกราคม 2567
ช่วงหลายปีหลังมานี้ อ.เชียงดาว เข้ามาอยู่ในอันดับต้นๆของจุดท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่อย่างน่าแปลกใจ เมื่อเนิ่นนานมาแล้ว ถ้าบอกว่าไปเชียงดาว จะหมายถึงไปเดินขึ้นยอดดอยหลวงเชียงดาว เพื่อขึ้นไปชมทิวเขารอบด้าน ไปดูทะเลหมอกยามเช้า ไปดูต้นค้อเชียงดาว ดูเจ้าเทียนนกแก้วดอกน่ารัก และเลียงผา เดินขึ้น 1 วัน เดินลง 1 วัน ไปดูรูปได้ที่โพสต๋โบร่ำโบราณ “เชียงดาวรำลึก”




มาช่วงหลังนี้ถ้าบอกว่าไปเที่ยวเชียงดาว ก็อาจจะไม่ได้หมายถึงแบกเป้เดินขึ้นเขากันอย่างเดียวแล้ว เชียงดาวในปัจจุบัน เป็นเมืองแห่งการพักผ่อน เป็นที่ให้ไปชื่นชมธรรมชาติรอบด้าน ไปเจอวิถีชีวิตง่ายๆของหมู่บ้านเล็กๆ ไปนั่งไปนอนมองภูเขา หรือบางคนก็ไปพักใจ


ที่พักคราวนี้ของเรา ออกจะเป็นที่พักลับๆ เพราะไม่มีป้ายชื่อ อาศัย Google map ที่เจ้าของที่พักส่งมาให้ นำทางมาจนเจอ แต่มันมีชื่อว่า Going Within ที่พักมีบ้านแค่ 2 หลัง กับเต๊นท์กระโจม 5 หลัง พวกเราได้บ้านหลังใหญ่ มีห้องนอนใหญ่นอนได้ 4-6 คน มีห้องให้นั่งเล่น มีพื้นที่ทำครัว มีห้องน้ำ+อาบน้ำ 2 ห้อง ไม่ต้องรอคิวกันนาน ส่วนที่พวกเราชอบสุดๆคือระเบียงหน้าบ้าน ที่นั่งแล้วมองเห็นดอยหลวงเชียงดาวชัดถนัดตา พวกเราใช้เวลาอยู่ที่ระเบียงนี้ทั้งเช้าทั้งเย็น บรรยากาศดีจนไม่อยากลุกไปไหน





มื่อเย็นเราสั่งชุดหมูจุ่มกับที่พัก ความจริงแล้วขับรถออกไปทานในหมู่บ้านก็ได้แหละ แต่คิดว่านั่งกินที่ระเบียงหน้าบ้านสบายกว่า เสพติดระเบียงหน้าบ้านมาก




ตอนเช้ามีหมอกจางๆ ตื่นมานั่งจิบกาแฟร้อนๆฟังเสียงนกร้องจิ๊บๆ บินโฉบไปมา อากาศหนาวเข้ากับ ข้าวต้มหมูร้อนๆและน้ำผลไม้ที่รวมอยู่ในราคาที่พัก นั่งดื่มด่ำกับบรรยากาศอีกครั้งก่อนลา




แต่ใช่ว่ามาเชียงดาวแล้วจะได้แต่มานั่งชิลๆ ที่เที่ยวเล่นก็พอมีบ้างนะ อย่างถ้ำเชียงดาว บ่อน้ำร้อนเชียงดาว หรือขับรถเลยไปถึงเมืองคองก็ได้


ถนนสาย ทช.ชม. 3024 (เส้นทางชนบทเชียงใหม่) จากตัวอำเภอเชียงดาวไปวัดถ้ำเชียงดาว, เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว และเลยไปได้ถึงเมืองคอง ถนนเส้นเล็กที่คดเคี้ยวสวยงาม มีต้นยางสูงใหญ่เรียงรายตามข้างทาง ทำให้นักท่องเที่ยวชอบไปถ่ายรูป โดยหลายๆคนพยายามไปยืนกลางถนน ที่มีทั้งรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ ผ่านไปมาตลอดเวลา หลายคนอ้างว่าก็รอดูจนปลอดภัยแล้วนะ แต่ก็ยังคงอันตราย เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง นอกจากเรื่องความปลอดภัยแล้ว แค่จอดรถข้างทางบนถนนสายเล็กนี้พร้อมกันหลายๆคันก็ทำให้การเดินทางติดขัดได้ บางคันก็จอดตรงที่ไม่มีไหล่ทางพอให้จอดทำให้ต้องจอดล้ำมาในถนน ถ้าเป็นช่วงเทศกาล รถเยอะคนเยอะ ต่างคนก็ต่างจอด ต่างคนก็ต่างวิ่งไปกลางถนน ทำอย่างไรจะทำให้การท่องเที่ยวไม่ไปรบกวนการใช้ชีวิตของคนอื่นๆ อยากให้นักท่องเที่ยวลองคิดกันดู (รูปของเราถ่ายจากบนรถเลย ไม่ได้จอดรถ รูปอาจไม่สวยคมชัด ไม่ได้ลงไปยืนเท่ๆแบบคนอื่น แต่เราพอใจแล้ว)
ถ้ำเชียงดาว

