ทุ่งกะมัง ซาฟารีเมืองไทย ณ ชัยภูมิ

สิงหาคม 2567

ตั้งใจจะมาทุ่งกะมังหลายปีแล้ว เพิ่งจะได้มาจริงๆเอาปีนี้ บวกเพิ่มเข้ามาจากการมาชมทุ่งดอกกระเจียวที่อช.ไทรทอง แล้วขับรถจากอ.หนองบัวระเหว ไปอีกราวๆ 200 กม.เพื่อไปเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว ที่อ.คอนสาร

เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว มีอาณาเขตครอบคลุมอำเภอคอนสาร อำเภอเกษตรสมบูรณ์ และอำเภอหนองบัวแดง ดูแลด้านการอนุรักษ์สัตว์ป่า การเพาะเลี้ยง และการขยายพันธุ์สัตว์ป่า เช่น ไก่ฟ้าพญาลอ นกยูง เก้ง กวาง และเนื้อทราย เป็นต้น โดยปล่อยสัตว์ให้อาศัยอยู่อย่างเป็นธรรมชาติ สามารถสืบพันธุ์และขยายพันธุ์ได้เอง มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ สถานที่น่าสนใจภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ ได้แก่ – ทุ่งกะมัง เป็นทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ใจกลางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว เป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของสัตว์กินพืช เมื่อปี พ.ศ. 2526 และ พ.ศ. 2535 โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้ปล่อยสัตว์ป่าคืนถิ่นในบริเวณนี้ เช่น เก้ง กวาง กระจง และนกต่าง ๆ มีการจัดทำดินโป่งเพื่อให้สัตว์มากิน และเผาแปลงทุ่งหญ้าเพื่อให้เกิดหญ้าระบัด ซึ่งเป็นอาหารของเก้งกวางในฤดูแล้ง

ที่มา : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

จากอช.ไทรทองมีเส้นทางตัดไปอ.คอนสาร ตัดเข้าถนนคอนสาร-เขื่อนจุฬาภรณ์ ระยะทางประมาณ 200 กม. เป็นเส้นที่ใกล้สุด แต่เป็นถนนเส้นเล็กหน่อย แต่พวกเราต้องเข้าไปชาร์จรถที่อ.เมืองชัยภูมิก่อน แล้วต้องขับต่อไปผ่านเข้าอ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น เพื่อชาร์จรถอีกครั้ง (ด้วยเหตุผลเรื่องระยะทางไปและกลับแบตจะไม่พอ เรื่องนี้เป็นมหากาพย์เรื่องการชาร์จรถ จะเล่าไว้ใน FB page แล้วกัน) สรุปว่าเราจำเป็นต้องขับรถอ้อมเพิ่มไปอีกเกือบ 70 กม. รวมเป็น 270 กม.

พื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ากำหนดเวลาเข้า-ออก 08:00-16:30 ซึ่งพวกเราช้ากว่าแผนไปหน่อย ต้องโทรไปแจ้งจนท.ว่าอาจจะไปถึงด่านไม่ทันเวลาด่านปิด 16:30 คนที่เราโทรคุยคือจนท.ดูแลบ้านพักบนทุ่งกะมัง ซึ่งเขารับปากเราไม่ได้ว่าถ้าเลยเวลาแล้วด่านจะอนุญาตให้เข้าหรือไม่ แต่จะโทรบอกที่ด่านไว้ให้ จนท.ที่ด่านจะพิจารณาเรื่องความปลอดภัยเนื่องจากต้องขับรถจากด่านขึ้นไปถึงทุ่งกะมังอีก 25 กม. เป็นทางลัดเลาะผ่านพื้นที่ป่าขึ้นเขาไป อาจมีสัตว์ป่าออกมาหากินด้วย พวกเราก็ขับเร็วเท่าที่จะขับได้ไปถึงด่านในเวลา 16:29 เลยทีเดียว (แต่ความจริงแล้วเข้าใจผิดไปอีก คือด่านน่ะปิดตั้งแต่ 16:00 แต่จนท.บนที่ทำการทุ่งกะมังปิด 16:30 ต้องขอบคุณจนท.ที่อนุญาตให้เข้าไปได้ และจนท.ด้านบนก็ยังมาเปิดบ้านพักให้)

