Trip: Vientiane – Luangprabang 2001
เที่ยว เวียงจันทน์ – หลวงพระบาง ๒๕๔๔

ทริปลุยลาวครั้งแรก อยากรู้จักเมืองเด่น 2 เมืองคือ เมืองหลวง เวียงจันทน์ กับเมืองมรดกโลก หลวงพระบาง ก็เลยซื้อตั๋วเครื่องบินไป-กลับ กรุงเทพ-เวียงจันทน์ บินโดยสายการบินลาว เครื่องเล็กกระทัดรัด แอร์โฮสเตสก็พริ้มเพราเอาการ พูดจาภาษาลาวน่ารักน่าชัง ทักทายผู้โดยสาร สบายดี ที่แปลว่าสวัสดี ภาษาลาวคล้ายภาษาไทยอิสานมากๆ ขนาดเราเป็นคนภาคกลางก็ยังฟังพอรู้เรื่องเลย ตัวหนังสือก็ไม่ยาก ที่เห็นตัวยึกยือเพราะเราไม่คุ้นตาเฉยๆ ไปเที่ยววันเดียวก็พอสะกดคำได้แล้ว เป็นการเที่ยวเมืองนอกที่เที่ยวง่ายจริงๆ เงินลาวใช้เงินกีบ แต่หลายที่ก็รับเงินบาท อัตราแลกเปลี่ยน 1 บาทประมาณ 230 ลาวกีบ
໑ | ໜຶ່ງ
การบินลาวไม่บินตรงหลวงพระบาง แต่บินจากกรุงเทพไปลงสนามบินวัดไต ที่ มหานครเวียงจันทน์ เมืองหลวงของสปป.ลาว จากที่นี่จะเดินทางไปหลวงพระบางนั่งรถบัสไปได้แต่เสียเวลาเป็นวัน พวกเราก็เลยเลือกบินในประเทศต่อไปทันที ออกจากอาคารผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ มาอาคารผู้โดยสารขาออกภายในประเทศที่อยู่ติดๆกัน ใกล้ในระยะเดินไม่เกิน 10 นาที สนามบินสภาพเหมือนสถานีรถประจำทางบ้านเราเลย ไม่ได้ดูถูกดูแคลน แต่ประเทศลาวล้าหลังกว่าไทยไปหลายปีมากจริงๆ



ຫຼວງພຣະບາງ | หลวงพระบาง
บินต่อไปอีกไม่นานก็มาถึงสนามบินหลวงพระบาง ติดต่อรถไว้แล้ว เพราะมากัน 4 คน หารค่ารถกันกำลังดี ก็เลยสบายมีคนมารอรับ พาไปที่พักก่อนเลย จากนั้นก็ออกเที่ยวกันเลยบ่ายนี้

รถพาไปแวะวัดแรกคือ วัดวิชุน เป็นวัดเก่าแก่ที่สุดของเมืองหลวงพระบาง ภาพคุ้นตานักท่องเที่ยวน่าจะเป็น เจดีย์รูปทรงกลมคว่ำมองเหมือนแตงโม เรียกว่า พระธาตุหมากโม เป็นเจดีย์ที่สร้างขึ้นโดยพระมเหสีของพระเจ้าวิชุนราช ส่วนตัววัดวิชุน ก็ตั้งชื่อตามผู้สร้างคือ พระเจ้าวิชุนราช แห่งอาณาจักรล้านช้าง




วัดต่อไปที่ใครไปใครมาเมืองหลวงพระบางก็พูดกันว่า ถ้าไม่มาวัดนี้ก็เหมือนมาไม่ถึงหลวงพระบาง นั่นคือ วัดเชียงทอง เป็นวัดหลวงประจำราชวงศ์ล้านช้าง ภาพคุ้นตาที่วัดเชียงทองคือ สิมวัดเชียงทอง ที่มีหลังคาซ้อน 3 ชั้น แบบล้านช้าง ที่ผนังด้านหลังเป็นรูปต้นทองประดับกระจก อีกจุดถ่ายรูปที่ต้องไม่พลาดคือ โรงราชรถ อยู่ใกล้ๆกับสิม ผนังทางเข้าแกะสลักลวดลายทาสีทอง ถ้าช่วงแสงส่องเข้าจะสวยมาก ด้านในมีราชรถพระโกศของเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวัฒนาเก็บไว้









