KUALA LUMPUR, MALAYSIA 2025

KUALA LUMPUR, MALAYSIA 2025

September 2025

ได้กลับมากัวลาลัมเปอร์ | Kuala Lumpur ประเทศมาเลเซีย อีกครั้ง หลังจากทริป มาเลเซีย 3 วันเหนือยันใต้ เมื่อ 10 กว่าปีก่อน คราวนี้มาทำธุระ ที่กัวลาลัมเปอร์ 2-3 วัน ไม่แน่ใจว่าจะได้เที่ยวอะไรมากน้อยแค่ไหน แต่ก็หาข้อมูลที่เที่ยวใกล้ๆเมืองมาด้วย เผื่อมีเวลา

สรุปก็ได้ไปเที่ยวมาบ้าง เพราะการเดินทางสะดวกสบายมากกว่าแต่ก่อนเยอะเลย คราวนี้นึกอยากไปไหนก็หยิบมือถือมากดเรียกรถผ่าน Grab เป็นแอปเดียวกับที่ใช้ในประเทศไทยนั่นแหละ มาถึงมาเลเซียพอเปิดมือถือแล้วมันรู้ว่าเราอยู่มาเลเซีย แอปมันจะอัพเดตข้อมูลเราให้รู้ว่าอยู่มาเลเซียทันที ราคาก็จะเป็น MYR | Malaysian Ringgit ถ้าผูกบัตรเครดิตไว้ก็ใช้ได้ปกติเลย หรือเลือกเป็นเงินสดก็ยังได้ แถมแอปยังเปลี่ยนเป็นรูปแอปมีธงชาติมาเลเซียด้วย เพราะมาตอน Malaysia Day พอดี

วันมาเลเซีย (มลายู: Hari Malaysia; هاري مليسيا‎) ตรงกับวันที่ 16 กันยายนของทุกปี กำหนดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการจัดตั้งสหพันธรัฐมาเลเซียเมื่อวันที่ 16 กันยายน ค.ศ. 1963 เป็นสัญลักษณ์ของการรวมตัวกันระหว่างมาลายา บอร์เนียวเหนือ (ปัจจุบันคือซาบะฮ์) ซาราวัก และสิงคโปร์เพื่อตั้งมาเลเซีย อย่างไรก็ตาม สิงคโปร์ถูกขับออกจากสหพันธรัฐในเวลาไม่ถึงสองปีต่อมา (9 สิงหาคม ค.ศ. 1965)

มีเวลา 2-3 ชม.เช้าวันอาทิตย์ เลยเรียกรถไปไชน่าทาวน์ ตั้งใจไปหาของอร่อยๆกิน กับเดินเล่นถ่ายรูปตึกสวยๆ กราฟฟิตี้เก๋ๆสักหน่อย แต่เพราะเป็นเช้าวันอาทิตย์ (ที่ไม่เช้านัก) รถจอดส่งเราลงหน้าร้าน Ho Kow Hainam Kopitiam ที่ตั้งใจมากิน ก็ต้องตกใจเล็กๆเพราะคนล้นร้านมากๆ แม้ร้านนี้จะโด่งดังมีคนมารอคิวทุกวัน แต่วันนี้มันดูเยอะกว่าปกติ สืบความได้ว่านอกจากเป็นวันอาทิตย์แล้ว ช่วงวันหยุดนี้รัฐบาลมาเลเซียให้เป็นวันหยุดยาวพิเศษไปเนื่องในวันมาเลเซีย หยุดยาว ส.-อา.-จ.-อ. 4 วันกันไปเลย คนจึงแฮปปี้มาก ออกเที่ยวกันคึกคักเลยทีนี้

