The North Island – New Zealand
ตกลงกันได้ที่ช่วงวันหยุดสงกรานต์ ดีเลย ลางานน้อยวัน ลองหา Flight ดูแล้ว หะแรกจะไป TG แบบเดียวกับโรสและพี่ปัน แต่วันเวลาที่มีบินไม่เข้ากะโปรแกรมวันที่เจอกัน สุดท้ายก็ไปจบที่ Qantas / Emirate เหมือนเคย ใช้เวลาบิน BKK-SYD ประมาณ 9.30 ชม. แล้วต่อเครื่อง SYD-AKL อีก 3 ชม.กว่า
แผนเดินทาง
Day1: BKK -> Auckland – Rotorua : 228Km. 3Hr.
Day2: Rotorua
Rotorua | Agrodome [Show & Farm tour] / Skyline [Lunch & Ludge] / Rainbowsprings [Zoo & Splash] / Te Puia [Gayser/Mudpool & Maori show & Dinner]
Day3: Rotorua – Napier : 219Km. 3Hr.
Rotorua | Art Museum
Day4: Napier – Taupo – Rotorua : 219Km. 3Hr.Napier | Art Deco walking tour |
Taupo | Late Lunch
Rotorua | Polenetian Spa |
Day5: Rotorua – Matamata – Waitomo – Auckland : 70Km. 1Hr. / 105Km. 1.30Hr. / 195Km. 2.30Hr.
Matamata | Hobbiton Movie Set | – Waitomo | Waitomo cave |
Day6: Auckland
Auckland | Kelly Tarlton’s Sea Life Aquarium / Weiheke Wine tour
Day7: Auckland | Mt.Eden | – BKK
ก่อนไปได้คุยโปรแกรมคร่าวๆกันแล้วว่าจะไปไหนบ้าง เราบอกว่าอยากไปที่ถ่ายทำ Hobbit พี่ปันผู้ทำโปรแกรมบอกว่า แน่นอนมันรวมอยู่ในโปรแกรมด้วยแน่นอน! ยะฮู้ว!! เพราะว่าเกาะเหนือนี่สถานที่เที่ยวเทียบกับเกาะใต้แล้วด้อยกว่าเยอะ(เราว่านะ) คนจึงนิยมไปเกาะใต้กัน เกาะเหนือมีจุดเด่นๆดังๆคือ จุดถ่ายทำ Lord of The Rings ทั้ง 3 ภาคและ Hobbit อีก 3 ภาค [2012: The Hobbit: An Unexpected Journey | 2013: The Hobbit: The Desolation of Smaug | 2014: The Hobbit: The Battle of the Five Armies] โดยเฉพาะ Hobbit นี่เป็นไตรภาคหลังสุด จึงมีฉากถ่ายทำให้เที่ยวได้อยู่ ก่อนไปเราก็ตั้งใจจะดู Hobbit ให้ครบทั้ง 3 ภาค แต่ดูแล้วดูเล่าก็ไม่จบภาคแรกสักทีหลับก่อนทุกที ก็มันยาวเหลือเกิน พอขึ้นเครื่องได้ เลยกดดู Hobbit ละวะ มันเป็นรายการแนะนำเลยด้วย ทั้งๆที่คืนก่อนหน้าทำงานแทบไม่ได้นอน กระเป๋าเพิ่งมาเก็บเอาคืนก่อนบิน แต่พอดูบนเครื่องแล้วทำไมไม่หลับ ยิ่งดูยิ่งมัน ดูไปจิบไวน์ไป แทนที่จะได้พักผ่อน สรุปดูไป 2 ภาค ลงเครื่องมา โทรมยังกะ ซอมบี้ใน The walking dead!
Day1: ถึงแล้วโอ๊คแลนด์
แลนดิ้งตอนเกือบบ่าย 3 คุณโรสเพื่อนรักมารอรับตามนัด เช่ารถจาก Budget มาแต่เมื่อวาน พร้อมออกเดินทาง! จากสนามบินโอ๊คแลนด์ขับออก State Highway ไปเกือบๆ 3 ชม. ก็น่าจะถึงโรโตรัว ถึงเราจะยุ่งแต่ก็พอหาข้อมูลมาบ้างทำแผนที่ขับรถมาบ้างล่ะ ก็เห็นว่าขับมา SH27 ใหญ่ๆมาเรื่อยๆไม่ยากเย็น แต่ด้วยว่าคนขับมาจากอเมริกา ชีย่อมมั่นใจเทคโนโลยี่ นั่นคือ GPS ที่บอกให้เลี้ยวในทางที่ไม่ควรเลี้ยวนะ เข้าไปวกๆวนๆ ในทุ่งนาป่าเขา (แล้วมันเป็นงี้ตลอดทริปนะ เราต้องคอยเช็คจากแผนที่ๆเตรียมมา กับเช็ค Google map ในมือถืออีกรอบ) คือมันพาไปวกวนชมวิว…ซึ่งไม่มีอะไรเพราะเย็นแล้ว และวันนี้อากาศมัวซัว ฝนลงปรอยๆ เสียเวลาแถบนั้นไปกว่าครึ่งชม. หรือว่าอิคนเช่าคนก่อนมันเซ็ตให้เป็น Scenic route ฟะ แต่ลองปรับเป็น Shortest route ก็แล้ว ก็ยังพาวนเข้าถนนเล็กตลอดๆ พี่เพลีย ~
สุดท้ายก็โผล่ออกถนนใหญ่จนได้ เจอหมายักษ์ตามที่พี่ปันบอก พี่ปันว่าต้องมาแวะฉี่ที่นี่ทุกครั้ง ฮ่าๆๆๆๆ ฉี่เสร็จบึ่งต่อไม่นานก็ถึงโรโตรัวล่ะ มื้อนี้มื้อแรกของเราในนิวซีแลนด์แต่ป็นอาหารไทย พี่ปันเลือก ต้องตามใจ 2 สาวเพราะมากันอาทิตย์กว่าแล้ว ต้องคิดถึงอาหารไทยแน่แท้ ร้าน Herb & Spices หาไม่ยาก search เอานะ อร่อยมากมายนะบอกเลย