โรงราชรถ วัดเชียงทอง
บ่ายแก่ๆได้เวลาขึ้น เขาพูสี เพื่อขึ้นไปนมัสการ พระธาตุพูสี ต้องเดินขึ้นบันไดไปยอดเขา 328 ขั้น ทางขึ้นอยู่ฝั่งตรงข้ามกับพระราชวังหลวงพระบาง หรือ หอคำ พวกเราเดินขึ้นไปด้านบนแวะหยุดพักเป็นระยะๆ จะว่าเหนื่อยก็ไม่เชิง มีนักท่องเที่ยวเดินขึ้นมาพร้อมกันหลายชาติหลายภาษา ขึ้นมาถึงยอดเขาที่เข้าไปไหว้พระใน วัดจอมสี ที่มีพระเจดีย์สีทองเป็นสัญญลักษณ์ก่อน แล้วก็ออกมาเดินชมวิว จากบนนนี้มองเห็นโค้งแม่น้ำคาน ถนนสีสว่างวงศ์ ถนนสายหลักของหลวงพระบาง เดินหาทำเลเหมาะในการรอแสงสวยๆยามพระอาทิตย์ตก ยิ่งเย็นคนยิ่งเยอะ เพราะจุดชมพระอาทิตย์ตกมีจุดเดียวนี่แหละ แต่ดวงไม่ดีเท่าไหร่ วันนี้ฟ้าไม่เปิด เมฆเยอะเกิน




໒ | ສອງ
มาเที่ยวหลวงพระบางมีสิ่งที่ต้องดูต้องทำอยู่ไม่กี่อย่าง นอกจากไปวัดเชียงทอง ไปดูธาตุหมากโมแล้ว ก็ต้องไม่พลาดตักบาตรข้าวเหนียวตอนเช้า พวกเราก็ไม่พลาดเหมือนกัน ตื่นกันมาแต่เช้า เดินออกมาที่ถนน มองเห็นผู้คนเดินมาจับจองที่นั่งกันตามรายทาง แต่ละคนมีกระติ๊บข้าวเหนียวกันคนละอัน แต่ไม่มีกับข้าว ถามไกด์นักท่องเที่ยวแถวนั้น ได้ความว่า ประเพณีตักบาตรข้าวเหนียวของชาวลาวจะใส่แต่ข้าวเหนียวเท่านั้น กับข้าวจะตามเอาไปถวายพระที่วัดตอนพระจะฉัน เราว่าแปลกดี ทำไมต้องทำอะไรขยักขย่อน แต่มันก็เป็นประเพณีของชาวลาวมาช้านานแล้ว

ภาพการใส่บาตรเช้าของหลวงพระบางสวยงามน่าประทับใจจริงๆ มีพระภิกษุเดินแถวมานับร้อยรูป ชาวบ้านแต่งตัวแบบชาวลาวแท้ๆ ผู้หญิงนุ่งซิ่นมีผ้าพาดไหล่กันทุกคน นักท่องเที่ยวส่วนมากก็ดีแต่งตัวเหมาะสมสวยงาม นุ่งซิ่นกันมาด้วย เห็นหลายคนบอกว่าจัดชุดใหญ่แบบใส่ไปงานบุญที่เมืองไทยกันมาเลยทีเดียว


เดินชมเมืองยามเช้า เลยไปจิบกาแฟร้านกาแฟประชานิยมริมแม่น้ำโขง เหมือนเป็นสภากาแฟยามเช้า นักท่องเที่ยวก็อ่านรีวิวแล้วก็มาตามๆกัน


