ทริปปลายสงกรานต์ ๒๕๕๙
ครั้งก่อนเล่าเรื่องไปเที่ยว “บ้านท่าแร่” จากทริปตกค้างเมื่อช่วงสงกรานต์กันแล้วนะ แต่จริงๆทริปนั้นเป็นทริปขับรถเที่ยวสกลนคร-นครพนม 4 วัน 3 คืน นอน อ.เมือง นครพนม 1 คืน อ.ธาตุพนม 1 คืน แล้วกลับมานอนในสกลนครอีก 1 คืน ขับได้เป็นวงกลมตามแผนที่เลย ที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่งใช้แวะตามรายทาง จึงไม่น่าจะเหมาะกับท่านที่ไม่มีรถส่วนตัวเท่าไหร่นัก ถ้ามีรถขับก็เที่ยวตามได้เลย ขับไล่แวะไปเรื่อยๆ
ตั้งต้นที่สกลนคร ทำธุระช่วงเช้าเสร็จ ออกจากเมืองสกลฯตอนบ่ายๆ ใช้ทางหลวงสาย 22 ที่ผ่านบ้านท่าแร่นั่นแหละ ระยะทาง 90 กิโลกว่าๆ ขับเรื่อยๆชิลๆ บ่ายแก่ๆก็ถึงตัวอ.เมืองนครพนมแล้ว ระหว่างทางโทรสอบถามที่พัก ได้ห้องที่ บ้านปันสุข ริมแม่น้ำโขง อารมณ์ห้องพักตึกแถวแบบเที่ยวเวียดนาม แต่ไม่อับทึบ มีหน้าต่างรอบด้าน สะอาดเรียบร้อยดี มีสิ่งอำนวยความสะดวกตามเหมาะสม วิวมองเห็นลำน้ำโขงด้วย ที่สำคัญอยู่ใกล้ถนนคนเดินเลย
นครพนมมีอะไรน่าสนใจบ้าง? แนะนำให้ตื่นเช้าๆหน่อย แบบ 7-8 โมง เดินข้ามถนนสุนทรวิจิตร มาเดินเล่นริมลำน้ำโขง เค้าจัดทำทางเดินและทางจักรยานไว้ดีเลย ข้ามมาเช้าๆจะเห็นคนมาตกปลา มายกยอ มาวางอวน อยู่กรุงเทพฯไม่มีให้เห็นหรอก จากนั้นก็เดินเลียบลำน้ำโขงไปเรื่อยๆ ผ่านเข้าไปบริเวณถนนคนเดิน ที่เค้าจะปิดถนนช่วงเย็นๆวันศุกร์กับวันเสาร์ มีขายของขายอาหาร ตอนเช้าก็เลยเงียบๆ เดินเลียบริมโขงไปเรื่อยๆจะผ่านตลาดอินโดจีน มีข้าวของขายเยอะแยะส่วนมากมาจากจีน สนใจมาเดินดูอีกทีได้ตอนสายๆที่ร้านเปิดกันเต็มๆแล้ว
เดินถ่ายรูปไปเรื่อยๆ จนถึงหอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์ แถวนี้จะมีเรือนไม้เก่าๆอยู่เป็นแถว หอนาฬิกาก็เป็นหอเก่าแก่ตั้งแต่ปี 2503 ข้อมูลเขียนไว้ว่าชาวเวียดนามสร้างไว้เป็นอนุสรณ์คราวที่ย้ายกลับมาตุภูมิหลังเสร็จสิ้นภาระกิจสงคราม ตรงหัวมุมถนนมีโรงแรมเก่าแก่โรงแรมไทยสามัคคี ใกล้ๆกันมีโรงแรมเฟิร์ส ไม่ได้ลองเข้าไปดูว่าสภาพข้างในเป็นยังไงบ้างแต่ดูเก่าแก่ดี จากตรงนี้ จะเดินต่อไปอีกก็ได้ แต่เราเมื่อยและเริ่มร้อน จึงวนซ้ายเพื่อจะกลับโรงแรม และเป็นทางไปตลาดได้ แต่ระหว่างทางก็มีร้านขนมปังกาแฟเปิดให้นั่งพักจิบกาแฟแอบฟังคุณลุงเม้าท์เรื่องการเมืองกันได้พักใหญ่ หายเหนื่อยเลยเดินกลับโรงแรมเลย ไม่ไปแล้วตลาด
