วันเดียวเที่ยวเมือง(น)คร

อ.เมือง นครศรีธรรมราช วันเดียวก็เที่ยวได้

กรกฎาคม ๒๕๖๑

ถ้าชวนไปเที่ยวนครศรีธรรมราช จุดหมายของหลายๆคนคงอยู่ที่คีรีวง หรือเดินป่าเขาหลวง หรือเที่ยวน้ำตกกรุงชิง แต่หากมีเวลาแค่ 1 วันในเมืองนครฯ มีอะไรให้ทำ ให้ดู ให้เที่ยวบ้าง ลองดูกัน

วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร

มาถึงนครศรีธรรมราชที่แรกที่ทุกคนควรไปคือ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร เพื่อนมัสการ พระบรมธาตุเจดีย์ ที่ภายในบรรจุพระทันตธาตุ ของพระพุทธเจ้า ที่ตั้งของวัดเรียกว่าอยู่กลางเมืองเลยก็ได้ มองเห็นองค์พระบรมธาตุเจดีย์สีขาวได้ตั้งแต่ยังไม่ถึงวัดเพราะเป็นพระเจดีย์ขนาดใหญ่ที่สุดในภาคใต้ พระบรมธาตุเจดีย์ทรงลังกาสีขาวกำลังอยู่ในช่วงบูรณะ มีนั่งงร้านล้อมรอบอยู่ แต่ก็ยังมีคนเข้ามาสักการะกันไม่ขาดสาย ที่วัดพระมหาธาตุนี้เหมือนเป็นจุดรวมนักท่องเที่ยว ลานจอดรถเต็มไปด้วยรถสองแถวรถบัสรถยนตร์ส่วนตัวแทบทั้งวัน ใครไปใครมาต้องมากราบไหว้องค์พระธาตุคู่เมืองเพื่อเป็นศิริมงคลกันเป็นอย่างแรก

เริ่มแรกนำดอกไม้ธูปเทียนมาจุดไหว้บูชา ก่อนจะเข้าด้านใต้องค์พระธาตุเช่าผ้าบูชาพระบรมธาตุเจดีย์ แล้วนำผ้าขึ้นไปพันรอบฐานเจดีย์ก็ได้ หรือบางคนก็แค่เพียงขึ้นไปเดินสวดมนต์ทำสมาธิพร้อมกับเอามือแตะผ้าที่พันอยู่แล้วมากมายหลายผืนไปด้วยก็มี อันนี้แล้วแต่เลย จากนั้นก็ออกมาบริเวณรอบๆองค์พระบรมธาตุ มีเจดีย์เล็กๆเรียงรายกันมากมายร้อยกว่าองค์ ถ้าไม่ร้อนจนเกินไปก็เดินชมได้

จากนั้นก็เดินเข้าไปในวิหารพระทรงม้า ซึ่งใช้เป็นทางขึ้นไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา อย่างเช่น การแห่ผ้าขึ้นพระธาตุ เข้าไปแล้วจะเห็นบันไดขึ้นไปสู่พระมหาธาตุเจดีย์ ด้านข้างมีรูปปูนปั้นเป็นรูปเจ้าชายสิทธัตถะทรงม้าทั้งด้านซ้ายและด้านขวา บันได 22 ขั้นทอดยาวขึ้นไปสู่ฐานชั้นบนของพระมหาธาตุเจดีย์ ชั้นล่างสุดเป็นรูปปูนปั้นของยักษ์คู่ชื่อ ท้าวกุเวฬุราช และ ท้าวทศรถ เหนือแท่นบนสูงขึ้นไปเกือบถึงเพดานเป็นรูปปูนปั้นครุฑคู่ ชื่อ ท้าววิรุฬปักษ์ และ ท้าววิรุฬหก และขนาบบันไดทั้งสองข้างขึ้นไปมีรูปปูนปั้นเป็นสัตว์ในหิมพานต์ ได้แก่ สิงห์ ราชสีห์ และ หมี อย่างละ 1 คู่ซ้ายขวา สุดบันไดซ้ายขวา เป็นปูนปั้นปิดทองของเทพผู้อภิบาลพระมหาเจดีย์ ด้านซ้ายมือเป็น ท้าวจตุคาม และด้านขวามือเป็น ท้าวรามเทพ นั่งคุกเข่าซ้ายหันหน้าออกมาเหมือนกันทั้งคู่ ประตูสำหรับเปิดเข้าไปสู่พระมหาธาตุเจดีย์เป็นประตูไม้มีรูปสลักนูนลอย ประตูด้านซ้ายมือเป็นรูปพระพรหม ประตูด้านขวาเป็นรูปพระนารายณ์ หรือพระวิษณุ (พระอิศวร) เทพผู้คุ้มครองโลก ตามความเชื่อของศานาพราหมณ์-ฮินดู