เมื่อเลี้ยวเข้าถนนคอนสาร-เขื่อนจุฬาภรณ์ เป็นถนน 2 เลน แต่ถนนดี เจ้าหน้าที่บอกเผื่อไว้ว่าถ้าด่านไม่ให้เข้า พี่ไปหาที่นอนแถวเขื่อน แล้วค่อยขับขึ้นมาเที่ยวตอนเช้านะ โชคดีไม่ต้องเปลี่ยนแผนไปนอนเขื่อน เมื่อมาถึงด่านต้องไปลงทะเบียนและชำระเงินค่าเข้าเขตฯก่อน จากด่านขับรถขึ้นไปอีกประมาณ 25 กม. เป็นทางขึ้นเขาไม่ได้สูงชันมากแต่ทางมีทั้งดีทั้งไม่ดี และมีป้ายให้ระวังสัตว์ป่าตลอดทาง

ถนนก็ดีบ้างไม่ดีบ้าง มีป้ายบอกระวังสัตว์ป่า เป็นรูปช้างซะด้วย แต่ไม่มีโผล่มานะ

แต่พอเจอป้ายรูปกวาง ดันเจอจริงๆแฮะ

มาถึงแล้วเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว-ทุ่งกะมัง เจอเนื้อทรายมารอต้อนรับเลย เดินกันกลาดเกลื่อนไปหมด

บ้านพักที่เราได้พักเป็นเรือนแถวมีประมาณ 10 ห้อง วันที่ไปมีเราอยู่ห้องเดียว กับเจอคนมานอนเต๊นท์อีก 1 คนถ้วน ตอนโทรติดต่อห้องพักก็ไม่รู้ราคา มาถึงแล้วคุยกับเจ้าหน้าที่ได้ความว่า ไม่มีกำหนดราคา เพราะเรือนพักนี้สร้างโดยทหารไว้ให้ใช้งาน ไม่ได้สร้างด้วยงบประมาณของกรมฯ จึงเรียกเก็บเงินไม่ได้ แต่บริจาคเงินให้ตามศรัทธาเลย

ห้องพักกว้างขวาง สะอาด น้ำมีตลอดเวลา แต่ไฟฟ้ามีไฟปั่นแค่ช่วง 18:00-21:00 ในห้องมีปลั๊กไฟแต่เหมือนไม่ได้ต่อสายไว้ เลยไม่ได้เสียบชาร์จอะไรเลย และไม่มีสัญญานโทรศัพท์ทุกเครือข่าย ตอนกลางคืนเมื่อไฟดับแล้วมันมืดมาก มืดจริงจัง และเงียบมากเช่นกัน แต่ฝนตกตั้งแต่หัวค่ำ จึงนอนฟังเสียงฝนตกไปทั้งคืน อากาศเย็นสบาย หลับได้เต็มอิ่ม

ตรงเรือนพักนี้ห่างจากทุ่งกะมังอีกประมาณ 1 กม. ตอนเย็นเราเลยเดินเล่นไปตามถนน อากาศดี เจอนกยูงเดินอยู่ริมทาง เมื่อเลี้ยวโค้งเข้าสู่พื้นที่ทุ่งกะมังมองเห็นน้องเนื้อทรายอยู่ไกลๆ

“ทุ่งกะมัง” เป็นที่ราบทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว จ.ชัยภูมิ ซึ่งเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงต้องการให้มีการอนุรักษ์สัตว์ป่าและนำสัตว์ป่ากลับคืนถิ่น โดยมีการจัดการทุ่งหญ้าด้วยวิธีการตัด และเผา อย่างเป็นระบบ เพื่อให้เกิดหญ้าระบัดเป็นแหล่งอาหารให้สัตว์ป่า

FB: กรุมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืข

มองเห็นเนื้อทรายจับกลุ่มอยู่ไกลๆ เดี๋ยวเดินอ้อมไปใกล้ๆได้

เนื้อทราย คือกวางชนิดเล็ก มีลักษณะตัวป้อม ขาสั้น ความพิเศษคือสีขนสามารถเปลี่ยนไปตามภูมิอากาศ ชอบอาศัยตามทุ่งหญ้า ป่าโปร่ง ที่มีแหล่งน้ำใกล้ๆ สภาพพื้นที่ทุ่งกะมังแห่งนี้จึงเหมาะเป็นแหล่งอาศัยของเนื้อทราย เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของเนื้อทราย

ที่มา : ทุ่งแสงตะวัน “ทุ่งกะมัง สวรรค์ของเนื้อทราย”

ตื่นเช้ามาอากาศหนาวๆหน่อย ล้างหน้าแปรงฟันแล้วขับรถไปที่ทุ่งกะมังเลย เช้านี้มีหมอกบางๆ เจ้าเนื้อทรายย้ายฝั่งมาเล็มหญ้ายามเช้าฝั่งหน้าเรือนพักกันเต็มไปหมด รอบๆบริเวณมีหอส่องสัตว์อยู่หลายจุด และมีทำเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติไว้ด้วย ได้ยินเสียงนกดังลั่นไปหมด แต่อยู่บนยอดไม้สูงมาก ส่องไม่เจอสักตัว เลยจากบริเวณนี้ไปไม่อนุญาตให้ขับรถเข้าไปอีก แต่ถึงอนุญาตก็ต้องใช้ 4WD เท่านั้นเพราะทางเละมาก