Ho Kow Hainam Kopitiam อันโด่งดัง คนล้นร้าน อดกินตามระเบียบเวลาไม่มี

Lorong Panggung ซอยที่มีกราฟฟิตี้ตลอดทั้งซอย

ตรอกศิลปะ Kwai Chai Hong

จากร้าน Ho Kow Hainam เดินเข้าซอย Lorong Panggung ข้างๆมา จะมีตรอกเล็กๆเลี้ยวเข้าด้านหลังเหล่าอาคารเก่ามีชื่อว่า ตรอกศิลปะ Kwai Chai Hong มีภาพวาดบนผนังอาคารสวยๆเก๋ๆ เห็นคนมาถ่ายรูปลงโซเชียลกันสวยก็อยากมีบ้าง แต่ไม่สามารถจริงๆวันนี้ เพราะคนเยอะถึงขั้นยั้วเยี้ย เพราะเป็นวันหยุด ถ่ายรูปยากหน่อยแต่ก็พอถ่ายภาพเจาะเอาได้ แต่ว่าไปก็สนุกสนานครึกครื้นดี

Kwai Chai Hong ตรอกเล็กๆที่มีกราฟิตี้สวยๆเก๋ๆ

วันนี้มีประดับตกแต่งลูกโป่งกับธงชาติมาเลเซียด้วย (ธงชาตินี้มีทั้งเมืองแหละเพื่อเฉลิมฉลอง Malaysia Day)

ตรอก Kwai Chai Hong เป็นตรอกตัน และเป็นพื้นที่หลังร้านของร้านอาหาร ร้านกาแฟ

เช้าวันอาทิตย์ที่เป็นวันหยุดยาว คนเยอะแยะยั้วเยี้ยประมาณนี้

Graffiti @Lorong Panggung

ซอย Lorong Panggung เชื่อมต่อถนน Jalan Balai Polis กับถนน Jalan Sultan มีกราฟฟิตี้เก๋ๆตลอดทาง ความจริงตามซอยแยกก็มีอีกเยอะ คนชอบภาพกราฟฟิตี้น่าจะชอบซอยนี้

Kuala Lumpur Old Town

สีแยก Jalan Sultan ตัดกับ Japan Petaling มองเห็นตึกเมอร์เดกา 118 (Merdeka 118)

แนวตึกเก่าในย่านนี้ เป็นสถาปัตยกรรมแนวเดียวกับทางใต้ของประเทศไทย เช่นย่านเมืองเก่าภูเก็ต มีทางเดินกว้าง 5 ฟุต ที่สร้างเชื่อมต่อกันตลอดแนวอาคารที่เดินทะลุผ่านหน้าร้านได้หมดเรียกว่า “หง่อคากี่” ที่เป็นทางเดินหลบแดดหลบฝน ทำให้ไปมาหาสู่กันได้หรือค้าขายได้แม้ฝนจะตก แดดจะออก

Old Kuala Lumpur Street Art on Jalan Petaling

Breakfast Spot Restaurant ร้านสวยมุมถนน Jalan Petalings

หลบร้อนเข้าคาเฟ่จิบกาแฟ

Dayabumi Complex อาคารแบบ modern Islamic สูง 35 ชั้น Facade ประดับธงชาติมาเลเซียเนื่องในวันมาเลเซีย (ซ้าย) / Merdeka 118 เป็นอาคารที่สูงที่สุดในมาเลเซียตั้งแต่ปี 2022 สูง 118 ชั้น ปัจจุบันเป็นตึกระฟ้าที่สูงที่สุดอันดับที่ 2 ของโลก (ขวา)

วันนี้ไม่มีเพื่อนเที่ยวไม่เป็นไร เรียก Grab มารับที่โรงแรมไปเที่ยววัดดังของกัวลาลัมเปอร์ ตามชื่อก็คือวัดถ้ำ ก็ต้องอยู่ในภูเขา แต่ภูเขานี้อยู่ไม่ไกลจากกลางเมืองกัวลาลัมเปอร์เลย อารณ์เหมือนอยู่กรุงเทพฯแล้วมีภูเขาอยู่แถวเมืองนนท์ จากที่พักของเรา Bukit Bintang เรียก Grab นั่งไปแค่ 20 นาทีกับระยะทาง 15.7 กม. ราคา 16 ริงกิต