ติดกับวิหารพระทรงม้าเป็นวิหารเขียน ปัจจุบันปรับเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงพระพุทธรูป และงานศิลปะปูนปั้น รวมทั้งวัตถุโบราณมากมาย

ต่อไปที่วิหารพระแอด หรือ วิหารพระมหากัจจายนะ ที่หลายๆคนศรัทธาในการให้โชคให้ลาภ ให้ความสำเร็จ รวมถึงช่วยให้หายเจ็บป่วย ปวดหลัง ถึงขนาดว่าองค์พระล้อมกรอบกระจกไว้แต่ต้องเว้นช่วงหลังไว้ให้คนแปะทองกันเลย นอกจากนั้นยังมี เจดีย์ศิลาในดงหว้า เป็นเจดีย์ศิลาจากเมืองจีน ภายในมี พระปัญญา ชาวบ้านเรียกว่า “พระออกสื่อ” (เหงื่อ) ใครอยากเก่งอยากฉลาด ให้ขอปัญญาจากท่าน โดยเอามือแตะที่พระอุระแล้วมาแตะที่อกตนเอง แบบว่าขอปัญญาจากท่าน

หากยังมีเวลาอีกก็เดินตามระเบียงคตรอบพระบรมธาตุเจดีย์ ชมพระพุทธรูปปูนปั้นนั่ง อยู่รอบระเบียงมีทั้งหมด 173 องค์เป็นฝีมือช่างปั้นสมัยอยุธยาและรัตนโกสินทร์

แค่นี้ก็ใช้เวลาเป็นชั่วโมงแล้วนะ ยกเว้นว่าแค่เข้าไปไห้พระธาตุก็ไม่เกินครึ่งชั่วโมง

 

 

 
บันไดขึ้นไปสู่พระมหาธาตุเจดีย์


บ้านท่านขุนรัฐวุฒิวิจารณ์

จากวัดพระมหาธาตุ ข้ามฝั่งมาเยื้องๆกัน จะเดินมาหรือเอารถมาก็ได้มีที่จอด จะมีบ้านเก่าแก่ของขุนรัฐวุฒิวิจารณ์ นายอำเภอเมืองกลาย ได้รับแต่งตั้งเป็นท่านขุนเมื่อปี 2455 ถือศักดินา 855 ไร่ ท่านขุนไม่มีลูก บ้านหลังนี้ได้ถูกส่งมอบเป็นมรดกให้แก่คนในตระกูล ตรีสัตยพันธุ์ ที่มีศักดิ์เป็นหลาน ภายหลังถูกใช้เป็นโรงเรียนเรื่อยมา จนปิดตัวลงในที่สุด ปัจจุบันได้ทำการบูรณะจนสวยงาม แล้วเปิดให้เข้าชมได้

   

  

 

  


หอพระนารายณ์ – หอพระอิศวร

จากถนนราชดำเนิน ที่ผ่านวัดพระมหาธาตุและบ้านท่านขุนฯ นั่งรถต่อไปอีกกิโลกว่าๆก็จะเจอ หอพระอิศวรด้านซ้าย หอพระนารายณ์ด้านขวา อยู่คนละฝั่งถนนกัน

บริเวณหอพระอิศวร จะมีเสาชิงช้าสีแดงแบบเสาชิงช้าที่กรุงเทพฯ แต่มีขนาดเล็กกว่า มองเห็นชัดเจน อาคารปูนสีขาวที่ปรับปรุงเสียดูใหม่เอี่ยม เป็นโบราณสถานในศาสนาฮินดูลัทธิไศว สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประดิษฐานศิวลึงค์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ขององค์พระอิศวร