เพลิดเพลินกาแฟกับแม่น้ำโขงจนพอใจก็กลับที่พักไปอาบน้ำแต่งตัว หาอาหารเช้ากินกันก่อนจะออกเที่ยวต่อวันนี้ วันนี้จะเน้นธรรมชาติ ล่องเรือแม่น้ำโขง ไปดูถ้ำ ไปน้ำตก ต้องนั่งรถไปต่อเรือ

นั่งรถออกจากตัวเมืองหลวงพระบางไปสักครึ่งชั่วโมง รถพาแวะเที่ยวหมู่บ้านต้มเหล้า ชื่อหมู่บ้านซ่างไห่ อยู่ริมแม่น้ำโขง ก่อนถึงบ้านปากอู ที่ลาวนี่การต้มเหล้าขาวไม่ผิดกฎหมาย หมู่บ้านนี้ต้มเหล้ากันเป็นล่ำเป็นสัน ฝรั่งเรียกว่า Whiskey Village เลยอ่ะ เดินดูได้ ไม่มีปิดบัง ต้มแล้วกรอกใส่ไห ใส่ขวด วางขายได้ทันที แต่พวกเราไม่สู้นะเหล้าขาว ขอเดินชมอย่างเดียวพอ


จากหมู่บ้านก็เดินไปท่าเรือเพื่อลงเรือไปวัดถ้ำติ่ง หรือ วัดปากอู (หรือนั่งรถต่อไปอีกหน่อยไปลงเรือที่บ้านปากอูก็ได้) เรือที่นั่งเป็นเรือหางยาวลำใหญ่นั่งได้เป็นสิบคน มีชูชีพเพียบพร้อม ถือว่าปลอดภัย แต่แม่น้ำโขงก็เชี่ยวไหลแรงน่ากลัวอยู่เหมือนกัน


นั่งเรือไม่นานก็เทียบท่า คนเรือบอกให้เดินขึ้นไปเที่ยวถ้ำด้านบน เดินขึ้นบันไดไปไม่สูงมาก เจอทางแยกไป ถ้ำบน (ถ้ำเทิง) กับถ้ำล่าง (ถ้ำลุ่ม) พวกเราเลี้ยวไปถ้ำติ่งล่างกันก่อน จะเป็นโถงถ้ำตื้นๆ มีพระพุทธรูปใหญ่น้อยวางไว้ตามหน้าผาและโพรงถ้ำหลายสิบองค์ ส่วนมากเป็นพระพุทธรูปไม้ แต่ก็มีที่สร้างจากปูนหรือสัมฤทธิ์ด้วย ถ้ำติ่งหรือถ้ำปากอูนี่สมัยก่อนเป็นสถานที่ๆชาวลาวใช้บูชาผี ต่อมาพระโพธิสารกษัตริย์ลาวในยุคนั้นเลื่อมใสในพุทธศาสนามาก ก็เลยสั่งให้ชาวลาวเลิกนับถือผี ถ้ำติ่งก็ถูกทิ้งร้างมาจนยุคที่ลาวโดนปกครองโดยฝรั่งเศส ก็เลยมีคนฝรั่งเศสมาเจอ ก็เลยมีการสำรวจ จากนั้นก็มีผู้แสวงบุญมาที่ถ้ำติ่งกัน ตามความเชื่อก็จะมีการนำพระพุทธรูปมาทิ้งไว้ที่ถ้ำ ก็เลยมีพระพุทธรูปวางอยู่ทั่วไปหมด เดี๋ยวนี้ไม่รู้ว่ายังมีคนนำพระไปวางกันอยู่อีกหรือเปล่า ใครอยากกราบไหว้ขอพรกัน ก็ซื้อธูปเทียนดอกไม้ได้ มีคนขายอยู่หน้าถ้ำ