การเดินทาง : วิธีง่ายและสะดวกสุดคือเรียก Taxi หรือ Grab ไปส่ง ขากลับก็มีรถให้เรียกได้ง่ายเหมือนกันราคาไม่แพง หรือมาด้วยรถไฟ ต้องไปขึ้นรถไฟที่สถานีรถไฟกลาง KL Sentral (จากที่พักก็นั่งรถไฟฟ้าสายใดๆก็ได้ไปที่ KL Sentral) ที่สถานีรถไฟกลางขึ้นรถไฟ KTM ลงสถานี Batu Cave ได้เลย สถานีอยู๋ตรงจุดขึ้นลงรถ Taxi / Grab เลย แต่รอบรถไฟมีไม่มาก เท่าที่เช็คจากเวป https://www.ktmb.com.my/traintime.html มา ช่วงเช้ามีเที่ยวไป 8:41 / 9:21 / 10:16 และเที่ยวกลับ 11:00 / 12:25 / 13:25 ช่วงบ่าย ไปหาดูในเวปเอา ใช้เวลานั่งรถไฟประมาณ 30 นาที

สถานีรถไฟอยู่ติดทางเข้าถ้ำประตู 3 เลย Grab ก็ไปลงตรงจุดขึ้นลงรถ (Drop off Point) ประตูทางเข้า 3 เหมือนกัน เข้าไปเจอทางเข้าถ้ำรามายณะเลย ถ้าจะไปวัดถ้ำบาตูให้เดินไปทางขวาเรื่อยๆ

เรานั่งรถ Grab ไปลงตรงจุดขึ้นลงรถ (Drop off Point) ประตูทางเข้า 3 เดินเข้าประตูมาจะมีคนชี้ๆให้เราเลี้ยวซ้ายเข้าไป มีจุดขายบัตรราคา 15 ริงกิต ซึ่งฝั่งนี้ไม่ใช่ Batu Cave นะแต่เป็น Sri Ramayana Cave ซึ่งเราก็ไม่รู้หรอกชี้มาก็เดินไป ซื้อบัตรแล้วก็เดินเข้าถ้ำไป ถ้ำก็จะประมาณตามรูป ก็สวยงามดีอยู่นะ มีรูปปั้นที่เล่าเรื่องเกี่ยวกับรามายณะ เต็มไปทั้งถ้ำ มีตกแต่งไฟเขียวเหลืองแดง ไม่แพ้ถ้ำในจีน และมีน้ำตกขนาดสูงพอสมควรด้วย ตัวถ้ำสะอาด ทางเดินดี มีบันไดบ้าง มีหลายจุดที่เป็นจุดบูชากราบไหว้ แต่มันคือจุดที่น้ำหยดลงมาเป็นหินงอกหินย้อยนั่นเอง คือถ้ำนี้ยังไม่ตาย หินยังงอกอยู่ เขาก็ล้อมรั้วไว้ มีคนไปกราบไหว้ขอพร วางเงินทำบุญทุกจุด เราเดินจนทั่วแล้วถึงได้เอะใจว่าไม่ใช่วัดที่จะมานี่หว่า แต่ก็ไม่ได้เสียใจที่เข้ามา เพราะก็สวยอยู่ แต่ถ้าใครไม่มีเวลาไม่ต้องเข้าก็ได้ จากสถานีรถไฟหรือจุดลงรถให้ไปทางขวาได้เลย

Hanuman Statue ที่หน้าทางเข้า Sri Ramayana Cave

Sri Maha Mariamman Temple วัดก่อนเข้าถ้ำ

ค่าเข้าถ้ำรามายณะ 15 ริงกิต

กุมภกรรณ (Kumbhakarna) เป็นพี่น้องของทศกัณฐ์ (Ravana) ในเรื่องมหากาพย์รามายณะ เป็นยักษ์ที่มีขนาดมหึมาและมีพละกำลังมาก แต่มีนิสัยอ่อนโยนและใฝ่หาความสงบ เขาได้รับพรจากพระพรหมให้หลับเป็นเวลานานถึง 6 เดือน