ฝั่งตรงข้ามกันคือ หอพระนารายณ์ อาคารปูนสีขาวรูปทรงคล้ายกัน ข้างในมีเทวรูปพระนารายณ์จำลองจากองค์จริงที่พบในแหล่งโบราณคดีแถบสิชล

แต่วันที่เราไปทั้ง 2 หอปิดเข้าไม่ได้ ได้แต่ถ่ายรูปด้านนอกมา

  


สวนสาธารณะศรีธรรมมาโศกราช / กำแพงเมืองเก่า / ศาลหลักเมือง

นั่งรถต่อไปอีกนิดเดียว จะเห็นแนวกำแพงเมืองเก่าอยู่ด้านหน้า ด้านซ้ายมือคือ สวนสาธารณะศรีธรรมมาโศกราช ขับผ่านแนวกำแพงเมืองเก่าไปข้ามคลองท่าเมืองไปจะเจอกับสนามหน้าเมือง เป็นสนามหญ้าขนาดกว้างขวาง ที่มักเอาไว้จัดงานต่างๆของเมือง สุดสนามหน้าเมือง จะเป็นศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช ให้เลี้ยวซ้ายที่ถนนหน้าเมืองไปวนหาที่จอดรถ ด้านหลังของสนามหน้าเมืองหรือด้านหลังสวนสาธารณะ แล้วลงเดินเที่ยวแถบนี้ได้

ในบริเวณสวนสาธารณะศรีธรรมาโศกราชจะมีเสาชิงช้าแบบเดียวกับที่หน้าหอพระอิศวรแต่อันนี้ทำจำลองมาให้ถ่ายรูปกัน ติดๆกันเป็นอนุสาวรีย์พระเจ้าศรีธรรมมาโศกราช ปฐมกษัตริย์ราชวงศ์ผู้สร้างเมืองนครศรีธรรมราช เดินเล่นต่อไปที่แนวกำแพงเก่า เดินเล่นแถวริมคลองท่าเมืองก็ดี แต่ควรมาบ่ายแก่ๆหน่อย ข้ามคลองมาฝั่งสนามหน้าเมืองถ้าเป็นวันศุกร์สุดท้ายของเดือน จะมีตลาดริมน้ำเมืองลิกอร์ มีขายสินค้าชุมชน ขายอาหาร มีเครื่องเล่นต่างๆ มีกิจกรรมบนเวที การแสดงของเยาวชนและชุมชน น่าจะอารมณ์คล้ายๆงานวัด เราไปไม่ตรงวันอดได้เที่ยวงานนี้เลย

เข้าสักการะศาลหลักเมืองด้วยก็ดี ทำสถานที่ได้ดีสวยงาม สะอาด เดินเลยศาลหลักเมืองไปตามถนนหน้าเมือง จะเจอกับหอพระสูง เป็นหอพระที่อยู่บนเนินสูง ซึ่งวันที่ไปปิดอีกเช่นกัน อดเข้าไปไหว้พระอีก

  

 

สวนสาธารณะศรีธรรมมาโศกราช

  

  

แนวกำแพงเมืองเก่า ขนานไปกับคลองคูเมือง

  

