อิสราเอล-ปาเลสไตน์ ทำไมต้องสู้กัน

เรื่องเล่าที่พยายามให้สั้นแต่ดันยาว

เมื่อวานนี้มีข่าวดี รัฐบาลอิสราเอล กับ ผู้นำฮามาส บรรลุข้อตกลงหยุดยิง หลังยิงถล่มกันไปมา 11 วัน ซึ่ง 11 วันนี้มันแค่ปลายขี้เล็บของสงครามหลายสิบปี คือสู้กันมานาน สู้ๆหยุดๆ และในอนาคตก็คงสู้กันอีก ยังมองไม่เห็นทางออกได้เลย แต่ตอนนี้ยอมหยุดยิงได้กี่วัน กี่เดือน กี่ปี ก็ยังดี

ทำไมถึงสนใจอิสราเอล ก็เพราะเป็นสถานที่สนใจอยากไปเที่ยวมานานแล้ว เพราะตอนเด็กๆเคยดูรายการท่องเที่ยวที่พาไปเที่ยวกรุงเยรูซาเล็ม ทำให้อยากไปเห็นกำแพงร้องไห้ (Wailing Wall) สถานที่สำคัญของชาวยิว อยากไปเห็น โดมทอง (Dome of the Rock) มัสยิดอัลอักซอ (Al-Aqsa Mosque) สถานที่สำคัญของชาวมุสลิม อยากไปเห็น โบสถ์แห่งสุสานศักดิ์สิทธิ์ (Church of the Holy Sepulchre) สถานที่สำคัญของชาวคริสต์ แต่ก็ยังไม่ได้ไปจนถึงวันนี้ ได้ฟังแต่ข่าวว่ามีสงครามในอิสราเอลอยู่ประปรายตลอดมาหลายสิบปี ตอนเด็กไม่รู้จักความเป็นมาเป็นไปของอิสราเอล พอโตขึ้นก็รู้มากขึ้น จะสรุปสั้นที่สุดเท่าที่จะย่อได้เอาไว้สักหน่อย เผื่อใครอยากรู้เหมือนเรา

อิสราเอลกับฮามาสคือใคร? สู้กันทำไม? ชาวอิสราเอลก็คือชาวยิวนั่นเอง ส่วนฮามาสคือพรรคการเมืองที่ปกครองเขตแดนปาเลสไตน์ แล้วทะเลาะอะไรกัน? ง่ายๆเลยคือแย่งแผ่นดินกัน ถามว่าแล้วใครเป็นเจ้าของแผ่นดินตรงนั้น? แล้วใครมาแย่ง? อันนี้ต้องทำความเข้าใจกันเยอะเลย พยายามสรุปสั้นๆตามนี้

รูปประกอบ จากเวป BBC

ก่อนอื่นเลยคือพื้นที่ตรงนั้นสำคัญยังไงถึงต้องแย่งกัน

จุดสำคัญจริงๆของอิสราเอลคือ เมืองเยรูซาเล็ม เพราะมีถึง 3 ศาสนาอ้างความเป็นเจ้าของพื้นที่ว่ามีความสำคัญเกี่ยวเนื่องกับความเชื่อและศาสดาของตัว ถ้าให้กำหนดเฉพาะเจาะจงลงไปอีกก็ต้องเป็น เนินพระวิหาร “Temple Mount” เนินเขากลางเมืองเก่าเยรูซาเล็ม

ชาวยิวเชื่อว่าบริเวณนี้คือพื้นที่ตามพันธะสัญญาที่พระเจ้ามอบให้พวกตน ตามเรื่องราวของ ”โมเสส” ผู้ที่ถูกเลือกจากพระยะโฮวา ให้มาเป็นผู้นำปลดแอกชาวยูดาย (ชาวยิวนับถือศาสนายูดาย) โมเสสพาชาวยิวเดินทางจากอิยิปต์ข้ามทะเลแดงหนีกลับมาที่นี่ ชาวยิวเชื่อกันว่าบริเวณเนินพระวิหารเป็นสถานที่สำคัญมากๆเพราะเป็นจุดแรกที่พระเจ้าสร้างโลก

ส่วนชาวมุสลิม เชื่อว่าพระศาสดามูฮัมหมัดเสด็จขึ้นสู่สรรรค์ที่นี่ มีแผ่นหินที่พระองค์ได้เหยียบเพื่อขึ้นสู่สวรรค์อยู่ที่เนินพระวิหารด้วย นครเยรูซาเล็มจึงเป็นนครศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่สาม รองมาจากนครเมกกะและกรุงเมดินา