นั่งรถผ่านถนนเส้นเล็กคดเคี้ยวเล็กน้อยแต่ไม่ได้ไต่ระดับขึ้นเขา ยิ่งลึกเข้าไปยิ่งใกล้ดอยหลวงเชียงดาวจนเรามองไม่เห็นยอดดอยนอกจากจะแหงนคอตั้งบ่า จุดหมายปลายทางของพวกเราอยู่ที่ วัดถ้ำเชียงดาว ที่อยู่ก่อนถึงเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาวไม่กี่กิโลเมตร ก่อนเข้าเที่ยวถ้ำก็เข้าสักการะพระพุทธรูปในโบสถ์ และเจดีย์ต่างๆในบริเวณวัดเสียก่อน




การเข้าถ้ำไม่มีพิธีรีตองอะไร เสียค่าเข้าถ้ำเป็นค่าบำรุงสถานที่คนละ 20 บาท (ต่างชาติ 50 บาท) ที่เก็บค่าเข้าอยู่ที่บันไดทางเดินขึ้นปากถ้ำเลย เมื่อเดินเข้าถ้ำไปไม่ไกลจะเจอโถงถ้ำแรกมีพระพุทธรูปให้กราบไหว้ ตรงจุดนี้จะมีเจ้าหน้าที่มาอธิบายให้ฟังว่า การเดินเที่ยวถ้ำมี 2 ทาง คือ 1. ทางไปถ้ำพระนอน ที่เดินเองได้เลย มีแสงสว่างให้ตลอดทาง คือจ่ายค่าเข้ามา 20 บาทก็เดินเข้าไปได้เลย ระยะทางประมาณ 470 เมตร กับทางที่ 2. เป็นทางไปถ้ำม้า ถ้ำลับแล ระยะทางประมาณ 750 เมตร ทางนี้จะไม่มีแสงสว่างคือมืดสนิท และไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเอาไฟฉายเดินเข้าไปเอง การเข้าเที่ยวถ้ำเส้นทางนี้ต้องมีคนนำทางซึ่งจะมีตะเกียงพาเดินเข้าชม ต้องเพิ่มเงิน 200 บาทต่อกลุ่ม (ไม่เกิน 5 คน) ตรงนี้เจ้าหน้าที่ก็จะอธิบายชัดเจนไม่ให้เกิดปัญหาเหมือนสมัยก่อนที่มีคนกลับไปบ่นว่าโดนบังคับให้เช่าตะเกียงและคนนำทาง



ไหนๆมาแล้วพวกเราก็เลยเลือกเดินทั้ง 2 เส้นทางไปเลย มีพี่ผู้หญิงหิ้วตะเกียงเจ้าพายุนำทางให้ ทางนี้จะต้องมีการเดินขึ้นบันไดบ้าง มีไต่หินขึ้นไปบ้าง และมีการมุดลอดถ้ำอยู่ 3 จุด ถ้าใครไม่ถนัดก็ไม่ควรไปทางนี้ ช่วงแรกคือถ้ำม้า จะมีก้อนหินรูปร่างแปลกๆที่คนนำทางจะชี้บอกพวกเราให้จินตนาการตาม เช่น หินสิงโตนำโชค (ที่ทำให้เราฮัมเพลงอยู่ต่อเลยได้มั๊ยไปตลอดทาง) หรือหินช้าง หินม้า หินดอกบัวคว่ำ มีลานกว้างที่หลวงปู่มั่นเคยมาปฏิบัติธรรม