จากตรงหอนาฬิกาที่เราไม่เดินต่อ เราใช้วิธีขับรถไปแทน แต่ถ้าคุณมีจักรยานปั่นมา ก็ปั่นเที่ยวต่อไปได้ยาวๆเลย ผ่านเลยไปก็จะพบ โรงเรียนสุนทรวิจิตร เป็นอาคารเก่าสีเหลืองสวยงาม ด้านซ้ายมือมีอาคารโล่ง ที่มีองค์พระธาตุประจำวันเกิดจำลองอยู่ครบถ้วนเลย ถ้าใครไม่มีเวลาไปครบทุกวัดมาดูที่นี่ได้เลย ขับต่อไปจะมีจวนผู้ว่าเก่า มีบ้านพักข้าราชการแบบสมัยก่อนตามรายทาง ใครเป็นครอบครัวข้าราชการต่างจังหวัดจะนึกภาพออกเลย เลยต่อไปเป็น วิหารนักบุญอันนา หนองแสง
พระธาตุจำลองในรร.สุนทรวิจิตร | วัดนักบุญอันนา หนองแสง
จากนี้เริ่มไกลล่ะ ขับรถไปน่าจะดีกว่าจักรยาน แต่ถ้าคุณเป็นนักปั่นก็สบายมาก ทางดีขี่สะดวกแต่มีรถใหญ่วิ่ง ไม่มีเลนจักรยาน เราขับต่อไปอีกจนถึงสะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว แห่งที่ 3 ใหญ่โตอลังการงานสร้างจริง แวะจอดสวนด้านข้างสะพานก็พอไม่ต้องข้ามไป เลยขึ้นเหนือไปอ.ท่าอุเทน นมัสการองค์พระธาตุท่าอุเทน พระธาตุประจำคนเกิดวันศุกร์ได้
จุดชมวิวใต้สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 (นครพนม-คำม่วน)
จากอ.เมือง ขับย้อนกลับลงทางใต้ เพื่อไป อ.ธาตุพนม ห่างกันแค่ 50 กม.เอง ขับรถชม.เดียวก็ถึง แวะเที่ยวตามรายทางหรืออกนอกเส้นทางนิดหน่อยก็ได้ มาถึง อ.ธาตุพนมตอนบ่ายแก่ๆ คราวนี้นอนโรงแรมเก่าแก่อีกที่ ธาตุพนมริเวอร์วิว ห้องสบายสไตล์โรงแรมพักเอาแรงก่อนออกไปลุยพระธาตุยามเย็นๆกัน คืนนี้นอนธาตุพนม เช้าตื่นมาสูดอากาศเช้าริมโขงอีกเช้า จ็อคกิ้งเล็กๆ สายๆก็ออกเที่ยวต่อ แวะวัดไปเรื่อยๆจนกลับถึงสกลนครตอนบ่าย
แผนที่ท่องเที่ยวนครพนม (รูปจากเวปนกแอร์) / แผนที่จุดท่องเที่ยวริมโขงนครพนม
พูดถึงพระธาตุ จ.นครพนมนี่เค้ามีพระธาตุที่ว่ากันว่าเป็นพระธาตุประจำวันเกิดครบทุกวันเลย แถมวันพุธ มีกลางวันกลางคืนต่างหาก ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจไปทั้งหมดหรอก แต่ที่เที่ยวแถบนี้จะมีอะไรนอกจากวัด ขับๆไปก็เจอวัด เลยแวะเข้าวัดไหว้พระธาตุไปเรื่อย ไปๆมาๆไปเกือบครบเลย จริงๆก็ครบทุกวันแหละแต่วันพุธเลือกเอาพุธกลางวันที่เดียว
“พระธาตุพนม” | พระธาตุประจำผู้ที่เกิดวันอาทิตย์ และผู้ที่เกิดปีวอก
วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อ.ธาตุพนม : ห่างจากตัวเมืองนครพนม 53 ก.ม.
“พระธาตุเรณู” | พระธาตุประจำผู้ที่เกิดวันจันทร์
วัดพระธาตุเรณู อ.เรณูนคร : ห่างจากตัวเมืองนครพนม 52 ก.ม.
“พระธาตุศรีคุณ” |พระธาตุประจำผู้ที่เกิดวันอังคาร
วัดพระธาตุศรีคุณ อ.นาแก : ห่างจากตัวเมืองนครพนม 78 ก.ม.