Day2: เคียโอรา โรโตรัว


ลงมาแล้ว ขับรถต่อไปอีก 200 ม. จริงๆเดินก็ได้นะ ไปเที่ยวสวนสัตว์กัน (บอกแล้ว concept ที่เที่ยวมันเหมือนกันเป๊ะๆกับเกาะใต้) “Rainbow Springs” เป็นสวนสัตว์เปิด+ปิด คล้ายๆกับ Willow Bank ที่เราไปที่ Christchurch คือมีส่วนเดินชมป่าเล็กๆ ที่มีเป็ดมีนกเดิน/บินกันให้ว่อน มีจิงโจ้ กระต่าย ไก่ มากมาย พวกเราไม่ได้สนใจกันมากนัก พุ่งตรงไปหาเจ้า Kiwi กันเลย ที่นี่เป็นศูนย์ศึกษาและอนุรักษ์กีวี่แบบครบวงจร มีห้องปฏิบัติการ ที่ให้คนเข้าชมได้เป็นรอบๆ มีคนมาบรรยายให้ฟัง พวกเราไปครึ่งช่วงเวลา แต่มีหรือที่พวกเราจะไม่ได้ชม 555 พี่ปันและพี่แอนนี่คุ้นเคยกับจนท.ที่นี่อยู่ พอรู้ว่าพวกเรามา เลยเข้ามาอธิบายกันเป็นกรุ๊ปส่วนตัว พาดูวิธีเก็บไข่ ฟักไข่ ไปจนถึงออกจากไข่กันมาเลย แล้วก็พาไปเข้าห้องมืดดูกีวี่ ซึ่งคราวนี้โชคไม่ดี ไม่เห็นตัวเป็นๆแต่เห็นจากจอภาพ ที่ใช้กล้องอินฟาเรดคอยจับภาพมันไว้ ยืนดูจากจอเห็นกีวีตะคุ่มๆในรังพอได้อรรถรส ออกจากกีวี่ พี่แอนนี่เคี่ยวเข็ญให้พวกเราไปเล่นเจ้า Splash ที่บอกว่าเป็นเครื่องเล่นใหม่ กำลังฮิต พวกเราก็เดินไปงงๆ สุดท้ายก็รู้ตัวว่าโดนจับลงเรือ ฮ่าๆๆๆ นั่งวนๆชมวิวป่าไปแป๊บๆ ก็ทิ้งดิ่งลงมา กรี๊ดดดดดดดดด แม้จะรู้ว่าไม่สูงมาก แต่มันก็เสียวนิ ฮ่าๆๆๆๆ
ยัง! ยังไม่จบทัวร์ – -” ออกจาก Rainbow Springs สายกว่าแผนไปหน่อย พี่ปันจองทัวร์ที่ Te Puia ไว้ตอน 4 โมงครึ่ง แต่ที่เที่ยวในโรโตรัวมันก็อยู่ไม่ไกลกันนัก ขับรถแป๊บเดียวก็ถึงล่ะ Te Puia นี่มันก็เป็นที่ท่องเที่ยวสุดฮิตที่หนึ่งของโรโตรัว พื้นที่ภายในมีน้ำพุร้อนทั่วไปหมด พุ่งกันขึ้นมาร้อนชนิดไอร้อนคลุ้งไปทั่ว กลิ่นกำมะถันแสบจมูกกันเลย บ่อโคลนเดือดปุดๆก็มี ก็เดินชมได้ทั่วๆไม่ต้องเอาไกด์ก็ได้ แต่พี่ปันจองกรุ๊ปไว้ให้แล้ว ไปถึงทัวร์กรุ๊ปเราเริ่มออกเดินกันแล้วนะ รีบเดินตามไปก็ทันที่จุดแรกพอดี