ลานที่หลวงปู่มั่นเคยมาปฏิบัติธรรม / หินดอกบัวคว่ำ / แมงมุมที่เจอในถ้ำ


หินสิงโตนำโชค / หินพญานาค





ช่องที่ต้องมุดลอดก็ประมาณนี้
มุดลอดถ้ำครบ 3 ช่องแล้ว ออกมาจะเป็นทางเดินไปต่อที่ถ้ำลับแล แต่จะมีบันไดเป็นทางกลับด้วย ซึ่งคนนำทางถามว่าจะไปต่อหรือเปล่า ถ้าไม่ไปก็ลงบันไดวนกลับได้เลย (ทำไมต้องถามนะ เสียเงินให้นำทางมาแล้ว ทำไมจะมาแค่ครึ่งทาง) แน่นอนที่พวกเราเดินกันไปต่อ จากตรงนี้ไปเราว่าสวยกว่าช่วงแรกที่เดินๆมุดๆกันมา เพราะช่วงหลังนี้เป็นโถงถ้ำสูงใหญ่และกว้าง หินงอกหินย้อยสวยงาม ทางเดินไปสุดตรงที่คนนำทางบอกว่าเป็นเหวลึกลงไป แล้วนกลับมาตรงบันไดกลางทางที่ถามว่าจะเลยหรือเปล่านั่นแหละ แล้วก็ไต่บันไดกลับออกไป






นอกจากคนนำทางกับตะเกียงแล้ว ยังจะมีผู้ติดตามที่สะพายกล้องเดินตามพวกเราไปด้วย มารู้ตอนหลังเมื่อถึงจุดที่มีหินสวยๆแปลกๆ เช่นหินสิงโตที่คนนำทางชี้บอก พี่ตากล้องจะเข้ามาเสนอถ่ายรูปที่ระลึกให้พวกเราในราคารูปละ 40 บาท รับได้ที่ทางออก พวกเราก็อุดหนุนไป 2 รูป 2 จุด แต่พี่ก็จะตามไปตลอด จะถ่ายให้พวกเราทุกจุดเลย ซึ่งเราคิดว่ารูปไม่น่าจะสวยหรอก เพราะถ่ายแบบใช้แฟลช เลยบอกว่าไม่เอาๆ ผ่านไป 2-3 จุด พี่แกก็ย้ายไปตามกลุ่มหลังต่อ
วนกลับออกมาแล้วพวกเราก็เดินไปเส้นทางเดินเองต่อ มีป้ายชี้บอกทางเดินไปถ้ำพระนอน ทางนี้เดินเองเพราะติดไฟสว่าง และทำทางเดินปูนอย่างดี ด้านนี้โถงถ้ำก็กว้าง สวยงามดี ระหว่างทางมีรูปเคารพต่างๆให้แวะกราบไหว้ และจะไปสุดทางที่องค์พระนอน ที่เป็นลักษณะนอนหงาย แล้วเดินกลับทางเดิม





ออกมารับรูปก็ไม่ได้สวยตามที่คาดนั่นแหละ แต่คิดว่าอุดหนุนชาวบ้าน ให้ลุงไป 100 บาท กับให้ทิปคนนำทางไป 200 บาท ถือว่ากระจายรายได้ให้ชุมชนแล้วกัน สิ่งที่ประทับใจคือ ความสะอาด ทั้งในถ้ำและบริเวณด้านนอก แนวความคิดแบ่งทางเดิน 2 ด้านก็ดี มีรายได้เพิ่มให้คนในท้องถิ่น ข้อที่ไม่ชอบเลยคือ เจ้าหน้าที่รวมทั้งคนนำทาง ไม่เน้นเรื่องการอนุรักษ์หรือดูแลเลย ปล่อยนักท่องเที่ยวเดินจับโน่นลูบนี่ไปเรื่อย แถมเวลาถ่ายรูปก็ชี้ชวนให้ปีนไปนั่ง ให้จับหิน ไม่ว่าจะเป็นหินตายแล้วหรือไม่ก็ไม่ควรไปจับมัน ถ้าจะบอกว่านักท่องเที่ยวควรมีจิตสำนึกเองก็ใช่ แต่เจ้าหน้าที่และคนนำทางก็ต้องคอยเตือนสติพวกไม่มีความคิดด้วย ครั้งนี้เราเห็นนักท่องเที่ยวบางคนเดินจับจูบลูบคลำหินงอกหินย้อยไปตลอดทางก็มี ปีนหินขึ้นไปถ่ายรูปก็มี ไม่ชอบเลย
วัดถ้ำเชียงดาว สร้างเมื่อพ.ศ. 2310 มีชื่อเรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า วัดถ้ำหลวงเชียงดาว การก่อสร้างเริ่มครั้งแรกโดยพระครูบาประธรรมปัญญา และพ่อแสนปี ต่อมา พ.ศ. 2430 พระยาอินต๊ะภิบาล มาทำบันไดขึ้นสู่ปากถ้ำ พร้อมเสนาสนะและศิลปวัตถุอื่น ๆ ใน พ.ศ. 2456 มีฤาษีชื่อคันธะมาสร้างพระพุทธรูป จนถึงพ.ศ. 2477 ครูบาศรีวิชัย มาสร้างและบูรณะ นอกจากนั้นในสมัยหลังได้มีการสร้างและบูรณะเสนาสนะเพิ่มเติมจนถึงปัจจุบัน ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2514
Source : http://www.luangpumun-cbt.org/location/wattumchiangdao/
เมืองคอง
จากอำเภอเชียงดาว ขับรถเข้าถนนเส้นสวย ทช.ชม. 3024 ผ่านวัดถ้ำเชียงดาวไป เข้าสู่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว ทางขึ้นเขาแคบและคดเคี้ยวพาไปหมู่บ้านเล็กๆในหุบเขาชื่อ “เมืองคอง” ที่ขึ้นอันดับเป็นเมืองยอดนิยมอีกเมืองหนึ่งในแถบเชียงดาว
แม่น้ำคองสายเล็กๆไหลผ่านชุมชนเล็กๆ ที่ปลูกข้าว ปลูกผัก จนเขียวขจีถ้ามาตรงตามฤดูกาล พวกเราเข้าไปดูที่พักที่ดังที่สุดในเมืองคอง “บ้านนอกฮอกควาย” ที่เคยจองบ้านไว้เมื่อหลายปีก่อนในช่วงนาข้าวเขียวขจี แต่มีเหตุสุดวิสัยทำให้มาไม่ได้ คราวนี้มาหน้าแล้ง ไม่มีนาข้าวเขียวๆมีแต่ซังข้าวแห้งเหลือง ได้แต่จินตนาการภาพนาข้าวกับฉากหลังเทือกเขาสูงคงจะสวยงามมากๆ