ศาลหลักเมือง / หอพระสูง


วัดแจ้งวรวิหาร / วัดประดู่พัฒนาราม

2 วัดนี้อยู่ติดกันเลย ตั้งอยู่บนถนนราชดำเนิน ถนนเส้นเดิมที่เราผ่านมา แต่นั่งรถจากศาลหลักเมืองต่อไปอีก 2-3 กม. มองด้านขวามือ จะถึงวัดประดู่ก่อน เลี้ยวเข้าไปจอดรถในวัดได้เลย จุดมุ่งหมายที่จะมาดูคือ เก๋งพระเจ้าตาก หรือ ตึกเจ้าตาก เป็นอาคารปูนขนาดย่อมๆลักษณะคล้ายศาลเจ้า โดยผู้สร้างคือเจ้าพระยานคร (น้อยกลาง) ผู้เป็นลูก สร้างเพื่อบรรจุอัฐิเจ้าพระยานคร (น้อย) ผู้เป็นบิดา และมีอัฐิสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีผู้เป็นปู่อยู่ด้วย โดยอัฐิพระเจ้าตากนี้เจ้าพระยานคร (น้อย) ได้รับแบ่งมาในฐานะของทายาท เมื่อเจ้าพระยานคร (น้อยกลาง) สร้างเก๋งนี้จึงนำอัฐิของพ่อและปู่มาไว้ด้วยกัน เก๋งจีนพระเจ้าตากได้รับการดูแลอย่างดี มีการกั้นรั้วรอบเรียบร้อย มีซุ้มประตูรั้วประดับด้วยปูนปั้นรูปดอกบัว ตัวอาคารด้านหน้า มีบานประตู 2 บานใหญ่ ทำด้วยไม้ ฉลุลวดลายเป็นดอกโบตั๋น นกระเรียน หงส์ ไก่ฟ้า ซึ่งส่งมาจากประเทศจีน และรูปปั้นม้าคู่ซ้ายขวา ชื่อ สายฟ้า และ เมฆหมอก

ในบริเวณวัดประดู่ยังมีอุโบสถเก่ามีฐานอาคารที่แอ่นโค้งเหมือนท้องสำเภาเรือ เป็นลักษณะเด่นอย่างหนึ่งของอาคารในสมัยอยุธยาตอนปลาย และมีอนุสาวรีย์พระเจ้าตากให้สักการะ และยังมีรูปปั้นหลวงพ่อทวดในศาลให้กราบไหว้ด้วย

วัดติดกันคือวัดแจ้งวรวิหาร มีเก๋งจีนหน้าตาคล้ายเก๋งพระเจ้าตากอีกหลังหนึ่ง อยู่กลางร่มไม้ รั้วของเก๋งมีซุ้มประตูประดับรูปปูนปั้นสวยงาม ภายในเก๋งจีนบรรจุอัฐิของพระเจ้านครศรีธรรมราช (หนู) และหม่อมทองเหนี่ยว พระชายา

ไปแล้วต้องดูให้ครบ 2 วัดตามคำกล่าว “เข้าวัดแจ้ง ดูเก๋งปูนปั้นซุ้มประตู เข้าวัดประดู่ ดูลายไม้แกะจากเมืองจีน”

  

   

วัดประดู่พัฒนาราม / เก๋งพระเจ้าตาก

  

 

  

เก่งจีน วัดแจ้งวรวิหาร


พิพิธภัณฑ์หนังตะลุงสุชาติ

หลายๆคนรู้จักหนังตะลุง แต่ไม่เคยดู ไม่เคยรู้ความเป็นมาของหนังตะลุง แนะนำให้ไปพิพิธภัณฑ์หนังตะลุงสุชาติ ที่บางคนก็เรียกง่ายๆว่า บ้านหนังตะลุงสุชาติ ตั้งอยู่ที่ถนนศรีธรรมโศก กลางเมืองนครฯ

ก่อนอื่นต้องทำความรู้จักเจ้าของบ้านก่อน “สุชาติ ทรัพย์สิน” เป็นนายหนัง และนักแกะหนังตะลุงที่มีชื่อเสียงแห่งเมืองนคร ได้รับตำแหน่งศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง(การแสดงพื้นบ้าน) เมื่อ พ.ศ.2549 ท่านอจ.สุชาติ เสียชีวิตเมื่ออายุ 79 ปี เมื่อ พ.ศ. 2558 ปัจจุบันลูกชายคนโต คือ อจ.วาที ทรัพย์สิน เป็นผู้สืบทอดและดูแลพิพิธภัณฑ์ ร่วมกับคนในครอบครัว