,มีน้ำตกอยู่กลางถ้ำด้วยนะ

โถงถ้ำใหญ่โตอลังการอยู่นะ

จุดหินงอกหินย้อยที่ล้อมรั้วไว้ มีคนเข้าไปขอพรแล้ววางเงินทำบุญอยู่หลายจุดในถ้ำ

ไต่บันไดขึ้นมาสูงสุดเป็นโถงถ้ำใหญ่ จัดที่นั่งให้มานั่งพักเมื่อย หรือนั่งสมาธิก็ยังได้

ออกจากถ้ำรามายณะแบบงงๆว่าไม่ใช่ที่ตั้งใจจะมานี่นา แล้วเดินไปอีกฝั่งของภูเขา มีป้ายบอกว่าไป Batu cave ระหว่างทางจะเจอวัด Vishnu Temple ที่มีลิงอยู่เยอะเดินต้องระวังด้วย จากนั้นถัดไปจะเห็นมีทางเข้า Cave Villa มีค่าเข้าชม 5 ริงกิต เราไม่ได้เข้า มาอ่านดูทีหลัง มันแค่เป็นพื้นที่จัดแสดงรูปปั้นต่างๆ มีสวน มีน้ำตก กับมีสวนสัตว์เล็กๆ ใครสนใจก็เข้าไปดู ใครไม่มีเวลาข้ามไปเลย

Vishnu Temple ระหว่าง Ramayana Cave ไป Buta Cave Temple มีเจ้าลิงลงมาหาของกินด้วย

Cave Villa

เดินต่อไปอีกหน่อยเดียว คืออีกด้านของภูเขา ก็จะเห็นรูปปั้นเทพเจ้ามุรุกันองค์ใหญ่ยักษ์ ตามที่เคยเห็นรูป เออ…มันคือที่นี่ ตรงนี้มีประตูทางเข้าใหญ่จากถนน เป็นประตู 1 มีลานจอดรถกว้างที่เต็มไปด้วยรถทัวร์ และรถอื่นๆ แต่ไม่มี Taxi จอดนะ Taxi และ Grab จะไปตรงประตู 3 ตามที่เล่า รถจอดเต็มลานแน่นแล้วตอนเราเดินมาถึง ลานหน้าทางขึ้นวัดถ้ำคนเนืองแน่นเต็มลาน รวมทั้งคนเดินขึ้นบันไดก็มองเห็นเต็มบันไดไปหมด

Batu Cave เป็นถ้ำหินปูนเก่าแก่หลายร้อยปีที่ถูกค้นพบโดยนักสำรวจชาวอเมริกัน ต่อมามีพ่อค้าชาวอินเดีย สังเกตเห็นรูปร่างของถ้ำหลักมีลักษณะคล้ายกับหอกศักดิ์สิทธิ์ของเทพเจ้ามุรุกัน จึงคิดสร้างวัดขึ้นมาในถ้ำ กลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของผู้นับถือศาสนาฮินดูทั้งในประเทศมาเลเซียและที่อื่นๆ

รูปปั้น ‘เทพเจ้ามุรุกัน’ มีความสูง 42.7 เมตร ถือเป็นรูปปั้นพระเจ้ามุรุกันที่สูงที่สุดในโลก

Batu Cave Complex มีวัดเล็กวัดใหญ่อยู่ในพื้นที่ 4-5 วัด เริ่มจากก่อนเดินขึ้นมี Ganesh, Shiva, Shakti Temples (ซ้าย) กับ Sri Subramaniar Swamy Temple (ขวา)