พี่ไกด์กำลังอธิบายเรื่องน้ำพุร้อนของที่นี่อยู่ กลิ่นกำมะถันแตะจมูกทันทีที่ไปถึง สมกับชื่อเสียงของโรโตรัวจริงๆ ว่าแล้วพี่ไกด์ตัวยักษ์ก็พากรุ๊ปลูกเป็ดออกเดินเข้าด้านใน ไปดูบ่อน้ำพุร้อนใกล้ๆ อธิบายเพิ่มนิดหน่อยก็ปล่อยเดินตามสะดวก น้ำพุร้อนนี่มีกระจายเต็มพื้นที่ ทั้งพุ่งสูง พุ่งไม่สูง เดินได้มากน้อยก็แล้วแต่ชอบ เราเดินวนๆแถบบ่อใหญ่ จนถึงเวลานัดก็กลับมารวมตัวกัน พี่ไกด์พาไปต่อที่บ่อโคลนเดือด บ่อนี้มันน่าลงไปคลุกจริงๆ (หรือชาติก่อนฉันจะเป็นควาย) โคลนเดือดปุดๆเหมือนขนมลืมกลืนรสช็อคโกแลตอย่างนั้นเลย

จบทัวร์น้ำพุร้อน/โคลนเดือดแล้ว ก็รอเวลา ไปชมการแสดงกัน ที่นี่มีการแสดงของชาวเมารีให้ชมด้วย ต้องจองกันมานะ จะรวมอาหารเย็นด้วยก็ได้ ไม่รวมก็ดูการแสดงเฉยๆแล้วกลับ อาหารก็เป็นบุฟเฟต์ ก่อนถึงเวลาอาหารก็จะมีการเอาไก่ไปขุดหลุมฝัง แล้วจุดไฟโปะๆด้านบน เหมือนที่เราเจอมาหลายประเทศแล้วเหอะ ได้ที่ก็มาขุดหลุมเอาไก่ออกมาให้กิน อารมณ์เหมือนไก่อบโอ่ง ไก่อบฟางบ้านเรานั่นแหละ
พอถึงเวลาก็รวมตัวกันเลือกหัวหน้าหมู่จากกลุ่มนักท่องเที่ยว เพราะคนนี้ต้องเป็นตัวแทนพวกเรา รับคำเชิญจากหัวหน้าหมู่เมารีที่จะมาต้อนรับเรา ทำนองนี้ แล้วก็พาเดินไปห้องแสดง จากนั้นก็เป็นการแสดงพื้นเมือง เต้น ร้อง กันไป ก็ตื่นตาตื่นใจดี แลบลิ้นปลิ้นตากันจนเรามึน การแลบลิ้นถลึงตานี่เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของชาวเมารี ว่ากันว่าแสดงความดุดัน เป็นการข่มศัตรู ทำนองนั้น… ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง จบโชว์ก็ไปบุฟเฟต์ดินเนอร์ อย่าลืมชิมไก่หลุมนะ….. 555 หมดแรงเลยนะวันนี้ เที่ยวเยอะมากกกกกกกกกกกกก