ย้อนกลับมาที่สะพานข้ามน้ำคอง ตามริมน้ำมีการปรับที่ไว้เป็นลานกว้างตลอดแนว ใครเป็นสายแคมปิ้ง แนะนำให้มากางเต้นท์แถวนี้ บรรยากาศดีมากมาย หรือจะเลือกพักกับโฮมสเตย์หรือเกสต์เฮาส์ที่มีอยู่หลายที่ตามริมน้ำก็ดูดี








เมืองคองเหมาะกับคนชอบความสงบ มาพักใจ ใช้ชีวิตช้าๆ ถ้ามีโอกาสก็อยากมานอนที่เมืองคองสักคืน ปักหมุดไว้ในใจก่อน พวกเราใช้เวลาอยู่ที่ริมน้ำได้ไม่นานเท่าที่ต้องการ เพราะระยะทางจากตัวอำเภอเชียงดาวมาถึงเมืองคอง แค่ 40 กม. แต่ใช้เวลาเกือบ 1 ชม.ในการขับรถข้ามเขา ถ้าอ้อยอิ่งนานกว่านี้คงต้องขับรถข้ามเขาตอนมืดๆ
ขาหมูเชียงดาว
ทำไมมาเชียงดาวแล้วต้องกินขาหมู? ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่เขาบอกกันว่าขาหมูเชียงดาวอร่อยนุ่มชุ่มลิ้น ก็คงต้องขอลองสักหน่อย ถามว่าร้านไหนเด็ดสุดก็ได้คำตอบหลากหลาย ถามว่าร้านไหนเก่าแก่สุด ก็ยังได้คำตอบไม่เหมือนกันเลยถ้าถามหลายๆคน เลยบอกพี่คนขับรถว่า พี่พาไปร้านที่พี่ว่าเก่าแก่สุดอร่อยสุดก็แล้วกัน พี่คนขับเลือก “พรเพ็ญขาหมูเสวย” แต่มีออกตัวนิดๆว่า ตอนนี้ย้ายจากเรือนไม้เก่าๆกลายเป็นตึกใหม่ๆแล้ว เลยดูไม่ค่อยขลัง ฮา….



ชิมแล้วอร่อยดีนะ รสชาติเข้มข้น นุ่มๆ น้ำพะโล้ใสๆหน่อย ไม่ข้นเหนียว สั่งเป็นข้าวขาหมูก็ได้ สั่งเป็นชามกับข้าวเปล่าก็ได้ นอกจากขาหมู ที่ร้านก็ขายกับข้าวอื่นๆแบบร้านข้าวแกงด้วย เลยเลือกแกงฮังเลมาชิม เข้มข้นถูกใจใช้ได้เลย
2 วัน 1 คืน ที่เชียงดาว มาพักกายพักใจกันจริงๆ ช่วงบ่ายๆพวกเรากลับเข้าเมืองเชียงใหม่ ยังมีเวลาเที่ยวต่อในเชียงใหม่อีก 2 วัน

Leave a comment