Ganesh, Siva, Shakti Temples

Sri Subramaniar Swamy Temple

ถ่ายรูปลานด้านหน้าแล้วก็เริ่มเดินขึ้นบันได 272 ขั้น เดินสบายๆ เหนื่อยก็หยุดพักหันหลังกลับมามองวิวสวยๆ แล้วค่อยเดินต่อ ด้านบนจะมีวัด จริงๆเป็นสถานที่จัดพิธีกรรมมากกว่า มีอยู่ 2-3 จุด นอกจากนั้นตัวโถงถ้ำก็ธรรมดา แต่เป็นโถงสูงยอดเปิด ทำให้อากาศถ่ายเทได้ดี คนพุทธอย่างเราก็เดินดูทั่วๆ ยกมือไหว้ด้านนอกเอา

บันไดสู่สวรรค์ 272 ขั้น

เดินๆหยุดๆ ถ่ายรูปไปเรื่อย

272 ขั้น ยังไม่ทันเหนื่อย ถึงปากถ้ำเรียบร้อย

Sri Idumban Temple วัดเล็กๆขวามือก่อนเข้าถ้ำ

Sri Velayuthar Swamy Temple เป็น Main Temple ของ Batu Cave

เดินขึ้นบันไดต่อไปที่จุดสูงสุดของถ้ำ

ด้านบนสุดยังมีวัดอีก Sri Valli Theivanai Subramaniyar Sannathi (The Lord Murugan Temple)

Batu Cave เป็นถ้ำที่มีปล่องด้านบน ทำให้มีแสงสว่างลงมาและมีอากาศถ่ายเทได้ดี

Batu Cave เป็นโถงถ้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุด จึงสร้าง Main Temple ไว้ในโถงนี้

ใช้เวลาเดินเที่ยวในถ้ำรามายาณะประมาณ 30 นาที แล้วมาเดินขึ้นลงวัดถ้ำบาตูอีกประมาณ 40 นาที ตอนแรกจะลองนั่งรถไฟกลับรอบ 11 โมงเช้า แต่ด้วยว่าเดินจนร้อนเหงื่อไหลเลยเรียก Grab กลับเหมือนเดิมดีกว่า ต้องเดินกลับไปประตู 3 เพราะลานจอดนี้ไม่ให้ Taxi เข้ามาและรถเยอะมากจนรถติด ขากลับค่า Grab เป็น 18 ริงกิตบวกค่าทางด่วนไปอีก 2 ริงกิตกว่าๆ ทำไมตอนขามาเมื่อเช้าไม่ต้องขึ้นทางด่วนแต่ขากลับต้องขึ้นก็ไม่รู้แฮะ

ทางเข้าใหญ่ที่มีลานจอดรถทัวร์ ถ้าลงรถตรงนี้ก็จะไม่เข้าผิดถ้ำแน่นอน แต่อาจจะกลายเป็นว่าพลาดเข้าถ้ำรามายณะ

Grab พาขึ้นทางด่วนชมวิวได้เห็น Twin Tower กับ KL Tower

มาถึงกัวลาลัมเปอร์แล้วยังไงๆก็ต้องไปถ่ายรูปกับตึกแฝด เหมือนเป็นหนึ่งในสัญญลักษณ์ของเมืองไปแล้ว จากวัดถ้ำกลับมาถึงโรงแรม พรรคพวกเก็บของพร้อมเช็คเอาท์พอดี ฝากกระเป๋าแล้วพวกเราเรียก Grab ไปส่งบอกพิกัดว่า Suria shopping mall (ครั้งก่อนมารถไฟจำได้ว่าจากสถานีมีทางเดินเข้าในอาคารได้เลย) ที่ตึกแฝดนี่เป็นห้างที่ใหญ่มาก ร้านค้า ร้านอาหาร ร้านคาเฟ่ เยอะแยะครบครัน เข้าไปเดินเล่นได้เย็นๆใจ