เช้านี้เมฆเยอะ ฟ้าไม่เปิดเลยไม่เห็นพระอาทิตย์ขึ้น แต่อากาศดี เย็นสดชื่น

เจ้าเนื้อทรายออกมากินอาหารเช้ากัน

เข้าใจว่าเป็นพระตำหนักที่ประทับ เพราะหลังใหญ่สวยงามกว่าหลังอื่น เช้าๆเจ้าเนื้อทรายมาอยู่หน้าบ้านเลย

เดินถ่ายรูปจนพอใจก็มานั่งพัก จิบกาแฟ จิบน้ำ สูดอากาศให้เต็มปอดก่อนกลับ

ทางต่อจากนี้ห้ามเข้าก่อนได้รับอนุญาต แต่รถน่าจะต้องพร้อมลุยสุดๆ ด้านซ้ายเป็นเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ

ขึ้นหอส่องสัตว์ดูวิวมุมสูง กับส่องนกกันหน่อย

ออกจากทุ่งกะมังจะกลับบ้านพัก อยู่ดีๆน้องก็วิ่งมาตัดหน้ารถ แล้วหยุดยืนมองหน้าซะงั้น ดังนั้นให้ระวัง ขับรถช้าๆตลอดเวลา

สายๆก็กลับไปอาบน้ำทำอะไรกินรองท้องนิดหน่อยก็รีบกลับ เพราะต้องขับรถกลับกรุงเทพฯ 470 กม. แล้วต้องเผื่อเวลาแวะชาร์จรถอีก กว่าจะถึงกรุงเทพฯก็คงมืดพอดี

ระหว่างทางกลับก็เจอน้องๆเป็นระยะ อย่าลืมขับช้าๆ ระวังน้องๆข้ามถนนด้วยนะ

การมาทุ่งกะมังครั้งแรกน่าประทับใจในความสงบร่มรื่น ได้เห็นเนื้อทรายเดินในธรรมชาติ เดินเล็มหญ้าอย่างมีความสุขเราก็มีความสุขไปด้วย แม้จะไม่ได้เจอสัตว์ใหญ่อื่นๆ ก็ไม่เป็นไร

ออกจากด่านมาถึงถนนคอนสาร-เขื่อนจุฬาภรณ์ ฝั่งตรงข้ามจะมีจุดชมวิวภูเขียว (ทุ่งลุยลาย) อยู่ฝั่งตรงข้าม มองเห็นแนวสันเขาสวยงาม ควรค่าแก่การแวะถ่ายรูป

ยอดเขาตัดราบขนาดใหญ่คือภูผาจิต ในเขต อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์

ถนนเส้นคอนสาร-เขื่อนจุฬาภรณ์เลาะเลียบเขตพื้นที่ป่า ต้นไม้ใหญ่โตร่มรื่น สบายตามากๆ

การจะเข้ามาเที่ยวชมหรือพักค้างคืนต้องติดต่อขออนุญาตไปล่วงหน้า ข้อมูลทางการบอกว่าต้องล่วงหน้า 14 วัน แต่ให้โทรศัพท์ไปคุยกับเจ้าหน้าที่ดู เราติดต่อไปล่วงหน้าแค่ 7 วัน แล้วไปวันธรรมดามีบ้านพักว่างก็เลยขอนอนในบ้านพัก ไม่นอนเต๊นท์ เพราะช่วงที่ไปฝนลงหนักทุกคืน

ดูรายละเอียดและการติดต่อที่ > เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว Phu Khieo Wildlife Sanctuary

ค่าเข้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า
ผู้ใหญ่ 30 บาท / นักเรียน 20 บาท / ชาวต่างชาติ 200 บาท / รถยนต์ 60 บาท / รถหกล้อ 100 บาท

ข้อกำหนดในการเข้าพื้นที่
ปล.1 โปรดนำขยะของท่านกลับไปด้วย
ปล.2 งดนำสัตว์เลี้ยงเข้าพื้นที่
ปล.3 ไม่อนุญาตให้ขับรถจักรยานยนต์ และปั่นรถจักรยานเข้า – ออกพื้นที่
ปล.4 ห้ามนำเครื่องใช้ไฟฟ้าเข้ามาภายในเขตฯ ภูเขียว
ปล.5 สัญญาณโทรศัพท์ใช้ได้เฉพาะเครือข่าย AIS (มีสัญญานบางจุด)

Leave a comment