ส่วนผู้นับถือศาสนาคริสต์ก็ถือว่ากรุงเยรูซาเล็มมีความสำคัญต่อศาสนาคริสต์มากเช่นกัน เพราะพระเยซูถูกตั้งข้อกล่าวข้อหาและตัดสินโทษประหารชีวิตที่นี่ และพระองค์ต้องเดินแบกไม้กางเขนไปตามถนนในเมืองเยรูซาเล็มนี้สู่แดนประหารที่เนินเขา และถูกตรึงกางเขนจนสิ้นพระชนม์ พระองค์ได้เสด็จสู่สวรรค์ที่เนินมะกอก พร้อมคำสัญญาว่าจะเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่ง

ผู้ศรัทธาทั้งหลายจึงมุ่งกันมาที่นี่เพราะถือว่าใกล้สวรรค์ใกล้พระเจ้าที่สุดแล้ว ว่าแต่พื้นที่แห่งนี้เป็นมาเป็นไปยังไง ก็ต้องย้อนความไปกันถึงพันปีก่อนคริสตกาลเลย มีชุมชนที่อาศัยอยู่ในแถบนี้ กระจัดกระจายกันไป และสมัยก่อนนั้นแต่ละชุมชนก็มีความเชื่อ มีศาสดาที่นับถือกันไปหลากหลายองค์ ยังไม่มีการแบ่งเขตพื้นที่เป็นประเทศด้วยซ้ำ มีแต่การเข้ายึดครองเป็นอาณาจักรต่างๆ พื้นที่บริเวณกรุงเยรูซาเล็มและพื้นที่โดยรอบ โดนคนเข้ามาผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันปกครองเยอะมาก สลับกันไป มียุคที่ผู้ปกครองนับถือศาสนายูดายก็มีการสร้างพระวิหาร แล้วสลับเป็นผู้ศรัทธาพระคริสต์ก็สร้างโบสถ์ แล้วก็มาเป็นอาหรับมุสลิมก็สร้างมัสยิด สลับไปสลับมากว่าสองพันปี ผู้คนที่อยู่อาศัยก็สลับสับเปลี่ยนโยกย้ายถิ่นฐานกันหลายรอบ ชาวยิวก็เคยอยู่แถบนั้นจริง แต่ก็แตกกระสานซ่านเซ็นไปที่ต่างๆ จนอาณาจักรยุคสุดท้ายพื้นที่บริเวณนั้นอยู่ในการปกครองของจักรวรรติออตโตมัน ผู้อยู่อาศัยหลักคือชาวมุสลิมอาหรับ ซึ่งเรียกพื้นที่แถบนั้นว่า ปาเลสไตน์ ชาวพื้นเมืองที่อยู่อาศัยในแถบพื้นที่นี้ก็เลยเรียกว่าชาวปาเลสไตน์นะ แล้วก็เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ขึ้น

สงครามโลกครั้งที่ 1 เริ่มต้นในปี ค.ศ. 1914 จบในปี ค.ศ. 1917 ฝ่ายพันธมิตรชนะสงคราม ปัญหาเริ่มเกิดก็ตอนนี้แหละ เพราะอังกฤษได้ยึดครองพื้นที่บริเวณปาเลสไตน์ทั้งหมด แล้วดันบอกยกที่ตรงนั้นให้ชาวยิว ตามที่สัญญากันไว้ว่าให้ช่วยทำสงครามถ้าชนะจะยกที่ให้ ชาวยิวก็เลยเฮละโลกันเข้าไปในพื้นที่ตามพันธะสัญญาสมการรอคอย แต่ปัญหาคือมันไม่ใช่ที่ว่างที่ร้าง มันมีชาวปาเลสไตน์อาศัยอยู่แล้ว ชาวปาเลสไตน์ก็คงจะงงว่าอะไรวะ อังกฤษมายกที่เราให้คนอื่นมาแย่งที่อยู่ได้ไงวะ ก็ไม่พอใจแหละ แต่ชาวยิวไม่สนใจ ทำการระดมเรียกพี่น้องชาวยิวจากทั่วโลกให้ย้ายกลับมาพื้นที่ของเรา ชาวยิวก็เริ่มย้ายกันเข้าไปอยู่ปะปนกับชาวปาเลสไตน์ แล้วก็กระทบกระทั่งกันตลอดเพราะความต่างกันทางศาสนา ชาวยิวเริ่มมากขึ้นๆแถมถืออำนาจว่าอังกฤษยกที่ให้พวกตนด้วย อยู่ๆสู้ๆกันไป ก็เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 มาอีก

ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เนี่ย ชาวยิวหนีตายจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กลับมาในพื้นที่ปาเลสไตน์อีกมากมาย วันดีคืนดีก็เลยประกาศว่าพื้นที่แถบนี้ทั้งหมดเป็นของพวกเรา ชักธงชาติขึ้นไปเลยจะตั้งเป็นประเทศ แต่ทำไปทำมาก็ได้แค่การยอมรับว่าเป็นแค่ สาธารณรัฐอิสราเอล ชาวปาเลสไตน์ก็งงเว้ย ไรวะ มาแย่งที่อยู่แล้วยังขึ้นทะเบียนบ้านเฉยเลย ช่วงหลังชาวยิวมีจำนวนเยอะกว่าด้วย พยายามกดดันขับไล่ชาวปาเลสไตน์ออกไปทั้งทางตรงทางอ้อม ก็เลยเกิดเป็นสงครามกระทบกระทั่งกันไปมา ร้อนถึงสหประชาติเลยต้องเข้ามาไกล่เกลี่ยว่า อย่าทะเลาะกันให้แบ่งๆกันอยู่ ในปี 1947 UN ก็เลยเรียกมาคุยกัน มีการแบ่งพื้นที่ให้ต่างคนต่างอยู่นะ หลักๆคือปาเลสไตน์ได้พื้นที่บริเวณฉนวนการ์ซ่าที่ติดกับอิยิปต์แล้วก็พื้นที่เขตเวสต์แบงค์ที่ติดกับจอร์แดน กับเมืองเล็กเมืองน้อยอีกนิดหน่อย ที่เหลือก็เป็นกรรมสิทธิ์ของชาวยิวเป็นอิสราเอลไป ยกเว้นกรุงเยรูซาเล็ม เพราะมีเรื่องความศรัทธาเข้ามาเกี่ยวด้วย เถียงกันไม่เลิกว่าเป็นของใคร ก็ให้อยู่ร่วมกันไปแล้วกัน ชาวยิวก็พอจะยอมเพราะได้พื้นที่เยอะ แต่ชาวปาเลสไตน์ไม่ยอมนะ ฉันอยู่กันดีๆมาโดนแบ่งพื้นที่ก็เลยฮึดฮัด แต่เอาจริงๆชาวยิวก็ยังไม่พอใจเหมือนกันเพราะหลักๆแล้วต้องการยึดกรุงเยรูซาเล็ม อย่างที่บอกว่าก่อนอังกฤษจะเข้ามา พื้นที่นี้เป็นพื้นที่อยู่อาศัยของชาวมุสลิมอาหรับคือชาวปาเลสไตน์ บนเนินพระวิหารมีสิ่งก่อสร้างสำคัญของชาวมุสลิมอยู่คือโดมทองกับมัสยิดอัลอักซอ พื้นที่บริเวณนี้จึงเป็นเขตพื้นที่ของชาวมุสลิม ชาวยิวต้องการพื้นที่ตรงนั้นเพราะอ้างว่าบริเวณโดมทองนั้นสมัยพันปีก่อนโน้นเคยเป็นพระวิหารศักดิ์สิทธิ์ของชาวยิวแต่โดนชาวอาหรับทำลายทิ้งแล้วสร้างโดมทองทับที่เรา เราต้องการที่คืนพวกเราจะสร้างพระวิหารของเราขึ้นในที่ศักดิ์สิทธิ์นี้ตามเดิม เนี่ย มันคืออย่างนี้ ถึงตีกันไม่เลิก

ต้องเล่าต่อว่าหลังจากแบ่งพื้นที่ให้แล้วในตอน ค.ศ. 1948 ชาวปาเลสไตน์ก็ยังไม่พอใจก็เลยรวมตัวกับชาวมุสลิมอาหรับด้วยกัน อย่างอิยิปต์ จอร์แดน อิรัค อิหร่าน เลบานอน ทำสงครามกับอิสราเอลจะเอาพื้นที่คืน แต่ชาวยิวนี่เก่งพอตัวแถมมีประเทศยักษ์ใหญ่อย่าง อังกฤษ อเมริกา หนุนหลัง ชาวปาเลสไตน์และเพื่อนมุสลิมอาหรับก็เลยแพ้ ทีนี้อิสราเอลเลยยึดพื้นได้เพิ่มไปอีก จนปาเลสไตน์เหลือแค่ฉนวนการ์ซ่ากับเวสต์แบงค์ ก็อยู่กันต่อไปแบบสงบบ้างไม่สงบบ้างไปอีกสักพัก ยังมีชาวปาเลสไตน์ที่ยังอยู่อาศัยปะปนกับชาวยิวในพื้นที่อิสราเอลอยู่พอสมควร ซึ่งก็โดนกดขี่ขับไล่ตลอดมา พอปี 1967 ปาเลสไตน์ก็เลยรวมพลกับเพื่อนอาหรับเข้าไปสู้กับอิสราเอลอีก คราวนี้เจ๊งหนักไปอีก สู้กันแค่ 6 วัน โดนอิสราเอลยึดหมดเลย ชาวปาเลสไตน์ที่อยู่ในฉนวนการ์ซ่าก็เลยโดนอิสราเอลเข้ามาคุม แถบเวสต์แบงค์และกรุงเยรูซาเล็มก็โดนอิสราเอลเข้าไปคุมเหมือนกัน เรียกสงครามครั้งนั้นว่าสงคราม 6 วัน

ปี 1993 มีเหตุการณ์สำคัญขึ้นมาอีกคือ สนธิสัญญาออสโล มีการลงนามสงบศึกกันอีกรอบ แบ่งพื้นที่ควบคุมกันใหม่อีก โดยอิสราเอลยอมถอนกำลังออกจากฉนวนการ์ซ่าให้ชาวปาเลสไตน์ปกครองตนเองได้(อย่างจำกัด) ส่วนเวสต์แบงค์เนี่ยมีการแบ่งเขตปกครองยิบย่อยไปอีกเพราะ ตอนนั้นมีชาวยิวเข้าไปตั้งรกรากอยู่ปะปนกับชาวปาเลสไตน์มากมาย (จากที่อิสราเอลชนะสงคราม 6 วันนั่นไง เลยเข้าไปควบคุมพื้นที่ คนยิวเลยเข้าไปสร้างบ้านกันอยู่มากมาย) สรุปคือบางพื้นที่มีคนปาเลสไตน์อยู่ก็เป็นพื้นที่ของปาเลสไตน์ไปเช่นเมืองเบธเลเฮม แต่พื้นที่ๆมีชาวยิวไปสร้างหมู่บ้านอยู่ซะแล้วก็ให้เป็นพื้นที่อิสราเอลไปซะ คนลงนามของปาเลสไตน์คือ ยัสเซอร์ อาราฟัต ผู้นำองค์กรปลดปล่อยปาเลสไตน์ (PLO) ในตอนนั้น ก็คือต้องการความสงบล่ะนะ แต่ก็มีฝ่ายสุดโต่งที่ไม่พอใจว่า เฮ้ยยย ทำไมไปยอมเขาวะ จริงๆพื้นที่แถบนี้เคยเป็นของปาเลสไตน์ทั้งหมดด้วยซ้ำ โดนแบ่งพื้นที่ให้อิสราเอลไปแล้ว คราวนี้ยังมาโดนแบ่งพื้นที่ในเวสต์แบงค์ไปอีก บลาๆๆๆ ฝ่ายสุดโต่งเลยตั้งพรรคขึ้นมาชื่อว่า พรรคฮามาส พอจัดเลือกตั้งใหม่ พรรคฮามาสก็ชนะ เพราะชาวปาเลสไตน์เริ่มรู้สึกว่า ไม่อยากยอมชาวยิวอีกแล้ว คราวนี้แหละ พรรคฮามาสก็เลยสู้กับอิสราเอลเรื่อยมา โดยอิสราเอลและประชาคมโลกเรียกพรรคฮามาสว่าผู้ก่อการร้ายเพราะเป็นพรรคการเมืองที่มีกองกำลังติดอาวุธอ่ะนะ แต่เอาจริงปาเลสไตน์เป็นรัฐเล็กๆที่ไม่มีกองทัพนะ ฮามาสเขาก็คิดว่ากองกำลังของเขาก็เอาไว้ป้องกันรัฐของตัวเอง ถ้าไม่มีอาวุธแล้วอิสราเอลบุกเข้ามายึดพื้นที่อีกจะทำยังไงล่ะวะ