Day3:จากโรโตรัวไปทัวร์เนเปียร์
เช้าก่อนจากโรโตรัว เราขับรถไป Rotorua Art Gallery & Museum เดินชมสนามคริกเก็ตสีเขียวสดด้านหน้า ป้าๆลุงๆสมาชิกชมรมกำลังตีคริกเก็ตกันป๊อกแป๊ก อากาศสดใสเหมาะแก่การเล่นกีฬาจริงๆ ยิ้มกับป้าๆไปสักพักก็เข้าไปชมในตัวอาคารซึ่งเป็นโรงอาบน้ำเก่า แต่ไม่ได้ซื้อตั๋วเข้าดูด้านใน แค่เดินชมรอบๆ แล้วก็ออกมา เลาะไปอีกตึกที่ชื่อ Blue Pool เป็นโรงอาบน้ำเก่าเหมือนกัน ตอนนี้ก็ปรับปรุงมาเปิดบริการ ลองเดินเข้าไปดูโถงรับรอง โอ้โห…คลาสสิคจริงๆ
เดินเล่นจนพอใจ ก็ขับรถไปแถบ Lake Drive จอดเดินเล่นตรงริมทะเลสาปโรโตรัว บรรยากาศดีอยู่ได้ไม่นาน ทัวร์จีนก็เดินมาทำลายบรรยากาศ – -“ เลยขึ้นรถบึ่งออกจากเมืองดีกว่า ไว้กลับมาแวะนอนอีกคืนขากลับละกัน

ขับรถมุ่งลงใต้ไปตาม State Highway 5 ผ่านเมือง Taopu เอาไว้แวะขากลับ รีบบึ่งไปเนเปียร์ก่อน จุดหมายแรกมุ่งหน้าไปกินเที่ยง ซึ่งคงเป็นบ่าย ที่ Mission Estate เจ้า GPS ตัวป่วนพาอ้อมขึ้นเขาไปอีกจนได้ สุดท้ายไปถึง Mission Estate เอาซะบ่ายแก่ ร้านอาหารหยุดพักจนได้ เหลือแค่พวก Appetizer ให้กินแกล้มไวน์ แต่พวกเราหิวเกินกว่าจะจิบไวน์ เลยซัดแต่อาหารว่างประทังชีวิตกันไป แล้วค่อยไป Wine tasting ด้านในอีกที ตัวอาคารก็สวยคลาสสิคดี สวนด้านหลังมีระเบียงที่มองลงไปเห็นไร่องุ่นได้กว้างไกล ถนนทางเข้าไร่ก็สวยดี มีต้นไม้ตลอดแนว พ้นแนวไม้ไปเป็นไร่องุ่น จอดเดินชมได้ขาไปหรือขากลับก็ตามใจ
อิ่มแล้วพวกเราเข้าไป Wine tasting กัน ที่นี่ไม่เสียเงินนะ ชิมได้ 5 ชนิด เค้าจะแนะนำมาให้ ชิมแล้วเราว่าไวน์ขาวดีมาก แต่ก็ตัดสินใจสอยมาแดงขวด ขาวขวด หิ้วยิ้มกริ่มไปเช็คอินเข้าโรงแรม ที่ได้อัพแกรดเป็นห้องสวีท กรี๊ดดดดดด วิวทะเล…. งามมากๆ นั่งชมวิวกันได้ไม่นานก็โพล้เพล้เสียแล้ว
เย็นนี้ถามพนักงานที่โรงแรมว่ากินอะไรดี นางแนะนำร้านเด็ดๆให้ จากโรงแรมเดินไปได้ ร้านต้องจอง นางเลยโทรจองให้ พวกเราเดินชิลๆกันไป เข้าไปเป็นโต๊ะแรกเลยทีเดียว พนักงานเอาเมนูมาให้ ร้านนี้ขายอาหารเป็น Set Menu เปลี่ยนไปแต่ละวัน แล้วแต่วัตถุดิบที่มี เก๋มาก มี 2 เมนูให้เลือก จัดแจงเลือกกันไป เรื่องฮาบังเกิด เมื่อเด็กเมืองนอกกับเด็กนอกเมืองอย่างเรา ทำเรื่องอับอายขายหน้า (ด้วยว่าตามเมนู สั่ง Set Menu ราคา 50$ ถ้ารวม Wine pairing ด้วย +60$ เรา 2 คนอ่านกันยังไงนะว่า ถ้า Set Menu + Wine Pairing ด้วยเป็น 60$ โอ๊ยยยยย เพิ่มอีกแค่ 10$ ทำไมจะไม่เอา เค้าจัด Wine มาให้เข้ากับอาหารแต่ละจาน โอ๊ยยยย สุดยอด แต่จริงๆมันคือ 50+60 = 110$ นะ มิน่าแต่ละโต๊ะเค้าสั่ง Wine มาเป็นขวดกัน ขวดละ 40 หรือ 50 คุ้มกว่าเยอะ ไอ้เราก็นะ จิบเพลินไป แหม่…ดีจัง Wine Pairing มาเยี่ยมมาก พอคิดเงินก็ถึงบางอ้อ พูดกันว่าพรุ่งนี้เลิกกินข้าวไปกินหญ้ากันเถอะ คิดแล้วควายจริงๆ T__T )