“พระธาตุมหาชัย” | พระธาตุประจำผู้ที่เกิดวันพุธ
วัดพระธาตุมหาชัย อ.ปลาปาก : ห่างจากตัวเมืองนครพนม 38
“พระธาตุมรุกขนคร” | พระธาตุประจำผู้ที่เกิดวันพุธ (กลางคืน)
วัดมรุกขนคร ต.ดอนนางหงส์ อ.ธาตุพนม : ห่างจากตัวเมืองนครพนม 38
“พระธาตุประสิทธิ์” |พระธาตุประจำผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี
วัดพระธาตุประสิทธิ์ อ.นาหว้า : ห่างจากตัวเมืองนครพนม 93 ก.ม.
“พระธาตุท่าอุเทน” | พระธาตุประจำผู้ที่เกิดวันศุกร์
วัดพระธาตุท่าอุเทน อ.ท่าอุเทน : ห่างจากตัวเมืองนครพนม 28 ก.ม.
“พระธาตุนคร” | พระธาตุประจำผู้ที่เกิดวันเสาร์
วัดมหาธาตุ ถ.สุนทรวิจิตร อ.เมืองนครพนม
พระธาตุพนม (วันอาทิตย์) | สถูปพระธาตุพนมองค์เดิม
พระธาตุเรณู (วันจันทร์) | พระธาตุศรีคุณ (วันอังคาร)
พระธาตุมหาชัย (วันพุธ) | พระธาตุประสิทธิ์ (วันพฤหัสบดี)
พระธาตุท่าอุเทน (วันศุกร์) | พระธาตุนคร (วันเสาร์)
พูดเรื่องอาหารบ้าง ตอนอยู่อ.เมือง จากที่เสิร์ชข้อมูลมามีร้านอาหารที่ฮิตๆหลายร้านส่วนมากอยู่ริมโขง แต่เราไปช่วงปลายสงกรานต์ คนยังเยอะอยู่ร้านดังๆจะเต็ม เลยเลือกทานร้านในเมืองหน่อย ร้านครัวเวียดนาม ขายอาหารเวียดนามแต่มีอาหารทั่วไปด้วย อร่อยใช้ได้ ส่วนกลางวันก็กินตามลายแทงจากรีวิวตามเน็ทนี่แหละ ร้านแรก ก๋วยเตี๋ยวเรือ หนองแสง อยู่แถวตำบลหนองแสง เป็นก๋วยเตี๋ยวเรือที่ชามใหญ่มากกกก ใส่ไข่นกกระทาด้วยแปลกดี อธิบายทางไม่ถูก ขับซอกแซกเข้าซอยไปตาม GPS ร้านสอง แต๋ว ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ร้านนี้อยู่หลังตลาดอินโดจีน ร้านห้องแถวเก่าๆรกๆ แต่ก๋วยเตี๋ยวอร่อยดีนะ แวะชิมได้เลย บ่ายๆแวะนั่งพักร้อนจิบกาแฟชมวิวแม่น้ำโขงที่ร้านบ้านกาแฟ มีขนมเค้กอร่อยๆด้วย อาหารก็มี ส่วนที่อ.ธาตุพนมไม่ได้ตั้งใจอะไรเป็นพิเศษเลือกร้านอาหารริมโขงไป 1 ร้าน ซึ่งส่วนมากจะเอาโต๊ะมาตั้งที่ทางเลียบริมโขง นั่งรับลมชิลๆไป ร้านจะเดินข้ามถนนมาเสิร์ฟอาหารให้ สั่งพวกปลาแม่น้ำโขงมากินเหมาะสมที่สุด
ย้อนไปเที่ยวสกลนครต่อกัน….
เราเลือกบินไป-กลับสกลนคร เพราะความตั้งใจหลักจะไปถวายสังฆทานกับพระลูกน้อง (ตั้งเอง ไม่รู้จะเรียกยังไง 555) ลงเครื่องแล้วรับรถเช่า บึ่งไปอ.พังโคนก่อนเลย พระบวชได้ 2 อาทิตย์แล้ว จำวัดที่วัดป่าอรัญญิกาวาส ต.ม่วงไข่ อ.พังโคน เป็นวัดป่าที่สงบร่มรื่นมากๆ สุดท้ายได้ถวายสังฆทานกับพระพี่เลี้ยงเพราะพระใหม่รับไม่เป็น ลาพระเพื่อไปเที่ยวต่อ พระแนะนำว่าให้แวะกราบร่างหลวงปู่บุญหนา เจ้าอาวาสวัดป่าโสตถิผล ที่ละสังขารลงด้วยโรคชราไปเมื่อต้นเดือนเมษายนนี่เอง หลวงปู่บุญหนา ธัมฺมทินโน เป็นพระสายวิปัสสนาที่เคร่งครัด เป็นพระชื่อดังรูปหนึ่งของสกลนคร มีชาวบ้านเลื่อมใสศรัทธามาก แล้วท่านก็ยังเป็นหลานแท้ๆ ของพระอาจารย์ฝั้น อาจาโรด้วย
จากอ.เมืองขับมาอ.พังโคน สังเกตุได้ว่า สกลนครเป็นจังหวัดที่ดูเงียบๆ รถก็ไม่มาก พอเข้าไปถึงวัดป่าโสตถิผลตกใจเลย เพราะคนมากมายไปรวมกันอยู่ที่วัด ต่อคิวกันเข้ากราบร่างท่าน นับว่าเป็นบุญที่เราได้เข้ากราบร่างท่านด้วย
ถวายสังฆทาน วัดป่าอรัญญิกาวาส | วัดป่าโสตถิผล (วัดหลวงตาบุญหนา)
ออกจากวัดป่าโสตถิผล ตามรายทางมีป้ายที่เที่ยวให้แวะได้อีกหลายที่ เช่น พระธาตุภูเพ็ก ซึ่งต้องเดินขึ้นบันไดไปยอดเขาภูเพ็ก สูงพอหอบเลยนะ ด้านบนมีซากปราสาทแบบขอม ยังมีภาพสลักให้เห็นอยู่บ้าง อีกที่ก็ปราสาทนารายณ์เจงเวง เป็นปราสาทขอมอีกที่ แต่ครั้งนี้เราไม่แวะเพราะเคยเข้าไปแล้ว
พระธาตุภูเพ็ก
วิวจากยอดดอยภูเพ็ก
สกลนครเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยพระนักปฏิบัติ จึงมีวัดป่าเยอะแยะมากมาย พระที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักส่วนมากก็ละสังขารไปแล้ว จึงมีพิพิธภัณฑ์ที่แสดงประวัติของท่าน มีอัฐิของท่านให้คนกราบไหว้ บางที่มีรูปหล่อมีหุ่นขี้ผึ้ง มีเครื่องอัฐบริขารของท่านจัดแสดง ใครศรัทธาองค์ไหนก็แวะไปได้ เช่น
“วัดป่ากลางโนนภู่ – พิพิธภัณฑ์พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต” เป็นสถานที่ที่พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต เคยใช้เป็นที่พักชั่วคราวในช่วงที่ท่านอาพาธเป็นระยะสุดท้าย
“วัดป่าสุทธาวาส – พิพิธภัณฑ์พระอาจารย์มั่น” ที่สร้างขึ้นเพื่อถวายแด่พระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล และพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต มีตู้กระจกบรรจุอัฐิของท่านที่แปรสภาพเป็นแก้วผลึกสีใส ใกล้ๆกันก็มี “พิพิธภัณธ์หลวงปู่หลุย จันทสาโร (จันทรสารเจติยานุสรณ์)”
“วัดอภัยดำรงธรรม (วัดถ้ำพวง) – พิพิธภัณฑ์พระอาจารย์วัน อุตตโม” ซึ่งพระอาจารย์วัน อุตตโม เป็นผู้สร้างขึ้น
“วัดป่าอุดมสมพร – พิพิธภัณฑ์อาจารย์ฝั้น อาจาโร” มีกุฏิที่ท่านเคยจำวัดอยู่ริมบึงน้ำ เป็นกุฏิที่เรียบง่ายมากๆ
“วัดถ้ำขาม” ตั้งอยู่บนภูขาม ทางขึ้นชันและคดเคี้ยวเล็กน้อย แต่ด้านบนวิวสวย อากาศดี เคยเป็นที่ปฏิบัติธรรมของพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ปัจจุบันยังเป็นวัดหนึ่งที่เก็บอัฐิของพระอาจารย์เทศก์ เทศรังสี ด้วย
วัดถ้ำขาม | กุฏิพระอาจารย์ฝั้น