มื้อเที่ยงนี้เพื่อนคนมาเลเซียพากินข้าวร้านอาหารมาเลเซียชื่อร้าน Little Penang Kafe’ อยู่ชั้น 4 คนรอต่อคิวพอสมควร แต่รอไม่นานก็ได้ที่นั่ง เป็นอาหารจานเดียว หรือเป็นชุด สั่งกันตามชอบ ของเราสั่งเป็นชุดข้าวไก่ทอด มีเครื่องเคียงเป็นผักยำคล้ายผักกรูดยำมาเปรี้ยวหวานอร่อยดี แถมด้วยเกาเหลาลูกชิ้นปลาถ้วยน้อยๆ ชุดนี้กำลังอิ่ม มีสั่งไก่สะเต๊ะมาแกล้มอีกด้วย

อิ่มแล้วเดินเล่นกันนิดหน่อยย่อยอาหาร แล้วลงมาชั้น 1 เดินออกไปที่สวนสาธารณะ KLCC Park ที่ครั้งก่อนพวกเรามาถ่ายรูปตึกแฝดตอนกลางคืน มาคราวนี้มาตอนบ่ายแดดแจ๋ๆกันเลย ร้อนแทบไหม้

Petronas Twin Tower มี Connecting bridge เชื่อม 2 ตึก แต่จาก KLCC Park มองไปจะเห็น 3 Connecting building ชื่อ Oxley Tower ที่มีสะพานเชื่อมต่อ 3 อาคารด้วยกัน คืออาคารสำนักงาน โรงแรม และอาคารพักอาศัย เชื่อม 3 ตึกกันไปเลย

ถ่ายรูปตึกแฝดกันพอใจแล้วก็กลับเข้ามาในตึก ร้านกาแฟ Bacha Coffee 1910 ตรงทางเข้าเลยคือร้านที่หมายตาไว้ เพราะเป็นร้านดัง ร้านกาแฟหรูหราโด่งดังจากโมร็อคโค ที่มีสาขาทั่วโลก ไม่ได้นั่งที่ร้านเพราะคนรอคิวหลายคิวอยู่ เลยเลือกสั่งแบบเอากลับ

ได้มาเป็นชุดหรูหราแบบนี้ มีกาแฟ 1 แก้ว ส่วนในกระปุกเล็กคือครีม ใครชอบก็ตักเอาลงไปคนในกาแฟได้ เราลองแล้วไม่ชอบ แต่จิบกาแฟที่สั่งมาแล้วมันดีจริง สมราคา 26 MYR ก็คือ 200 บาท

Milano Morning Coffee มีรสเปรี้ยวอมหวาน รสออกช็อคโกแลต

ที่พักคราวนี้คือ Parkroyal Collection Kuala Lumpur อยู่ย่าน Bukit Bintang ทำเลดี มีร้านของกินเยอะ มีห้างให้เดินเต็มไปหมด ข้อเสียคือรถติดทั้งวันทั้งคืน โรงแรมจัดอยู่ในระดับ 4 ดาว ห้องใหญ่พอสมควร ห้องอาบน้ำแยกส่วนเปียกแห้งดี ไม่มีอ่างอาบน้ำ ที่นอนสะอาดนอนสบาย (ลืมถ่ายรูปในห้องมา) พนักงานบริการดี ราคารวมอาหารเช้า โซนอาหารเช้าใหญ่ ของเยอะ แต่ส่วนมากเป็นอาหารมาเล เรากินแต่ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา ขนมปังปิ้งสังขยากินคู่ชาสีส้มที่อร่อยเฉย นอกนั้นก็สลัด ขนมปัง อาหารมาเลไม่ได้กินเลย

โรงแรมที่พักของเราอยู่ในละแวก Bukit Bintang ย่านช้อปปิ้งอันคึกคักสุดๆของกัวลาลัมเปอร์ มีห้างสรรพสินค้า ร้านค้า ร้านอาหาร เยอะแยะมากมาย ผู้คนคึกคักทั้งกลางวันกลางคืน โดยเฉพาะกลางคืนมีร้านเหล้าผับบาร์เรียงรายไปตามถนน ใครมาพักแถวนี้ก็ไม่ต้องห่วงเรื่องอาหารมีร้านเปิดจนดึกดื่นมากมาย ถึงแม้รถจะติดมาก แต่ก็มีทางเลือกคือรถไฟฟ้าสายสีเขียวแก่ KGL หรือสีเขียวอ่อน MRL ที่สถานีบูกิตบินตัง