Day4: สำรวจเหลี่ยมมุมแบบอาร์ตเดคโค่

เดินกันไปเรื่อยๆ ถ่ายรูปไปเยอะแยะแถมด้วยช็อปปิ้งสร้อยหยกมงคลมาคนละเส้นกับโรส เป็นของขวัญวันเกิดให้ตัวเอง ก็วันนี้วันเกิดเราล่ะ มาฉลองซะไกลเลยปีนี้ จัดไป 1 เส้นมงคล เที่ยงๆก็ต้องลาเนเปียร์เพื่อกลับไปโรโตรัว ขับกลับออกมาทางเดิม แวะเข้าไปที่ Taupo เอาตอนบ่ายๆ เมืองนี้ก็เป็นเมืองท่องเที่ยวดังแห่งหนึ่งของเกาะเหนือ ถ้ามีเวลาก็น่าแวะเที่ยวสัก 1 วัน 1 คืน ลอง search โปรแกรมทัวร์ดู เห็นว่าชอบจัดมาแวะ มีที่เที่ยวและกิจกรรมให้เล่นหลายอย่างอยู่
อิ่มอาหารบ่ายแล้วถือโอกาสเดินชมเมือง Taupo กันหน่อย ก่อนไปจบที่การจิบกาแฟอยู่ริม Lake Taupo บ่ายแก่ๆก่อนจาก Taupo ขับออกไปแวะดูน้ำตกฮูก้า (Huka Fall) กันหน่อย เพราะอยู่ใกล้ๆเมืองนี่เอง ถ้าใครอยากเล่น Shotover Jet ที่นี่ก็มีให้เล่นคล้ายๆที่ Queenstown อยู่ใกล้ๆน้ำตกนั่นแหละ
จาก Taupo ไปโรโตรัวราวๆ 90 กม. ประมาณ 1 ชม. พวกเราก็กลับมาถึงโรโตรัวตอนเย็นๆ คืนนี้เราพักที่โรงแรมมิลเลนเนี่ยม รร.ใหญ่อีกแห่งของโรโตรัว เข้าห้องพักแล้ว พี่ปันกับโรสออกไปสปาที่ Polynesian Spa อันโด่งดัง (อย่างที่เคยเล่า โรโตรัวนี่โด่งดังเรื่อง น้ำพุร้อน โคลนเดือด ทำนองนี้) สปานี้อยู่ใกล้โรงแรมมากแค่เดินข้ามถนนไป ไอ้เราอดเนื่องจากพันธกิจของผู้หญิงมาอย่างไม่ทันตั้งตัว เสียดายจริงๆ รอ 2 คนกลับจากสปา ก็ออกไปกินข้าวเย็นกับพี่แอนนี่ตามนัด พี่แอนนี่พาไปกินอาหารญี่ปุ่น ท่าทางร้านจะดังเพราะคนเต็มร้าน แถมมีรอคิวต่างหาก กินไปคุยไป สนุกอิ่มถ้วนหน้า ขอบคุณพี่แอนนี่จริงๆ