จากถ้ำล่างพวกเราก็ไปถ้ำบนกัน ต้องเดินขึ้นบันไดต่อไปอีก ถ้ำบนก็มีโถงถ้ำด้านในมีพระพุทธรูป แต่มืดหน่อยต้องใช้ไฟฉาย โถงถ้ำไม่ลึกเท่าไหร่ เข้าไปดูแป๊บเดียวกก็กลับลงมาท่าเรือ


ขากลับนั่งยาวกลับไปท่าเรือในหลวงพระบาง ให้รถไปรอรับที่นั่นเลย เป็นการเปลี่ยนบรรยากาศ นั่งรับลมชมวิวหลับๆตื่นๆไปชั่วโมงกว่า ถึงท่าเรือก็หิวพอดี แวะหาข้าวกินกันง่ายๆ ก่อนจะขึ้นรถพาไปเที่ยวน้ำตก ที่อยู่นอกเมืองออกไปหน่อย นั่งรถออกไปสักครึ่งชั่วโมงก็มาถึง น้ำตกกวงสี (ตาดกวงสี) เสียค่าเข้าแล้วเดินเข้าด้านใน พอเจอน้ำตกนี่แบบตะลึงเลย มันสวยมาก น้ำเป็นสีฟ้าอมเขียวเลย เพราะเป็นน้ำตกจากเขาหินปูน เสียดายว่าวันนี้แดดไม่ดี ถ้าแสงดีจะยิ่งสวยกว่านี้อีก ตัวน้ำตกมีหลายชั้นเดินขึ้นไปเที่ยวได้ พวกเราเดินกันไปไม่เท่าไหร่ก็กลับมานั่งเล่นริมน้ำตกกัน ไม่ได้คิดว่าน้ำจะน่าเล่นมาก เลยไม่ได้เตรียมชุดมา น่าเสียดาย เลยได้แต่นั่งเล่นริมน้ำพักใหญ่ ก็กลับเข้าเมือง

“แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ อุทยาน น้ำตกตาดกวงสี”




เดินเล่นกันไปตามถนนสีสว่างวงที่เป็นถนนเส้นหลักเส้นเดียวในหลวงพระบาง อาคารโบราณสมัยลาวโดนฝรั่งเศสปกครองยังมีอยู่ตลอดถนน บางหลังก็ทรุดโทรม แต่หลายๆหลังก็ปรับปรุงเป็นที่พัก เป็นร้านอาหาร หลายๆที่เดาว่าผู้ลงทุนน่าจะเป็นฝรั่ง ออกแบบสวยเก๋ดูดี นักท่องเที่ยวที่พวกเราเรียกกันว่า ฝรั่ง ระบุไม่ได้ว่ามาจากทวีปไหน นั่งจิบเบียร์ จิบชา กาแฟ กันตามระเบียงหน้าร้าน อาคารส่วนมากไม่มีเครื่องปรับอากาศนะ เพราะอากาศดีพอสมควรเลย กลางวันร้อนแดด แต่พอตกเย็นก็อากาศสบายๆ เพราะไม่มีตึกสูง เมืองติดแม่น้ำ มีภูเขา มีต้นไม่ มีสัตว์ป่า (นึกถึงเพลงชีวิตสัมพันธ์ขึ้นมาพอดี ฮา…)
໓ | ສາມ
เช้านี้ไม่ได้ออกไปตักบาตรเช้า ตื่นกันตามสบาย เก็บของเอามาฝากที่เคาเตอร์ ช่วงบ่ายเราจะบินกลับเวียงจันทน์ มีเวลาช่วงเช้าก็ออกไปเดินเล่นกัน ตึกเก่าๆสวยๆมีให้ดูตลอดถนน บางตึกอายุหลายร้อยปี ดูเก่าแต่ก็ยังดูมีเสน่ห์ เมืองหลวงพระบางได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกในปี 1995 อาคารทั้งหมดก็ได้รับการขึ้นทะเบียนด้วย ใครจะแก้ไข ปรับปรุง ตกแต่ง ไม่สามารถทำได้ทันที และไม่สามารถทำได้ตามใจ ก็เลยทำให้ยังคงรักษารูปแบบเดิมๆไว้ได้