ยิ่งดึกคนยิ่งเยอะ

สี่แยกบูกิตบินตัง Bukit Bintang Section พอคนเดินข้ามพร้อมกันเหมือนแยกชิบูย่าเลยนะเนี่ย

https://fb.watch/Cfu_VzCoXp

ร้านอาหารที่เพื่อนมาเล แนะนำว่าควรมากิน เป็นร้านซีฟู๊ด อารมณ์เหมือนไปสิงคโปร์ต้องไปกินร้านจัมโบ้ มีหลายสาขา (Google map มี 8 สาขาในกัวลาลัมเปอร์ กับอีก 1 สาขาที่มะละกา) แต่ที่เราไปคือ สาขาในห้าง Pavilion เดินจากที่พักไปได้ มีคนรอคิว 5-6 คิว ก็รอไม่นานมาก เมนูเด็ดคือปู ที่มีให้เลือก 3 ขนาด XL, XXL, 3XL แล้วจะผัดแบบไหนก็เลือกเอา กับเมนูอาหารทะเลอื่นๆอย่างกุ้ง ปลา หอย อะไรพวกนี้

มื้อนี้เป็นมื้อเย็นมื้อแรกที่มาเลเซีย พวกเราเดินกันมาอย่างหิวโหย จึงสั่งกันไม่ยั้งจัดไป 5 อย่าง มีปู, กุ้ง, หอยเชลล์, ซุปหอย, เต้าหู้ แล้วร้านมันบอกแถมกุ้งให้อีกจาน กินเกือบไม่หมด รวมข้าว น้ำ แล้วราคารวม 510 MYR เราใช้บัตรเครดิตที่กำลังเป็นกระแสโด่งดังในไทยว่าคนแห่ยกเลิกเพราะปรับสิทธิประโยชน์ลงอย่างฮวบฮาบ รวมทั้งปรับอัตราการแลกไมล์สะสมด้วย บัตรนั้นแหละเอามาพอดี บัตรนี้ลดได้ 20% ลดแล้วเหลือจ่าย 414 MYR ตกสามพันกว่าบาท หารกัน 4 คนเหลือคนละ 700 กว่าบาทถือว่าไม่แพงนะเราว่า

มีขนาดของปูมาให้เลือกพร้อมเมนู 3XL ทุบแตกไปแล้วเพราะหมดแล้ววันนี้พวกเราเลยเลือก 2XL / อุปกรณ์การกินปู คือถุงมือซองให้มาคนละหลายซองเลย พร้อมที่บีบ

Creamy Salt Egg Crab (XXL) ปูผัดซ็อสไข่เค็มนั่นเอง ปูสดและดี เนื้อหวาน ซ็อสไข่เค็มอร่อยดี (268 MYR)

Oat Tiger Prawn เหมือนกุ้งซีเรียลของสิงคโปร์แต่ไม่อร่อยเท่า (68 MYR)

Tiger Prawn Boiled with Chinese Wine (free)! กุ้งแถมฟรีอร่อยซะงั้น น้ำจิ้มก็ดี เปรี้ยวเผ็ดหวาน

Steam Scallop with Ginger Garlic & Chili จานนี้ธรรมดา (32 MYR)

Laila Soup (S) ซุปหอยนี้อร่อยดี หอยสด ซดซุปตอนร้อนๆอร่อยมาก (28 MYR)

Fried Oat with Seafood Tofu เตาหู้ทอดสอดไส้ทะเล อร่อยพอได้ (22 MYR)


ท่าอากาศยานนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ | Kuala Lumpur International Airport [KLIA]

สนามบินหลักของประเทศมาเลเซีย KLIA อยู่ห่างจากตัวเมืองกัวลาลัมเปอร์ประมาณ 50 กิโลเมตร เป็นสนามบินระหว่างประเทศสำหรับสายการบินหลักๆ เช่น Malaysia Airline หรือ Thai Airways โดยมีอาคารหลัก KLIA กับ Satellite ที่เชื่อมต่อกันด้วยรถไฟ สมัยสิบปีก่อนใครบิน Air Asia ก็จะบินไปลงสนามบิน Low Cost Carrier Terminal [LCCT] ซึ่งเป็นสนามบินสายการบินต้นทุนต่ำ ซึ่งปัจจุบัน LCCT ได้ปิดไปแล้ว แต่ได้สร้างอาคารใหม่ในชื่อ KLIA2 ก็คือสนามบิน KLIA Terminal 2 นั่นเอง โดยสายการบินต้นทุนต่ำเช่น Air Asia, Jet Star, Malindo Air หรือ Tiger Air ก็จะใช้ Terminal 2 นี้ ดังนั้นตอนจองตั๋วให้ดูดีๆ การเดินทางจาก KLIA1 <-> KLIA2 ใช้ Shuttle bus (Free) หรือรถไฟ KLIA Express/Transit (Fee) ซึ่งต่อเข้าเมืองไปถึง KL Sentral ได้ด้วย แต่ถ้าเลือกใช้ Taxi ก็ไม่มีปัญหาเรียกที่อาคารไหนก็ได้

ความประหลาดของสนามบิน KLIA คือ ผู้โดยสารขาเข้าและขาออกด้านใน (ขาออกหลังผ่านตม. ขาเข้าก่อนออกตม.) จะเดินปะปนกันได้เลย เพราะแต่ละ Gate สามารถใช้เป็น Arrival Gate หรือ Departure Gate ได้ เช่นเราเดินลงเครื่องเข้าสนามบินจาก Gate C2 แต่เพื่อนคุณอาจจะกำลังต่อแถวเพื่อจะขึ้นเครื่องขาออกที่ Gate C1 คุณสามารถไปทักทายแม้แต่เอาของฝากไปให้ยังได้ (มีการตรวจสแกนก่อนขึ้นเครื่อง) ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกับสนามบินสิงคโปร์

ARRIVAL

ขามาเลือกใช้ Malaysia Airlines บินจากสนามบินสุวรรณภูมิมาลง KLIA1 เครื่อง Boeing 737-800 นั่งสบายใช้ได้ มีอาหารให้ 1 มื้อ อร่อยดี แต่เสิร์ฟช้ามาก เราไม่ได้เครื่องดื่มและกาแฟด้วยซ้ำ แอร์มาเดินเก็บถาดแล้ว บนเครื่องมี Wifi ให้เล่น และ Entertainment ทั้งหมดต้องเอามือถือเราเชื่อมต่อกับ Wifi แล้วเลือกดูเอา เพราะไม่มีจอให้ดู

DEPARTURE

เที่ยวกลับเลือก Batik Air ออกจาก KLIA1 แต่ลงสนามบินดอนเมือง สบายใกล้บ้าน เครื่อง Boeing 737-800 เหมือนขามา ไม่มีอะไรเสิร์ฟ ตามแบบสายการบินต้นทุนต่ำ มีรถเข็นขายให้เลือกซื้อตามปกติ ที่นั่งสบายใช้ได้ มีจอที่เก้าอี้แต่ไม่ได้กดดู เพราะหลับ

🟥 การเข้าประเทศมาเลเซียสำหรับนักท่องเที่ยวให้ไปทำ Visa on arrival online ได้ที่ link imigresen-online.imi.gov.my

VOA ส่งมาให้ทาง Email หรือ Download เอาจากเวป เซฟใส่มือถือไว้ก็ดีนะ แต่ตอนเราไปเขาไม่ได้ขอดู

Leave a comment