วันนี้เป็นวันพิชิต ภาระกิจพิชิตมิดเดิ้ลเอิร์ธ ก็วันนี้จะไปเที่ยวสถานที่ถ่ายทำหมู่บ้านฮอบบิท ก็คือ แคว้น Shire นั่นเอง สถานที่ถ่ายทำตั้งอยู่ที่เมือง Mata Mata ห่างจากโรโตรัวไป 67 กม. จัดอาหารเช้าเสร็จก็ต้องรีบบึ่งไปให้ทันเวลานัดตอน 10:00 ใช้เวลาขับรถประมาณ 1 ชม.กว่าๆก็ถึง เห็นป้าย Hobitton Movie Set ก็เลี้ยวตามป้ายบอกทางไปเลย

เราไปถึงประมาณ 10 โมงกว่าๆ พี่ปันไปทักทายผู้จัดการร่างยักษ์นามว่าเฮนรี่ ฮีจัดกรุ๊ปให้พวกเราในคิวต่อไปประมาณ 10:30 การเที่ยวที่นี่ทุกคนต้องซื้อทัวร์เพื่อขึ้นรถรวมกันเข้าด้านในเป็นรอบๆไป มีไกด์แนะนำตลอดทาง คอยเล่าโน่นนี่ให้ฟัง
รถบัสพาผ่านทุ่งหญ้าข้ามเนินเขาต่างๆ มีแกะยืนเล็มหญ้าหน้าตาเอือมๆเต็มไปหมด ผ่านเนินเขา 3-4 เนิน เห็น Shire อยู่ลิบๆในหุบด้านขวาให้ได้ชะแง้มองเพิ่มอรรถรสนิดหน่อย รถก็เลี้ยวมาจอด ทุกคนลงจากรถ เดิมตามพ่อหนุ่มฌอนกันต้อยๆเข้าหมู่บ้าน

บ้านทั้งหมดที่เราเดินดูคือการเจาะติดประตูที่เนินเขาแต่ละลูก ตกแต่งสวนหน้าบ้าน กั้นรั้วไว้ มีแค่นี้ เปิดประตูเข้าไปก็ตันนะ เพราะฉากในบ้านถ่ายทำในสตูดิโอหมด พวกเราต้องจินตนาการกันเอง เดินกันขึ้นไปเรื่อยๆจุดหมายปลายทางคือต้นไม้ใหญ่สีเขียวสด ซึ่ง… ฌอนว่าใบเขียวๆนั่นปลอม! เพื่อให้มันเขียวสดสวยทุกฤดูกาล เอากะเค้าซิ แต่ไฮไลต์จริงๆคือบ้านของบิลโบ แบกกินส์ ถ้าใครดูฮอบบิทก็คงจำได้ เป็นบ้านหลังที่แกนดาล์ฟโผล่มาจัดประชุมเหล่าคนแคระทั้งหลายโดยบิลโบไม่ได้รู้เรื่องด้วย และนับเป็นการรวมพันธมิตรในการเดินทาง และเริ่มมหากาพย์แห่งแหวนของกอลลั่ม




เข้าด้านในก็เหมือน Aquarium ทั่วไป มีสัตว์ทะเลสวยๆแปลกตา ตามถิ่นของมัน ที่น่ารักคือเพนกวิน ที่นี่เป็นคิงส์เพนกวินตัวใหญ่ เดินดุ๊กดิ๊กๆ พุ่งลงน้ำโชว์ เจ้านี่เจอเป็นตู้แรกเลย ไม่เหมือนที่อื่นๆที่เอาไว้ตู้หลังๆ เหมือนกินก๋วยเตี๋ยวต้องเก็บลูกชิ้นไว้กินทีหลัง เดินเข้าด้านในที่เราสนใจคือปลาหมึกยักษ์ ยักษ์มากกกกก แต่ตายแล้วนะ เค้าเอาใส่ตู้ไว้ ตัวมันใหญ่ท่วมหัวน่ากลัวดี นอกนั้นก็มีฉลาม ปลากระเบน แล้วก็ปลาสวยๆแปลกๆ เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดจากเด็กๆได้พอควร