แรกเดินเข้าไปในบริเวณบ้านหนังตะลุง เหมือนเดินเข้าไปเที่ยวบ้านญาติ ที่ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ ไม่มีไม้กั้นเก็บค่าเข้าค่าบำรุงรักษาอะไรเลย มีพี่ผู้ชายนั่งเล่นอยู่ใต้ร่มไม้ เมื่อเห็นเราเข้ามาก็ตะโกนเรียกเด็กในบ้านให้ออกมาดูแล น้องผู้หญิงยิ้มหวานออกมาต้อนรับ (ดูแล้วเรียกน้องคงไม่ได้ น่าจะต้องเป็นหลานสาวเหมาะกว่า) หลานสาวพาเราเดินดูพร้อมอธิบายประวัติหนังตะลุง และที่มาที่ไปของการก่อตั้งพิพิธภัณฑ์นี้ว่า เกิดจากแรงบันดาลใจจากพระกระแสรับสั่งของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ที่ว่า “ขอบใจที่รักษาของเก่าไว้ แล้วก็ขออย่าหวงวิชา จงช่วยเผยแพร่ต่อไป “ ทรงรับสั่งตอนที่คุณปู่ไปแสดงหนังตะลุงถวายช่วงปีพุทธศักราช 2527 ใช่แล้ว เด็กคนนี้คือหลานปู่ของ อจ.สุชาติ ผู้ชายที่ตะโกนเรียกหลานสาวมาให้ดูแลเราคือคุณพ่อ ที่เป็นลูกชายอีกคนของอจ.สุชาติ ระหว่างเดินชมพิพิธภัณฑ ซึ่งเป็นบ้าน 2-3 หลัง เรายังเดินผ่านคุณย่า (ภรรยาอจ.สุชาติ) ที่ยังนั่งลงสีหนังตะลุงอยู่ใต้ถุนบ้านด้วย และยังได้เจออจ.วาที ที่เป็นลุงนั่งสัมภาษณ์รายการทีวีอยู่ด้วย ตอนหลังก็ยังเจอคุณอาที่มาเดินคุยกับเราอีก บอกแล้วว่าที่นี่ดูแลและบริหารโดยครอบครัวทั้งหมด

หลานสาวพาเราเดินดูตัวหนังตะลุงที่จัดรวบรวมไว้อย่างดี เปิดหูเปิดตามาก ว่าการแสดงหนังตะลุงมีในหลายชาติหลายภาษา เดินดูตัวหนังตะลุงในแต่ละชาติ และตัวหนังตะลุงโบราณต่างๆ ที่มีสะสมไว้มากมาย นอกจากนั้นก็เพิ่งได้รู้ว่าตัวตลกที่เรารู้จักแต่ เท่ง และ หนูนุ้ย ก็เป็นแค่ 2 ในหลายสิบตัวตลก ตอนท้าย พามาอธิบายวิธีตอกลายและลงสีหนังตะลุง และให้เราทดลองทำด้วย มันยากกว่าที่คิดเยอะเลย ตัวหนังตะลุงลายละเอียดๆถึงราคาแพง เพราะใช้ฝีมือ ใช้เวลา และแรงกายแรงใจมากเลย ส่วนอื่นๆในพื้นที่ก็มีโรงหนังตะลุง ที่เอาไว้แสดงโชว์ให้นักท่องเที่ยวดู แต่ตอนที่เราไปไม่มีแสดง เสียดายมาก

อยากให้ไปเยี่ยมชมกัน และช่วยกันซื้อของที่ระลึกหรือบริจาคเงินช่วยค่าบำรุงรักษาสถานที่ เพื่อให้เรามีแหล่งเรียนรู้มรดกทางวัฒนธรรมท้องถิ่นต่อไปอีกนานๆ

   

  

   

  

ภรรยา อจ.สุชาติ และ อจ.วาที ผู้รับช่วงต่อศิลปะหนังตะลุง

   

   

 

   

  


วันเดียวเที่ยวได้ทั้งหมดนั้นเลย ไม่ไกลกัน จัดเวลาดีๆสบายมาก ที่สำคัญทุกที่ไม่เสียค่าเข้าเลย ถ้าคนสนใจเครื่องเงิน แนะนำให้ไปลองเดินดูเครื่องเงินบริเวณถนนท่าช้าง ใกล้ๆททท.นครศรีฯ ถ้าขับรถผ่านศาลหลักเมืองมาตามถนนหน้าเมืองก็จะมาทะลุถ.ท่าช้างพอดี มีร้านเครื่องเงินคุณภาพดี ราคาถูก มีแบบสวยๆให้เลือกซื้อหลายร้าน