แวะเข้าไปที่ วัดใหม่สุวรรณภูมาราม ผนังทางเข้าสิมเป็นภาพเรื่องราวพระเวสสันดรชาดกสีทองอร่าม


เดินจากวัดไปอีกหน่อยที่ พระราชวังหลวงพระบาง หรือชาวลาวเรียกว่า หอคำ แต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์หลวงพระบาง ที่เปิดให้เข้าชมด้านในได้ เสียค่าเข้าแล้วเดินเข้าไปชมกันหน่อย ด้านในก็เหมือนวังเก่าทั่วๆไป มีกั้นพื้นที่ให้ดูว่าตรงนี้เคยเป็นห้องเสวย ห้องนี้เป็นห้องบรรทม วังหลวงพระบางตกแต่งไม่หรูหรามากแถมทรุดโทรมลงไปตามเวลา มีจัดตู้โชว์ของที่ระลึกที่ได้รับมาจากประเทศต่างๆ มีข้าวของเครื่องใช้ เครื่องเงิน เครื่องทอง เดินดูไปจนวนครบกลับมาทางเดิม




หมดเวลาในหลวงพระบางแล้ว กลับไปโรงแรมเรียกรถมาพาพวกเราไปส่งสนามบิน นั่งเครื่องการบินลาวเหมือนเดิม บินไปลงสนามบินวัดไต ออกมาเรียกรถแท้กซี่ลาวพาไปส่งที่พัก
ວຽງຈັນ | เวียงจันทน์
วันนี้ไม่ได้วางแผนเที่ยวอะไรไว้ แต่เพราะวันนี้เป็นวิสาขบูชา พวกเราก็เลยเลือกไป พระธาตุหลวง ไปถึงตอนบ่ายแก่ๆก็เดินเล่นถ่ายรูปกัน องค์พระธาตุหลวงมีชื่อทางการว่า พระเจดีย์โลกะจุฬามณี มีขนาดใหญ่สีทองอร่าม บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ที่เห็นอยู่เป็นองค์พระธาตุใหม่สร้างครอบองค์เก่าที่เสียหายจากแผ่นดินไหว เดินเล่นรอเวลาเย็น เริ่มมีชาวลาวเข้าวัดกันมา พวกเราก็กลับเข้าไปในที่ธาตุหลวงไปร่วมเวียนเทียนวันวิสาขบูชากับชาวลาว



໔ | ສີ່
วันเดียวเที่ยวเวียงจันทน์ของพวกเรา อาศัยเรียกตุ๊กๆบ้างเดินบ้าง ไล่เที่ยวไปเรื่อยๆก็ได้ที่เที่ยวหลักๆเกือบครบ วัดสีสะเกด / หอพระแก้ว / วัดเจ้าองค์ตื้อ / วัดอินแปง / วัดสีเมือง / ธาตุหลวง / ประตูชัย

วัดสีสะเกด เป็นวัดเก่าแก่ของเวียงจันทน์ ว่ากันว่าเป็นวัดเดียวที่รอดจากการถูกทำลายในช่วงสงคราม สิมวัดสีสะเกดเป็นศิลปะล้านช้าง มีหลังคาซ้อน 2 ชั้น ไม้แกะสลักสวยงาม มีระเบียงคตประดิษฐานพระพุทรูปโดยรอบ



เดินไปที่หอพระแก้ว ที่ๆเคยประดิษฐานพระแก้ว ก่อนที่จะถูกอัญเชิญไปที่อยู่เมืองไทยนั่นไง


นั่งตุ๊กๆไปวัดเจ้าองค์ตื้อ เป็นวัดซ่อมแซมสร้างใหม่เพราะวัดเก่าโดนเผาทำลายเหลือแต่เสา แต่ก็สร้างขึ้นมาตามแบบเดิม ที่ได้ชื่อว่าวัดองค์ตื้อเพราะประดิษฐานพระเจ้าองค์ตื้อ

(ตามพงศาวดารลาวกล่าวไว้ว่าพระเจ้าไชยะเชษฐาธิราชได้นำพาประชาชนหล่อพระพุทธรูปทองขึ้นในปี 1566 มีจำนวน 4 องค์ คือ พระเจ้าองตื้อ, พระสุก, พระใส, และพระเสริม ตามการเล่าสืบทอดกันมากล่าวว่าพระสุกจมอยู่ในน้ำเวินสุกในเวลาที่แม่ทัพสยามพยายามเอาข้ามน้ำโขงไปบางกอก, พระใส ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ในวัด โพธิ์ชัย จ.หนองคาย, พระเสริม ปัจจุบันประดิษฐานอยู่วัดปทุมวนาราม บางกอก ประเทศไทย)
ติดกับวัดองค์ตื้อคือ วัดอินแปง เป็นวัดยุคเดียวกับวัดองค์ตื้อ ว่ากันว่าสมัยก่อนอยู่ในพื้นที่เดียวกัน แต่ตอนนี้แยกออกจากกัน สืมวัดอินแปง มีภาพวาดฝาผนังเรื่องเกี่ยวกับพุทธศาสนาสีสดสวย มีประดับลายปูนปั้นทาสี เดินไปดูหอไตรเป็นแบบก่อปูนทาสี มีรูปปั้นเทวดาอารักษ์ข้างประตูเข้าออก

นั่งตุ๊กๆเวียงจันทน์ข้ามฝั่งไปที่วัดสีเมือง เป็นวัดเก่าแก่อีกวัดที่โดนเผาทำลาย แต่ได้สร้างใหม่ขึ้นมาเมื่อ 100 กว่าปีที่แล้ว วัดสีเมืองเป็นที่ตั้งของเสาหลักเมืองประจำนครหลวงเวียงจันทน์ด้วย

ยังมีเวลาเหลือ เลยเรียกรถพาไป พระธาตุหลวง กันอีกครั้ง ไปเก็บตก ถ่ายรูปกันนิดหน่อย มาตอนกลางวันแดดแรงก็ร้อนไม่เบาเลย ตั้งต้นที่ ลานอนุสาวรีย์พระไชยเชษฐาธิราช ด้านหน้าทางเข้า แล้วเดินเข้าด้านในธาตุหลวง แล้วก็ออกไปเดินเล่นรอบๆ มี วัดพระธาตุเหนือ วัดพระธาตุใต้




วัดพระธาตุเหนือ
จบทริปลุยลาวที่ ประตูชัย ที่สร้างเลียนแบบมาจากประตูชัยในปารีส ประเทศฝรั่งเศส ชนิดว่าเหมือนแฝดน้อง แต่เสริมด้วยศิลปะแบบลาวเข้าไป มีรูปปูนปั้นประดับ จุดประสงค์ของการสร้างเพื่อเป็นที่ระลึกถึงประชาชนที่ต่อสู้เพื่อให้ประเทศลาวเป็นเอกราชจากประเทศฝรั่งเศส รู้สึกถึงความย้อนแย้งยังไงก็ไม่รู้นะ ตอนที่ไปยังสร้างไม่เสร็จดี รอบๆประตูชัยน่าจะจัดทำเป็นสวนสาธารณะ เอาไว้โอกาสหน้าจะมาชมใหม่เมื่อสร้างเสร็จเรียบร้อย



ลุยลาวครั้งแรก สนุกไม่น้อย เที่ยวก็ง่าย สบายกระเป๋า อาหารอร่อย คนใจดี จะต้องมีลุยรอบ 2 แน่นอน

Leave a Reply