ที่สุดท้าย Te WHAU Vineyard ส่วนร้านอาหารริมผาดูเก๋ไก๋มาก วิวแจ่มมาก แต่วันนี้ร้านปิด ตาลุงพามาทำไมฟะ แต่เจ้าของก็อยู่เปิดไวน์บาร์ให้เราชิม ไวน์เค้าได้รางวัลอยู่ แต่ขวดที่ชิมไม่ใช่ปีที่ได้รางวัล โรสเลยแหย่ว่าขนาดอันนี้ยังอร่อยถ้าอันได้รางวัลคงเยี่ยม แหม..พี่แกเลยบอกโอเช…จัดไป แกเปิดให้ชิม อืมมม มันก็อร่อยดี มีคุณแม่กับคุณลูกสาวจัดไป 1 ขวด คู่ผัวเมียฝรั่งเศสชิมแหลกแต่ไม่ซื้อสักที่อ่ะ
จากการชิมไวน์หลายที่หลายร้านใน 4-5 วันที่ผ่านมา ตามประสาลิ้นสากๆของเรา เราว่าเกาะเหนือนี่ Chardonnay ดีใช้ได้ จิบแล้วชอบแทบทุกที่ แต่พวกไวน์แดงยังสู้เกาะใต้ไม่ได้ ตามประสาลิ้นสากๆนะ คอไวน์ทั้งหลายควรไปลองเอง จิบเพลินๆวิวงามๆอากาศดีๆ เมาเอาง่ายๆบอกเลย ฮ่าๆๆ

Day7: บ๊าย บาย โอ๊คแลนด์…… บ๊าย บาย นิวซีแลนด์
เช้าสุดท้ายของทริป ตื่นมาอากาศดี๊ดี… จัดการอาหารเช้าเสร็จก็ Check out ออกจากโรงแรมเลย เช้านี้สั่งลาโอ๊คแลนด์กันที่ Mt. Eden ขับรถวนๆขึ้นไปได้ถึงยอดเขากันเลย บรรยากาศวันนี้ดีมาก สมกับการเลื่อนโปรแกรมมาวันนี้ ถ้ามาเมื่อวานคงไม่ได้เห็นอะไรแถมเปียกปอนอีกต่างหาก ระหว่างทางเห็นคนปั่นจักรยาน หรือวิ่งขึ้นมากันหลายคนอยู่ แค่เห็นก็ลิ้นห้อยแทนแล้วเพราะเขาชันๆดีๆนี่เอง แต่อากาศด้านบนดีจริงๆ วิวก็สวย เห็นได้ 360 องศากันเลย ยืนชมบรรยากาศกันจนพอใจก็โบกมือลานิวซีแลนด์กันที่นี่ล่ะ
บ๊ายบาย….กลับบ้าน ขึ้นเครื่องจิบไวน์ดูฮอบบิทอีกตอนที่เหลือ ครบไตรภาคพอดี
Travel Tips
อย่างที่เล่าว่ามางวดนี้ มากับเจ๊ใหญ่ผู้กว้างขวางแห่งกีวี่แลนด์ ที่พักหลักร้อยเราไม่พัก เราได้พักแต่ที่ดีหรูเริ่ด เป็นบุญตรูดเราจริงๆ ^^ ใครอยากตามนอนแบบเราเชิญตามสะดวก
Millenium hotel Rotorua : โรงแรมใหญ่โต ใหม่เอี่ยม อยู่ไม่ไกลจาก Sudima วิวงามใช้ได้ อยู่ใกล้ๆ Polynesian spa เดินไปสปาน้ำแร่ได้เลย
อาหารอร่อยรายทาง
Auckland
Rotorua
Leave a Reply