นั่นแค่ส่วนหนึ่งนะ ศรัทธาที่ไหนแวะเข้าไปได้เลย เราแวะไม่ครบทั้งหมดในคราวนี้ แต่เคยมาแล้ว บางที่ก็เลยไม่ได้แวะซ้ำ เข้าถึงในตัวอ.เมือง ก็ต้องแวะ วัดพระธาตุเชิงชุม กราบนมัสการหลวงพ่อพระองค์แสน พระพุทธรูปปางมารวิชัยศิลปะเชียงแสน พระพุทธรูปคู่เมืองของสกลนคร จากนั้นเลยไป พระธาตุดุม ซึ่งคงไม่ค่อยมีใครไป เพราะเป็นลักษณะปราสาทขอมเล็กๆ ที่อยู่ในเขตโรงเรียน มีรูปสลักทับหลังเหลือให้เห็นอยู่ 2-3 ชิ้น อีกวัดที่คนนิยมไปเที่ยวเพราะมันสวยอลังการคือ วัดถ้ำผาแด่น ต้องขับรถออกไปไกลเหมือนกัน ขึ้นเขาไปอีกหน่อย วัดดูแปลกๆอลังการงานสร้าง ตอนไปพอดีฝนลงหนัก เลยไม่ได้ถ่ายรูปอะไรมาก
พระธาตุเชิงชุม วัดพระธาตุเชิงชุมราชวรวิหาร
ภาพสลักบนทับหลัง พระธาตุดุม | วัดถ้ำผาแด่น บนเทือกเขาภูพาน
ถ้าไม่เที่ยววัด ชมปราสาท ก็คงต้องต้องไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติภูผายล หรือพระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ ที่เราเคยไปมาแล้ว ครั้งนี้เลยไม่ได้ไป อช.ภูผายลมีทุ่งดอกไม้สวยๆ ต้องไปช่วงปลายฝนต้นหนาว
ใกล้ๆตัวเมืองมีที่เราไปแวะอีกที่คือ อุทยานบัว เป็นบึงบัวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย อยู่ในเขตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ ไปแวะดูบัวตอนเย็น 1 รอบ ตอนเช้า 1 รอบ ถ้าอยากถ่ายรูปสบายๆให้ไปตอนเช้า เพราะตอนเย็นคนเยอะ ทั้งมาเดินเล่น มาชมบัว แถมรอบๆบึงมีคนมาวิ่งออกกำลังกายด้วย
ใกล้ๆอุทยานบัวก็มี บ้านท่าแร่ ที่เราเล่าไปแล้วครั้งก่อนด้วย
บ้านท่าแร่ | หนองหาร
เรื่องอาหารก็ไม่มีอะไรพิเศษ วันแรกที่ไปพังโคน ก็ได้กินไก่ย่างพังโคน เสิร์ชเอาอีกล่ะ ถูกใจคำโฆษณา “มาพังโคนต้องโดนน้องฟ้า” เลยต้องมาจัด ร้านน้องฟ้าไก่ย่างพังโคน อยู่ริมถนนเห็นง่ายร้านไม่ใหญ่แต่ดูจากจำนวนไก่ที่ขายต้องไม่ใช่เล่นๆ ขายแต่ไก่กับข้าวเหนียว อาศัยสั่งส้มตำ ลาบ น้ำตกร้านข้างๆได้ อีกอย่างที่ต้องไม่พลาดเมื่อมาสกล ก็เนื้อโพนยางคำยังไงล่ะ เสิร์ชเอาอีกหลายคนรีวิวร้าน เตาถ่าน หมายมั่นมากต้องไปจัดโพนยางคำที่ร้านเตาถ่าน แต่ GPS เล่นตลกพาเราหลงวนไปมา สุดท้ายขับผ่าน ฟามฮัก โคขุนคุณทอง หิวแล้วเลยเข้าไปจัด กลางคืนดูเงียบๆ คนส่วนมากคงมากลางวันกัน เพราะทำร้านสวยๆ มีแกะ มีม้า อะไรพวกนี้ มาเจอร้านเตาถ่านเอาตอนจะกลับ มันอยู่ใกล้รร.ที่เราพักนิดเดียว เสียดายมาก อาหารอีกอย่างที่คนมาสกลนครไม่ค่อยพลาดคือ อาหารเวียดนาม นัดกับทิดลูกน้อง (ใช่ๆ พระสึกออกมาพอดี) ทิดบอกว่าอยากกินข้าวเกรียบปากหม้อญวน เลยชวนกันไปร้านดังของสกลนคร วิลลี่แหนมเนือง ร้านนี้ค่อนข้างดัง มีแต่คนพูดถึง เราไปชิมแล้วก็รู้สึกเฉยๆ แถมทำไมไม่มีปากหม้อที่ทิดอยากกินด้วย แต่ของฝากจากสกลนครที่เราชอบมากคือหมูยอ เราซื้อร้านของฝากน้องนิด ข้างร้านวิลลี่ หมูยอมาเป็นแผ่นหนาสัก 1 ซม.ได้ แผ่นใหญ่พอๆกับไอแพด เหนียวนุ่มอร่อยกำลังดี เอามาทอดมายำ อร่อยทุกอย่าง ควรซื้อกลับ แนะนำเลย
ขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพฯแบบอิ่มบุญและอิ่มท้อง
Leave a Reply