ความบรรลัยเพิ่มหนักไปอีกในยุคปธน.ทรัมป์ ที่พยายามจะหนุนหลังอิสราเอลในการยึดกรุงเยรูซาเล็ม โดยประกาศย้ายสถานฑูตอเมริกาจากกรุงเทลาวีฟที่เป็นเมืองหลวงของอิสราเอลไปที่กรุงเยรูซาเล็ม ประมาณว่ายอมรับให้อิราเอลสถาปนากรุงเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงแทนกรุงเทลาวีฟซะ แต่ทั่วโลกไม่มีใครเขาเอาด้วยนะ มีแต่ทรัมป์นี่แหละ ก็เลยเหมือนเป็นตัวเพิ่มความร้าวฉานเพิ่มไปอีก ไปยุ่งอะไรกับเขาว๊าาาา ทรัมป์!!
สรุปเรื่องปัจจุบันไว้อีกหน่อย คือทางพฤตินัยแล้วอิสราเอลก็ควบคุมพื้นที่ในเขตเวสต์แบงค์ไว้เกือบหมด รวมทั้งกรุงเยรูซาเล็มด้วย แต่ก็ควบคุมแบบประดักประเดิดเล็กน้อย เพราะก็ยังมีชุมชนชาวปาเลสไตน์อยู่ ซึ่งสนธิสัญญาออสโลก็ตกลงกันแล้วว่าให้เป็นพื้นที่ดูแลของปาเลสไตน์ แต่ก็ยังมีชาวยิวไปเที่ยวไล่ที่ชาวปาเลสไตน์อ้างสิทธิ์ว่าที่ตรงนี้สมัยดึกดำบรรพ์เป็นของชาวยิวนะพวกแกออกไป (เฮ้ย!แบบนี้ก็ได้เหรอ) ซึ่งรัฐบาลกับศาลอิสราเอลก็ตัดสินเข้าข้างชาวยิวน่ะซิ ตรงนี้เรางงว่า พื้นที่ในการดูแลของปาเลสไตน์มันกระจัดกระจายเป็นหย่อมๆแล้วจะดูแลยังไงวะ แถมชุมชนปาเลสไตน์ที่ใหญ่สุดดูเป็นปึกแผ่นสุดก็คือพื้นที่ฉนวนการ์ซ่า ไกลโพ้นโน่น มันจะไปดูแลชาวปาเลสไตน์ได้ยังไง (ความจริงในเวสต์แบงค์สนธิสัญญาบอกให้จอร์แดนช่วยดูแลแทน แต่ก็นะจะไปดูแลอะไรมากนักไม่ใช่พลเมืองของตัวเอง) ส่วนกรุงเยรูซาเล็มที่ไม่ว่าจะมีการเจรจาสันติภาพกันกี่ครั้งก็ตกลงกันว่าไม่มีใครเป็นเจ้าของสิทธิ์ขาด พื้นที่ศาสนสถานของศาสนาใดก็เป็นที่ของผู้ศรัทธาของศาสนานั้นเข้าไปทำพิธีกรรม แต่เอาจริงอิสราเอลก็ไม่ยอม จะยึดเยรูซาเล็มให้ได้ ล่าสุดคือ กองกำลังอิสราเอลได้บุกเข้าไปในมัสยิดอัลกักซอ ขับไล่ชาวปาเลสไตน์ออกมา อ้างเหตุเรื่องการควบคุมโควิด ก็เลยเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต คราวนี้พรรคฮามาสที่มีฐานที่ตั้งอยู่ที่ฉนวนการ์ซ่าเลยยอมไม่ได้ ประชาชนชาวปาเลสไตน์ของเราโดนทำร้าย ก็เลยยิงขีปนาวุธใส่อิสราเอล อิสราเอลก็เลยยิงกลับ คราวนี้ก็เลยยิงถล่มกันไปมา คนเดือดร้อนคือประชาชน เฮ้อ….. ผ่านไป 11 วันยอมตกลงหยุดยิง ซึ่งก็ไม่รู้จะหยุดไปนานแค่ไหน จะสงบจริงเมื่อไหร่ แล้วชีวิตนี้เราจะได้ไปเที่ยวเยรูซาเล็มมั๊ย

พยายามสรุปสั้นที่สุดแล้วได้เท่านี้ ความจริงมันมีรายละเอียดอีกเยอะมาก นี่อ่านมาหลายบทความ ดูมาหลายคลิป ฟังมาหลายพอดแคสต์ มึนมาก ซับซ้อนมาก ถ้ามีผิดตรงไหนติติงได้นะ งงมากจ้า