เที่ยวกันหลายๆที่ ระหว่างวันต้องมีพักกินอะไรกันบ้าง แนะนำร้านตามที่ไปกินมาเฉพาะในตัวเมือง

♦ สมบูรณ์โอชา : ของกินยามเช้า ติ่มซำ โจ๊ก ของทอด ชา กาแฟ อยู่ใกล้ตลาดสดเทศบาล ถ.ปากนคร เวลาสั่งติ่มซำให้เดินไปเลือกที่ตู้หน้าร้าน หยิบใส่ถาดแล้วส่งให้เค้าเอาไปนึ่ง ก็จะได้กินของที่เราเลือกแบบร้อนๆ แต่น้ำจิ้มจะแปลกกว่าติ่มซำที่เคยกิน เพราะไม่ใช่ซอสเปรี้ยวซอสเค็ม แต่เป็นคล้ายน้ำจิ้มไก่ แปลกดี

♦ โกปี๊ : ร้านกาแฟ ที่ขยายกิจการเป็นร้านขายอาหารเช้า กลางวัน ยันเย็น มีอาหารพวกข้าว ก๋วยเตี๋ยวขายด้วย ชา กาแฟ โรตี ติ่มซำ มีแน่นอน อาหารเด่นอีกอย่างคือ บะกุ๊ดเต๋ สั่งมาทานคู่กับข้าวสวยอร่อยดี หรือจะเป็นข้าวมันแกงกุ้ง/ไก่/เนื้อ ก็ดี ถ้ามาช่วงเช้าข้าวเหนียว 5 สีอร่อยมาก แต่สายแล้วหมด โกปี๊ขายดี เป็นร้านดังของนครฯช่วงเทศกาลคนต่อคิวยาวทั้งวัน มีหลายสาขาให้เลือก สาขาข้างศาลากลาง, สาขาหลังโรบินสัน, สาขาคิวคูตอน และมีสาขาที่ทุ่งสงด้วย

♦ บังบ่าว : ร้านน้ำชายามเย็น เปิดตอน 4 โมงเย็น ชื่อร้านน้ำชา แต่ขายโรตีทั้งคาวหวาน ขายอาหารด้วย พวกข้าวต่างๆ หอยทอดก็มี บังบ่าวมีหลายสาขามาก เลือกกินตามสะดวก

♦ ขนมจีนเมืองคอน : ร้านขนมจีนชื่อดังกลางเมือง ใกล้วัดพระธาตุเมืองนครฯ ขายทั้งขนมจีน ทั้งข้าวแกง ขนมจีนขายทั้งเป็นชุดและเป็นจาน มีน้ำยาปูด้วย อร่อยใช้ได้

♦ ท่าศาลาซีฟู๊ด : ร้านนี้ออกนอกเมืองไปที่ อ.ท่าศาลา แต่ไม่ไกลเลย คนในเมืองก็ขับรถไปทานกัน ท่าศาลาอยู่ไม่ห่างจากสนามบินนครฯ ก็เลยไปทานก่อนมาขึ้นเครื่องได้สบายๆ อาหารจานใหญ่คุ้มราคา ปูสดมาก แกะกรรเชียงออกมาได้เป็นก้อนๆเลย แต่น้ำจิ้มแซ่บน้อยไปนิด บรรยากาศใช้ได้ เพระติดริมน้ำ มองเห็นหมู่บ้านชาวประมงด้วย

 

มีร้านอร่อยๆอีกหลายร้าน ต้องอยู่สักอาทิตย์ถึงกินได้หมดทุกร้าน อ่านที่หลายๆคนเขียนแนะนำแล้วอยากไปทุกร้านเลย ขับรถออกไปทางอ.ลานสกา ยังมีร้านอร่อย ร้านกาแฟน่ารักน่าแวะนั่งจิบกาแฟชมวิวอีกหลายร้านเลย หรือไปถึงสิชลก็มีร้านอาหารทะเลให้เลือกอีกเยอะเลย

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Twitter picture

You are commenting using your Twitter account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s

Website Built with WordPress.com.

Up ↑

%d bloggers like this: