เที่ยวเชียงรายหน้าฝน | ตุลาคม 2563
ฉบับเที่ยวไปกินไปจิบกาแฟไป ✌️

ช่วงต้นเดือนตุลา ยังไม่ปลายฝน และยังไม่ต้นหนาว แต่เราเริ่มเที่ยวแล้ว ปกติทริปเที่ยวไทยของเราจะเริ่มช่วงปลายตุลาคม ขอให้ฝนซาๆก่อน แต่ปีนี้เริ่มเที่ยวเร็วหน่อย เพราะอยากตามล่าหาทะเลหมอกสวยๆ เลือกเสี่ยงดวงที่ภูชี้ฟ้า แถมด้วย ภูชี้ดาว ชี้เดือน ที่เพิ่งเปิดใหม่ 2-3 ปีมานี้ เพราะทะเลหมอกจะเยอะมันต้องมีฝน คือฝนตกก่อนแล้ววันรุ่งขึ้นหมอกจะมา ซึ่งการตามล่าของเราประสบความสำเร็จงดงามแม้จะพลาดเป้าจากภูชี้ฟ้าไปงดงามอีกวันที่ภูชี้ดาว ภูชี้เดือน อ่านเรื่องเล่าคราวตามหาทะเลหมอกได้ที่ [ เที่ยวเชียงรายหน้าฝน | ทางหลวง 1093 ]

จัดทริปแบบ 4 วันเกือบเต็ม วันแรกออกบินตอนสายๆ เที่ยวแบบสบายๆ ไม่ต้องงกชั่วโมงเที่ยว นั่งโลวคอสรูปสิงโต ถึงสนามบินแม่ฟ้าหลวงจังหวัดเชียงรายตอนเที่ยงกว่า รับรถเช่าแล้วออกจากสนามบินเข้าเมืองไปกินข้าวซอยร้านประจำคือ ข้าวซอยไก่พอใจ อิ่มแล้วแวะจิบกาแฟดีศรีเชียงรายที่เพื่อนแนะนำมา ที่ร้าน 22 Grams แล้วไปเช็คอินที่พัก บ้านลมหนาว ที่วันนี้ไม่หนาวแต่ร้อนระอุๆ เลือกที่นี่เพราะดูสงบดีและอยู่ในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน จากนั้นก็บึ่งรถไปเยี่ยมเยือน วัดร่องขุ่น กันหน่อยไม่ได้มา 10 กว่าปีแล้ว เดินเที่ยวชมจนหมดเวลาก็ออกไปเยี่ยม สิงห์เบียร์ เอ๊ยยย สิงห์ปาร์ค อันนี้ไม่เคยมา ต้องมาไม่ให้ตกยุค ความจริงถ้าไม่ไปวัดร่องขุ่นตรงมาที่นี่เลยก็น่าจะได้นั่งรถของสิงห์ปาร์คพาทัวร์ไร่ แต่เรามาตอนเกือบๆห้าโมงเย็น รถเลิกวิ่งไปแล้ว ก็ขับรถส่วนตัวเข้าไปได้แค่ส่วนไร่ชาและร้านอาหาร มีให้เลือก อาหารไทย อาหารฝรั่ง เราเลือกร้านอาหารไทย ภูภิรมย์ ก็เลี้ยวขวามาทางไร่ชา ชมไร่ชาก่อนแล้วไปกินข้าวเย็น ใช้ e-coupon ของเราเที่ยวด้วยกัน เอามาจ่ายค่าอาหารได้
วันที่ 2 ตั้งใจจะออกไปทานอาหารเช้าในเมือง หาข้อมูลมา มีทั้ง กาแฟรถเหลือง, โอราอาหารเหนือ, สหรสต้มเลือดหมู สรุปสุดท้ายที่พักบอกว่ามีโจ๊กให้ เลยนั่งกินโจ๊กนี่แหละ จิบชากาแฟ ขนมปังปิ้ง กินกล้วย อิ่มสบายใจ ก็เช็คเอาท์เลย เริ่มต้นด้วยไปที่เที่ยวไกลก่อน ไกลก็แค่ 8 กม.จากกลางเมืองไป วัดห้วยปลากั้ง อยากไปให้เห็น แต่อยู่ไม่นานเพราะไม่ถูกจริตนัก แล้วขับต่อไปที่ วัดร่องเสือเต้น นี่ก็อยากมาให้เห็นกับตา เพราะแปลกที่ทำธีมสีฟ้าจัดจ้านเหลือเกิน หน้าฝนแต่ร้อนเหมือนซ้อมตกนรก ไม่แน่ใจว่าร้อนเพราะแดดหรือร้อนเพราะเข้าวัด ต้องเดินออกมานั่งกินไอติมกะทิอัญชันหน้าวัด ช่วยพี่เขาคิดว่าทำยังไงร้านจะดัง ก็จะช่วยพี่เขาโปรโมทแล้วกันนะ ตามแผนมันควรจะใกล้เที่ยง จะได้กินข้าวเที่ยงที่ร้านชีวิตธรรมดา ซึ่งห่างจากวัดร่องเสือเต้นนิดเดียว แต่ดันไม่หิวและเพิ่งจะ 11 โมง เลยเปลี่ยนแผนไปเที่ยว พิพิธภัณฑ์บ้านดำ ก่อน เข้าไปเดินเที่ยวเล่นจนเที่ยงครึ่ง เริ่มหิวก็ขับรถกลับมาที่ร้านชีวิตธรรมดา ตามแผน อาหารอร่อย บริการดี ระบบจัดการก็ดี อาหารรอไม่นานแม้คนจะเยอะ จากนั้นก็มุ่งหน้าออกจากเมืองไปภูชี้ฟ้า คืนนี้นอนที่ แคมป์ภูชี้ฟ้า ห่างจากทางขึ้นภู 3 กม. ค่อยขึ้นภูตอนเช้า ระหว่างทางแวะพักจิบกาแฟที่ร้าน ควายชมพูคอฟฟี่ จิบกาแฟแลควายสักหน่อย แต่กาแฟไม่โดนใจ ขับต่อไปอีก 30 กม. แวะอีกร้านที่ เมาเขาคอฟฟี่ ร้านนี้ชอบสุด กาแฟก็ดี บรรยากาศก็สุดยอด จิบกาแฟแลทุ่งนา หายเมาเขากันเลย ถึงที่พัก แคมป์ภูชี้ฟ้า บ่ายแก่ๆกำลังดี มีหมูกระทะมาเสิร์ฟถึงหน้าเต็นท์ กินไปชมแสงอาทิตย์ยามเย็นไป ยิ่งดึกยิ่งหนาว แต่ก็แค่ระดับเสื้อหนาวบางๆ 1 ตัวอยู่ ในเต็นท์ก็แสนอุ่น หลับสบาย เตรียมตื่นตีสี่ครึ่งมาขึ้นไปภูชี้ฟ้าตอนตีฟ้า
วันที่ 3 รถรับจากที่พักตอนตีห้ากว่า ความจริงขับรถไปเองก็ได้ แต่ขี้เกียจ ที่พักถามว่าจะขึ้นรถคิวไหมคนละ 60 บาทไปกลับ ก็เลยไปรถคิวสบายดี จากที่พักนั่งรวมๆกันมาประมาณ 12 คน รถไปส่งที่ลานจอดตรงทางเดินขึ้น เดินขึ้นไปราว 20 นาทีก็ถึง ยอดภูชี้ฟ้า ขึ้นไปถึงเป็นคนแรกของวันกันเลย เพราะคนขับเป็นคนไปเปิดไม้กั้นทางขึ้นด้วยซ้ำ คนขับว่าเรามาเป็นคันแรก วันนี้ฟ้าไม่ค่อยดี หมอกมีแต่ขาวฟุ้งบังวิวหมด ได้ถ่ายรูปไม่มากก็กลับที่พัก ทานอาหารเช้ากับบรรยากาศยามเช้ามีสายหมอกไหลในหุบเขา กำลังจิบกาแฟอุ่นๆกับอากาศเย็นๆอย่างเพลิดเพลินฝนก็ตก หนักสลับเบา เอวังการเที่ยววันนี้ กลับไปนอนเล่นในเต๊นท์สักพักฝนหยุด ก็อาบน้ำแต่งตัวเช็คเอ้าท์ ย้ายที่พักไปนอนแถวหมู่บ้านร่มโพธิ์เงิน ทางขึ้นภูชี้ดาวเลย ขับรถไปแค่ 13 กม. ก็ถึง พบหมอกรีสอร์ท ไปรับกุญแจ แล้วก็ขับรถไปต่อที่ ดอยผาตั้ง เข้าไปดูวัดดอยผาตั้ง ก่อน แต่เงียบสงบเพราะเป็นสำนักปฏิบัติธรรม ไหว้พระแล้วก็ออกมา ว่าจะไปเดินเที่ยวจุดชมวิว แต่รู้สึกไม่คุ้มจะเดินเพราะฟ้ายังปิด ขาวโพลนไปทั้งหุบเขา ไม่น่าจะสวยงามคุ้มค่าเดิน เลยไปกินขาหมูผาตั้งก่อนเลย ไปที่ ร้านขาหมูผาสุก ร้านเก่าแก่ของผาตั้ง ระหว่างเอาหมั่นโถวจิ้มน้ำขาหมู ฝนก็ตกโครมใหญ่ ใหญ่มากๆ กินอิ่มฝนซา เหลือแค่ปรอยๆ เลยไปนั่งร้านกาแฟตรงทางขึ้นจุดชมวิวดอยผาตั้งต่ออีกหน่อย ร้านบ้านกาแฟ นั่งจิบกาแฟดูฝนปรอยๆสักพัก ฝนหยุดดังใจหวัง ฟ้าเปิดหน่อยๆ ตัดสินใจไปเดินเที่ยวล่ะ สุดท้ายฟ้าก็เปิดสมการรอคอย แม้จะเปิดประมาณ 70% แต่ก็ถือว่าดีมากแล้วสำหรับฤดูนี้ เดินเที่ยวไปถึงเนิน 102 ว่าจะไปให้สุดที่เนิน 103 แต่เห็นเมฆเริ่มตั้งเค้า เลยว่ากลับดีกว่า และฝนลงโครมใหญ่ ตอนเกือบถึงรถ
วันที่ 4 เดินจากที่พักมา 20 ก้าว เพื่อรอรถกระบะขึ้น ภูชี้ดาว ตีห้ากว่าๆมีรถวิ่งมาที่ปากทาง รอคนมาร่วมหารค่ารถอยู่สักพักคาดว่าไม่น่าจะมี เพราะเป็นเช้าวันอังคาร ก็เลยตกลงเหมารถไปกลับ 500 บาท เหมือนภูชี้ฟ้าที่รถไปส่งแล้วเดินขึ้นยอดเขาอีก แต่ที่นี่เดินไม่ไกลแต่ชันกว่า เดินไป 15 นาที ขึ้นถึงสันเขา เหมือนเคยที่เราขึ้นมาถึงคนแรกของวัน นึกว่าจะอยู่กันแค่ 2 คนแล้ว อีกสักพักมีน้องผู้ชายตามขึ้นมา 2 คน ซึ่งคนหนึ่งเราเจอกันตั้งแต่ภูชี้ฟ้าแล้ว มาเจอกันที่ดอยผาตั้งด้วย ทักทายกันตามประสานักท่องเที่ยว คุยไปคุยมา เลยชวนกันเหมารถไปขึ้นภูชี้เดือนต่อ ลงจากภูชี้ดาวก็เลยไปต่อ ภูชี้เดือน กัน 4 คน 500 บาทเท่าเดิม แต่คราวนี้หาร 4 เลยเหลือคนละ 125 บาท และทั้งภูชี้เดือนมีพวกเราแค่ 4 คนจนกลับลงมา รายละเอียดเที่ยวภูไปอ่านได้ที่รีวิวอันก่อน >> [ เที่ยวเชียงรายหน้าฝน | ทางหลวง 1093 ]
อิ่มเอมกับทะเลหมอกที่ภูชี้ดาว ภูชี้เดือนแล้ว กลับที่พักอาบน้ำแต่งตัวเตรียมกลับเข้าเมือง ตั้งใจจะแวะไร่รื่นรมย์เพื่อทานข้าวกลางวัน แล้วชมไร่นิดหน่อย ระหว่างทางผ่าน เมาเขาคอฟฟี่ ขอแวะอีกรอบ บอกแล้วว่าชอบมาก แวะพักจิบกาแฟชมทุ่งนาเป็นการร่ำลาภูเขาและสายลม เกือบบ่ายโมงก็มาถึง ไร่รื่นรมย์ ร้านสวยบรรยากาศดี อาหารอร่อย แต่อาหารช้ามาก ใครมีแผนเที่ยวแน่นๆก็ต้องเผื่อเวลาที่นี่เยอะหน่อย อิ่มแล้วขับรถวนเที่ยวชมในไร่นิดหน่อย เดินไม่ไหวร้อนมาก แดดจัดสุดๆ จากนี้เข้าเมือง แผนเดิมคือไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์บ้านดำ แต่ดันไปเที่ยววันแรกแล้ว เลยเคว้งคว้างมากไปไหนดี มีเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ก่อนไปสนามบินตอน 5 โมงเย็นกว่าๆ เพื่อกลับเครื่องหางแดงเที่ยว 19:00 ว่าจะไปเก็บตกสิงห์ปาร์คนั่งรถชมฟาร์มก็น่าจะดี ไช้เวลาประมาณชม.กว่าในการนั่ง แต่คุณสามีไม่เอาบอกว่าไป น้ำตกขุนกรณ์ ดีกว่า เอา! ไปก็ไป แต่กว่าจะไปถึงก็สี่โมงเย็น น้ำตกปิดสี่โมงครึ่ง แถมตัวน้ำตกต้องเดินเข้าไป 1.4 กม. แม้ว่าป้าแม่บ้านที่สำนักงานจะบอกว่าน้ำตกสวยมากเลยช่วงนี้ แต่คงไม่สามารถบินเข้าไปทัน ได้แต่เดินเล่นเข้าไปประมาณครึ่งทางให้แมลงกัดแข้งกัดขาเป็นที่ระลึกก็กลับออกมา ไปถึงสนามบินเวลากำลังดี กลับบ้านได้จ้า
เป็นแผนเที่ยวที่งงๆนิดหน่อย จะไปตามก็ได้นะ 555 อย่าลืมเคลมค่าตั๋วเครื่องบินด้วยนะใครใช้โครงการเราเที่ยวด้วยกัน 😊
วัดร่องขุ่น
เปิดทุกวัน 6.30 – 16.30 น.
หลังจากไม่ได้มานานร่วม 10 ปี วัดร่องขุ่นของอจ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ก็ยังสร้างไม่เสร็จ มาคราวนี้ขยายต่อไปด้านหลังอีกหลายอาคารเลย สวยงามตามท้องเรื่อง ส่วนพระอุโบสถด้านหน้าก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว มาครั้งก่อนมือเปรตในบ่อด้านหน้ายังไม่เรียบร้อยดี และยังไม่มีบ่อน้ำ คราวนี้มีบ่อน้ำที่น้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลา ภายในอุโบสถไม่ให้ถ่ายภาพ แต่เดินดูแล้วมันไม่เหมือนเดิม รูปเปลี่ยนไป แต่ยังคงเป็นภาพฝาผนังร่วมสมัย แบบว่าอีก 200 ปีข้างหน้าใครมาดูก็รู้ว่ายุคเรานี่มี ไมเคิล แจ็คสัน มีแบรด พิตต์ มีเหตุการ์สะเทือนขวัญ 911 ซึ่งเราว่าดีมากเลย เหมือนเราดูภาพโบราณ ก็จะสะท้อนชีวิตว่าสมัยนั้นมีอะไร คนทำอะไร กินอยู่ยังไง








ส่วนที่น่าสนใจเพิ่มมาอีกคือ ตอนออกจากเขตพื้นที่วัดแล้ว มีห้องแสดงภาพของอจ.เฉลิมชัย ที่อจ.ยืนเชื้อเชิญทุกท่านเข้าชม เข้าฟรี แอร์เย็น ภาพสวย อย่าพลาดจุดนี้ เข้าไปชมว่าอัจฉริยะทางด้านศิลปะเขามีผลงานอะไรบ้าง สวยมาก ให้ 5 ดาวเทียบเท่าไก่ย่างเลย

สิงห์ปาร์ค
เปิดทุกวัน 9:00 – 6:00 / รถฟาร์มทัวร์เที่ยวสุดท้าย 16:30 / ร้านอาหาร 11:00 – 22:00
ที่นี่ควรมาเที่ยวช่วงเช้าๆหรือไม่ก็บ่ายๆหรือเย็นๆไปเลย เพราะร้อนเหลือเหงื่อไหลมาก ถ้าอยากถ่ายรูปสิงห์บนเนินหญ้าเขียวสวยๆไร้ผู้คนให้มาเช้าๆ และควรเป็นวันธรรมดา เพราะช่วงเย็นวันไหนๆก็จะมีครอบครัวพาเด็กๆมาวิ่งเล่นปีนป่ายเจ้าสิงห์ทองตัวนี้ ถ้าอยากเข้าชมไร่ ต้องมาก่อน 16:30 ไปซื้อบัตรนั่งรถเข้าชม เขาว่าใช้เวลาประมาณ 1 – 1.5 ชม. มีแวะให้ลงให้อาหารสัตว์ ให้ดูโน่นดูนี่ด้วย ค่าบัตรเอาไปทำบุญ รายละเอียดต่างๆไปดูที่เวป https://www.singhapark.com/
เรามาช่วงเย็นๆ ขับรถผ่านเจ้าสิงห์สีทองเข้าไปตามทางถึงสี่แยก ถ้าเลี้ยวซ้ายจะไป ร้านบาร์นเฮ้าส์ พิซซาเรีย / ร้าน Airplane Food Truck เราเลี้ยวขวาไปตรงร้านชา ตัวร้านอยู่บนเนินเขา มองเห็นไร่ชาสวยงาม ใครชอบดื่มชาก็เข้าไปนั่งจิบชาพร้อมชมไร่ชาได้แบบสบายๆ เลยร้านชาไปอีกหน่อยเป็นร้านอาหาร ภูภิรมย์

วัดห้วยปลากั้ง
เปิดทุกวัน 07.00 – 21.30 น.
วัดใหญ่ใกล้ตัวเมือง ตามประวัติบอกว่าเดิมเป็นสำนักสงฆ์ แล้วหลวงพ่อพบโชคมาปฏิบัติธรรมแล้วฝันถึงเจดีย์ขนาดใหญ่ ก็เลยเริ่มสร้างศาสนสถานขึ้นมาตามภาพฝัน จนได้รับการประกาศให้เป็นวัด มีพระอธิการพบโชค ติสฺสวํโส เป็นเจ้าอาวาสรูปแรก เอกลักษณ์คือจะเห็นเจ้าแม่กวนอิมสีขาวองค์ใหญ่ได้แต่ไกลเลย ตัววัดสร้างอยู่บนเขา มีพื้นที่กว้างขวางมาก จุดเด่นมี 3 จุด คือ

1. เจ้าแม่กวนอิมขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีความสูงประมาณ 79 เมตร สร้างอยู่บนเนินเขา จะเดินขึ้นบันได 109 ขั้นไปก็ได้ ถ้าเดินไม่ไหวก็มีรถคิตตี้ (เราตั้งเอง เป็นรถรับส่งพาขึ้นไปด้านบน แต่เป็นรูปคิตตี้ทุกคันเลย ไม่เข้าใจจริงๆ) ขึ้นไปถึงด้านบนแล้ว ยังขึ้นลิฟต์ต่อไปชั้น 25 ได้ ค่าลิฟต์คนละ 20 บาท มีเจ้าหน้าที่ใส่ชุดเหมือนพนักงานร้านอาหารจีนคอยนำท่านไปขึ้นลิฟต์ ยืนโค้งนำส่ง “ขอเชิญขึ้นไปชมทัศนียภาพด้านบนนะคะ” ขึ้นไปชั้นบน ก็มีการตกแต่งรูปปูนปั้นสวยงามตามแบบจีนมองออกไปชมทิวทัศน์ได้กว้างไกล เดินขึ้นบันไดต่อไปชั้น 26 ได้อีก
2. พระอุโบสถสีขาว ที่ตกแต่งลวยลายสวยงาม ด้านในประดิษฐานพระพุทธรูป สีขาวองค์ใหญ่ ให้พุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้ (ช่วงหลังนี้เข้าใจว่าวัดในเชียงรายได้แรงบันดาลใจจากวัดร่องขุ่นกันหมดเลย)

3. พบโชคธรรมเจดีย์ มีความสูง 9 ชั้น เป็นเจดีย์ทรง 12 เหลี่ยม แต่ละชั้นมุงหลังคาสีแดง ลดหลั่นกันขึ้นไป เป็นศิลปะแบบจีนผสมกับแบบล้านนา ด้านในมีเจ้าแม่กวนกิมแกะสลักด้วยไม้ และเจ้าแม่กวนอิมปางต่างๆ และพระพุทธรูปปางต่างๆ ในแต่ละชั้น ขึ้นลิฟต์ไปด้านบนได้เหมือนกัน จะได้มุมมองเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่กับหุบเขากว้างไกล น่าจะสวย แต่ไม่ได้ขึ้น


ถ้ามาเที่ยวดูความสวยงามของสิ่งก่อสร้างก็ถือว่าสวยงามดี บางคนมาถ่ายรูปช่วงกลางคืนเพราะมีเปิดไฟสวยงาม บริเวณวัดเปิดให้เข้าได้ถึง 3 ทุ่มครึ่ง แต่ถ้าคิดว่ามาวัด ก็จะงงๆกับความเป็นวัดหน่อย เพราะเหมือนวัดจีนมากกว่าวัดไทย มีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมเต็มไปหมด มีมังกรเต็มไปหมด ทั้งที่ผู้ริเริ่มก่อสร้างก็เป็นพระไทยนี่แหละ เท่าที่อ่านประวัติ หลวงพ่อเป็นที่เคารพของคนมากมายเลยมีเงินมาทำบุญร่วมสร้างวัดอย่างมหาศาล แต่เราไม่เคยรู้จักชื่อเสียงของท่านมาก่อน ก็ขอเยี่ยมชมแค่นิดหน่อย


วัดร่องเสือเต้น
เปิดทุกวัน 07.00 – 20.00 น.
เดิมเป็นวัดร้างเก่าแก่ว่า 100 ปี อยู่ใกล้แม่น้ำกก เรื่องเล่าว่าสมัยก่อนยังเป็นป่า มีสัตว์ป่าอยู่เยอะ รวมทั้งเสือที่กระโดดข้ามร่องน้ำไปมา เลยกลายเป็นชื่อเรียกแถบนี้ว่า ร่องเสือเต้น ก็กลายเป็นชื่อหมู่บ้าน และกลายมาเป็นชื่อวัด
วัดร่องเสือเต้นได้รับการบูรณะปรับปรุงจนสวยงาม ด้วยฝีมือการออกแบบของ สล่านก หรือ นายพุทธา กาบแก้ว ศิลปินพื้นบ้านชาวเชียงราย เป็นศิษย์ของอจ.เฉลิมชัยด้วย เคยได้ไปช่วยงานที่วัดร่องขุ่น ซึ่งน่าจะเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบวัดร่องเสือเต้นให้สวยงามแบบวัดร่องขุ่น
โทนสีที่ใช้เป็นโทนสีน้ำเงินฟ้าตัดกับสีทองเพื่อสร้างความโดดเด่นให้กับวิหาร โดยสีน้ำเงินฟ้าของตัววิหารนั้นแสดงถึงธรรมะขององค์สมเด็จพระพุทธเจ้าที่ขจรขจายไปทั่วโลก ซึ่งเป็นหลักคำสอนที่เป็นความจริงตามหลักเหตุและผล เปรียบเสมือนดังท้องฟ้าที่สดใส เป็นศิลปะแนวพุทธศิลป์ร่วมสมัยที่แฝงด้วยธรรมของพุทธองค์ – ที่มา MuseumThailand.com



วัดนี้สวย ด้านในวิหารก็สวย เดินดูรายละเอียดรอบๆวิหาร ออกไปด้านนอก จนถึงรั้ววัด สวยทุกที่ นอกจากสล่านกจะได้รับอิทธิพลศิลปะแนวพุทธศิลป์มาจากอาจารย์เฉลิมชัยแล้ว ยังได้รับอิทธิพลจากศิลปะของอาจารย์ ถวัลย์ ดัชนี มาออกแบบพญานาคหน้าวิหาร เน้นลักษณะโครงสร้างที่เข้มแข็ง เขี้ยวเล็บแหลมคมดูน่าเกรงขาม
พิพิธภัณฑ์บ้านดำ
เปิดทุกวัน 09.00 – 17.00 น.
พื้นที่ร่วม 100 ไร่ที่เคยเป็นที่อยู่ ที่เก็บสะสม และที่สร้างศิลปะของ อจ.ถวัลย์ ดัชนี จนถึงวาระสุดท้าย ปัจจุบันกลายเป็นพิพิธภัณฑ์รวบรวมผลงานอันมีค่าให้คนทั่วไปได้เข้าชม

อจ.ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) เมื่อปี พ.ศ. 2544 ท่านเริ่มต้นเรียนศิลปะที่โรงเรียนเพาะช่าง และจบที่คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ ที่มหาวิทยาลัยศิลปากร อจ.ถวัลย์ ดัชนี เสียชีวิตด้วยโรคตับอักเสบ ในวันนี่ 3 กันยายน พ.ศ. 2557

ตลอดอายุท่านได้สร้างผลงานไว้มากมาย เป็นศิลปะในแนวปรัชญาพุทธศิลป์ และเป็นศิลปะไทยร่วมสมัย ภาพที่ท่านวาดทรงพลังแต่ก็ยังดูอ่อนช้อย ว่ากันว่าภาพวาดของท่านเป็นที่ต้องการของนักสะสมทั่วโลก นอกจากภาพวาดแล้วในพื้นที่กว่า 100 ไร่ อจ.ถวัลย์ได้ออกแบบบ้านไว้ 36 หลัง มีลักษณะแบบบ้านล้านนา มีกาแล สร้างด้วยฝีมือช่างไม้พื้นถิ่น ทุกหลังทาสีดำ ก็เลยได้ชื่อว่า บ้านดำ ง่ายๆตรงตัว ภายในบ้านเก็บของสะสมของอจ.ถวัลย์ที่ส่วนมากเป็น หนังสัตว์ เขาสัตว์ ไม้แกะสลัก เครื่องเงิน มีจำนวนมากมาย ที่เราว่ามันประเมินค่าไม่ได้
มาเที่ยวเชียงราย ศิลปะต่างๆมักจะเป็นสีขาว อย่างวัดร่องขุน วัดห้วยปลากั้ง หรือไม่ก็สีทอง มีที่บ้านดำนี้แหละที่แตกต่าง เดินกลับออกมาที่บริเวณลานจอดรถ จะมีส่วนแสดงผลงานภาพวาดของอจ.ถวัลย์ ตอนเราไปไม่ได้เปิดให้เข้าชม แต่ห้องแสดงเป็นกระจกทั้งหมด เดินดูได้จากด้านนอกเลย สังเกตได้ว่าผลงานของอจ.จะเป็นรูปใหญ่ๆ ที่ดูใกล้ๆจะไม่รู้เรื่อง ต้องเดินออกมาห่างๆ โทนสีที่ใช้มีแค่ ดำ ขาว และสีแดง หลายรูปว่ากันว่า อจ.ตวัดปลายพู่กันแค่ 10 – 20 วินาทีก็เป็นรูปแล้ว ปัจจุบันพิพิธภัณฑ์บ้านดำเก็บค่าเข้าคนละ 80 บาท เพื่อนำเงินไปซ่อมแซมปรับปรุงพิพิธภัณฑ์ คุ้มค่ามาก แค่ 80 บาท ได้เห็นของล้ำค่ามากมาย

เที่ยวเชียงรายคราวนี้ได้ไปแค่นี้แหละ ยังมีวัดอื่นอีกมากในตัวเมือง อย่างวัดพระแก้ว วัดมิ่งเมือง วัดพระสิงห์ ทั้งสวยงามทั้งมีความสำคัญ แต่เราเคยไปหลายครั้งแล้วเลยไม่ได้ไปอีก ถ้าใครอยากไปเที่ยวให้ครบ แค่ในตัวเมืองก็น่าจะต้องมีเวลา 2 วัน ถ้าออกนอกเมืองก็มีที่เที่ยวอีกเยอะมาก มีหลายดอย หลายภู เที่ยวครั้งเดียวไม่มีทางหมด นอกจากจะอยู่เที่ยวสัก 2 อาทิตย์
💤 ว่ากันเรื่องที่พัก 💤
ที่พักในเชียงรายมีหลายแบบหลายราคา เหมือนเมืองท่องเที่ยวทั่วไปเลือกได้จากเวปจองที่พักเลย ตามชอบและงบประมาณ เราขอแนะนำที่พักที่เราใช้บริการในครั้งนี้ เพราะเลือกไปในราคาที่คิดว่าเหมาะสมกับความต้องการ โดยดูจากรูป ไปพักจริงก็ไม่ผิดหวัง
บ้านลมหนาว อ.เมือง จ.เชียงราย
เลือกพักที่นี่อย่างแรกเลยคืออยู่ในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ดูรูปจากเวปแล้วชอบด้วย สีขาวสะอาด ตัวอาคารไม่ใหญ่ คนน่าจะไม่วุ่นวาย ราคาที่เราจองในโครงการคือ 650 บาท รวมอาหารเช้า ห้องพักสะอาด ห้องน้ำก็ดี แถมสงบ เพราะมีพักแค่ 2 ห้อง ฮา….
แคมป์ภูชี้ฟ้า ใกล้ภูชี้ฟ้า
เคยไปภูชี้ฟ้าหลายครั้งแล้ว พักมาหลายที่ มีทั้งหลักร้อยหลักพัน คราวนี้อยากแตกต่างโดยการนอนเต๊นท์กระโจมแบบหรูหราหน่อยๆดูบ้าง เคยนอนแต่เต็นท์กางเอง บอกเลยว่าดูจากรูปแล้วชอบมาก ทั้งสภาพกระโจมและบรรยากาศ ไปถึงที่พักจริงๆถือว่าตรงปก ไม่ผิดหวัง กระโจมดี ที่นอนสะอาด นอนอุ่นแม้ข้างนอกจะหนาว ห้องน้ำรวมแต่เพียงพอ เราไม่เคยต้องต่อคิวเลยตลอดเวลาที่ไปพัก ทั้งๆที่มีคนพักครบทุกกระโจม บรรยากาศดี วิวสวย อาจจะโชคดีที่ฝนไม่ลงหนักด้วย และที่พักอยู่ห่างจากแยกทางเข้าวนอุทยานภูชี้ฟ้าแค่ 3 กม. มีครัวสั่งอาหารง่ายๆได้ มีร้านค้าเล็กๆให้ซื้อเครื่องดื่ม ของกิน ขนม คือพักได้อย่างสะดวกสบาย สรุปว่าเราพึงพอใจกับราคา 1500 บาท รวมอาหารเช้า




พบหมอกรีสอร์ท ใกล้ภูชี้ดาว
เลือกพักที่นี่เพราะรีวิวจากเวปท่องเที่ยวเวปหนึ่งว่า อยู่ปากทางขึ้นภูชี้ดาวเลย ก็ตกลงใจจะพักที่นี่ไม่ได้สนใจอะไรมาก โทรสอบถามราคาบอกว่า 800 บาท ก็จองเลย ที่พักตั้งชื่อรีสอร์ทแต่ก็คล้ายเกสต์เฮาส์อย่างที่บอก แต่สภาพห้องพักไม่ได้แย่ สะอาดใช้ได้ ห้องน้ำก็สะอาดดี วิวดีต่างหาก ขัดใจอยู่อย่างเดียวคือไม่มีเก้าอี้สักตัว บรรยากาศที่ระเบียงสวยงามมาก ถ้ามีเก้าอี้ให้นั่งชมวิวจะดีมาก เก้าอี้พลาสติคก็ยังดีนะ ตอนจองมาไม่รู้ว่ามีอาหารเช้าให้ด้วย สรุปว่ามีข้าวต้ม ขนมปัง ชา กาแฟ เยอะแบบกินอิ่ม พักอยู่ห้องเดียว ก็แอบหลอน แต่เจ้าของก็พักอยู่ด้านล่าง มีอะไรก็ไปเรียกได้ สรุปว่า ราคา 800 รวมอาหารเช้า แพงไปนิด แต่เป็นตัวเลือกได้ถ้าใครอยากพักใกล้ภูชี้ดาวจริงๆ ตรงนี้ปากทางขึ้นเลย เดินลงมาขึ้นรถคิวตอนเช้ามืดสะดวกมาก ที่ไม่สะดวกคือไม่มีร้านกินข้าว มีร้านตามสั่งเล็กๆร้านเดียวปิดเร็วมาก ที่พักเหมือนมีครัวแต่ไม่เจอคนให้สั่งอาหาร หรือว่าเพราะเรามาวันธรรมดาและยังไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยวเลยเงียบเหงาไปหน่อย





🍴 ว่ากันเรื่องอาหารการกิน 🍴
ไม่ได้มาเชียงรายสิบกว่าปี มีร้านใหม่ๆเปิดขึ้นเยอะแยะก็เลยเลือกไปชิมร้านใหม่ๆเป็นส่วนใหญ่ ร้านเก่าๆก็ยังอยู่ เช่น ร้านสลุงคำ ร้านอาหารเหนือรับรองแขกบ้านแขกเมืองได้ สมัยก่อนกินทุกครั้งที่มา หรือร้านโตกตอง ที่ไปกินบ่อยเหมือนกัน คราวนี้ขอเว้นแล้วไปร้านใหม่ๆบ้าง ก็ขอแนะนำร้านที่ได้ไปลองมา อร่อยทุกร้านไม่ผิดหวังเลย
ข้าวซอยไก่พอใจ | เปิดทุกวันเวลา 8:00 – 16:00 |
พิกัด: ซอยหลังโรงแรมวังคำ | GPS: @19.9054613,99.8321771 |
ร้านนี้ไม่ใหม่ เคยมากินแล้ว และยังมากินอีกครั้งตั้งแต่ลงเครื่องมาเลย มีเวลาจะได้ทานข้าวซอยมื้อเดียว ก็เลยเลือกร้านที่แน่ใจว่าอร่อยในการเปิดทริป ร้านยังอยู่ที่เดิมแต่ปรับปรุงร้านและขยายใหญ่ขึ้นเป็น 2 คูหา แสดงว่าขายดีนะ จำไม่ได้ว่าข้าวซอยปลา ข้าวซอยกุ้ง มีมาตั้งแต่สมัยก่อนหรือเปล่า คราวนี้มีเมนูเป็นแผ่นๆให้ดูด้วย เลือกข้าวซอยไก่ซิกเนเจอร์ กับไส้อั่ว+ข้าวเหนียว ยังอร่อยเหมือนเดิม เป็นข้าวซอยรสชาตินัวๆไม่จัดจ้าน
ภูภิรมย์ ณ ไร่บุญรอด | เปิดทุกวันเวลา 11:00 – 22:00 |
พิกัด: สิงห์ปาร์ค | GPS: @19.8639811,99.7281927 |
สิบปีก่อนไร่บุญรอดยังไม่เปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยว มาเชียงรายคราวนี้เลยต้องไปเยี่ยมชมเสียหน่อย อ่านรายละเอียดมาว่ามีร้านอาหารอยู่หลายร้าน ทั้งพิซซ่า ทั้งอาหารไทย ไม่นับร้านชา ร้านกาแฟอีกนะ เรามาถึงไร่ช่วงเย็นๆ อดนั่งรถรางชมไร่ เพราะหมดไปตั้งแต่ 16:30 แล้ว มาถึงพอมีเวลาได้ชมวิวไร่ชา ถ่ายรูปเล่นแล้วเดินต่อไปที่ร้าน ภูภิรมย์
ร้านภูภิรมย์ อยู่บนเนินเขา มองเห็นไร่ชา สวยงาม แต่พระอาทิตย์ตกอีกฝั่ง อาหารที่เราว่าแปลกคือ ยอดใบชาทอดกรอบ มีแบบทอดเฉยๆกับมีน้ำยำมาให้เหมือนยำผักบุ้งทอดกรอบ เราสั่งทอดกรอบเฉยๆมาแกล้มน้ำสิงห์ อร่อยดี นอกนั้นก็อาหารเหนือทั่วๆไป อร่อยใช้ได้ มีทั้งอาหารเหนือ อาหารไทยทั่วไป อาหารฝรั่ง มาตรฐานระดับภัตตาคาร บรรยากาศดีสุดๆ มีดนตรีขับกล่อมตามโต๊ะ สนุกสนานพอสมควร เหมาะกับมาเป็นครอบครัว ไม่เหงา แต่จะมาสวีทก็พอไหว
ชีวิตธรรมดา | เปิดทุกวันเวลา 8:00 – 21:00 |
พิกัด: ใกล้วัดร่องเสือเต้น | GPS: @19.9217067,99.8428857 |
ร้านอาหารชื่อแปลกๆ ที่เวลาค้นหาชื่อร้านอาหารแนะนำในเชียงรายจะต้องมีชื่อร้านนี้ติดมาทุกครั้ง เรียกว่าทุกเวปก็ได้ มีแต่คำชมทั้งนั้น ก็ต้องจัดไว้ในรายการคราวนี้ด้วย ความจริงอยากไปจิบกาแฟกับเค้ก เพราะหลายคนว่าเค้กอร่อย แต่เวลาไม่เหมาะ เพราะไปช่วงมื้อกลางวัน ก็เลยขอลองเป็นอาหารจัดหนักไปเลย ตัวร้านอยู่ไม่ไกลจากวัดร่องเสือเต้น อยู่ริมแม่น้ำกก มีที่จอดรถ มีคนจัดรถคอยบอกว่าตรงไหนจอดได้ จากที่จอดรถเดินไปที่ร้านสบายๆไม่ไกล ร้านสวยมาก เป็นบ้านไม้เก่า ในบริเวณร้านเป็นบ้าน 2 หลัง พร้อมสวนร่มรื่น คนบริการก็ดี อาหารรอไม่นานทั้งที่คนเยอะเพราะจำนวนโต๊ะเยอะ ช่วงรอก็ไปเดินเล่นถ่ายรูปได้ ด้านนอกก็น่านั่งถ้าอากาศจะไม่ร้อนอย่างวันที่ไป ก็เลยเลือกนั่งในห้องแอร์ ขอหลบร้อนหน่อย สั่งอาหารจานเดียวมาทาน เป็นอาหารเหนือฟิวชั่น “ข้าวผัดหนุ่มสาวเชียงราย” กับ “ข้าวผัดลาบคั่ว” จัดจานมาสวยงาม ผักมาเป็นสวน โดยรวมอร่อยเลย แถมด้วยน้ำเปล่ามาเป็นโถ ดื่มกันให้จุใจ อันนี้ประทับใจมาก
ดูรายการอาหารได้จากที่นี่ > รายการอาหาร





ข้าวผัดหนุ่มสาวเชียงราย ข้าวผัดลาบคั่ว
ไร่รื่นรมย์ | เปิดทุกวันเวลา 8:00 – 17:00 |
พิกัด: อ.เทิง | GPS: @19.656936,100.1547814 |
ออกมานอกตัวเมืองเชียงรายกันหน่อย ไปทางอ.เทิง สำหรับคนไปภูชี้ฟ้า จัดเป็นจุดแวะพักทานอาหารกลางวันได้ เพราะห่างจากอ.เมืองประมาณ 75 กม. ขับรถราวๆชั่วโมงครึ่ง หรือใครตั้งใจจะมาเที่ยวชมที่ไร่พร้อมทานอาหารก็ยังได้ เพราะไร่รื่นรมย์เป็นฟาร์มเกษตรออแกนิค ปลูกผักผลไม้และเลี้ยงสัตว์นำมาใช้ในไร่เองและมีขายด้วย มีการผลิตไฟฟ้าใช้เองโดยใช่โซลาร์เซลและไบโอแก๊ซ สามารถเข้าไปเยี่ยมเพื่อเรียนรู้และร่วมกิจกรรมได้ เช่น การย้อมผ้าด้วยสีธรรมชาติ ทำไข่เค็มออแกนิค ซึ่งต้องติดต่อมาล่วงหน้านะ หรือใครอยากมาพักก็มีเต็นท์ให้พัก เป็นเต็นท์หลังใหญ่ มีทั้งแบบห้องน้ำรวมและห้องน้ำส่วนตัว พร้อมด้วยกิจกรรมให้ทำไม่เบื่อ
ที่มาที่ไปของการทำไร่รื่นรมย์ก็น่าสนใจ กว่าจะเป็นที่รู้จักก็ผ่านอะไรมามากมาย ไปอ่านกันได้ที่เวปไซต์ของไร่รื่นรมย์เลย ร้านอาหารเป็นจุดศูนย์กลางของไร่ก็ว่าได้ เพราะใหญ่โตสวยงามเด่นเป็นสง่า เราแวะทานกลางวันตอนขากลับจากภูชี้ฟ้าเข้าเมือง อาหารใช้ผลผลิตจากในไร่เป็นหลัก ซึ่งล้วนเป็นออแกนิค มื้อนี้สั่ง สปาเก็ตตี้ ข้าวยำไร่ทุ่ง และส้มตำไทย ข้าวยำแปลกที่น้ำเป็นซ๊อสมะขาม อร่อยดี ส้มตำก็อร่อยดี สปาเก็ตตี้ธรรมดาไม่มีอะไรเด่น แต่อาหารรอค่อนข้างนาน นานเกินไปหน่อย เพราะมีแค่ 2 โต๊ะ แต่รออาหารนานครึ่งชั่วโมง ใครจะมาแวะทานอาหารควรเผื่อเวลา
ข้าวยำไร่ทุ่ง
ร้านผาสุข ขาหมู หมั่นโถว | เปิดทุกวันเวลา 8:00 – 20:00 |
พิกัด: ดอยผาตั้ง | GPS: @19.9300887,100.5059237 |
มาเที่ยวดอยผาตั้งนอกจากมีจุดชมวิวที่สวยงามแล้ว บ้านผาตั้งยังเป็นชุมชนจีนฮ่อ มีร้านอาหารจีน มีร้านกาแฟ ร้านน้ำชา อาหารขึ้นชื่อคือขาหมูหมั่นโถว ที่ต้มจนเปื่อยนุ่ม อร่อยเหาะ ร้านผาสุข ขาหมู หมั่นโถว ร้านเก่าแก่ที่ได้ยินชื่อมาตั้งแต่สิบปีก่อน ยังไม่เคยได้ลอง มาคราวนี้ได้จัดขาหมูเป็นอาหารเที่ยง มากัน 2 คน จะสั่งขาหมูทั้งขาก็กลัวกินไม่หมด เจ้าของร้านเลยแนะนำให้สั่งเป็่นคากิแทน ขาหมู 1 ขา 250 บาท ถ้าคากิขาเล็กขาละ 70 บาท สั่งขาใหญ่ขาเล็กตามสะดวก อย่าลืมสั่งหมั่นโถวที่หนานุ่มมาทานคู่กัน
☕️ ว่ากันเรื่องกาแฟ ☕️
กลายเป็นคนติดกาแฟไปเรียบร้อยหลายปีแล้ว ช่วงบ่ายๆก็จะแวะจิบกาแฟสร้างความคึกคักสักหน่อย กาแฟต้องดีเป็นอย่างแรก บรรยากาศตามมา ความจริงคือควรมีทั้ง 2 อย่างประกอบกัน
22grams Espresso Bar | เวลา 7:30 – 15:00 ปิดวันอาทิตย์ |
พิกัด: ถ.สนามบิน อ.เมืองเชียงราย | GPS: @19.8986745,99.8256624 |
ร้านกาแฟเล็กๆกลางเมือง แต่กาแฟไม่เล็ก มีเมล็ดไทย เมล็ดนำเข้า เลือกเมล็ดกาแฟได้ สั่งร้อนเย็นได้ตามสะดวก แต่บาริสต้าจะห้ามถ้าเลือกไม่เหมาะสม 5555 บรรยากาศดี บาริสต้าใจดี กาแฟก็ดี
Khwai Chompoo Coffee กาแฟสด ควายชมพู | เวลา 8:00 – 18:00 |
พิกัด: ริมทางหลวง1020 อ.เทิง | GPS: @19.6142125,100.068317 |
ร้านกาแฟระหว่างทางไปภูชี้ฟ้าหรือไปพะเยา ห่างจากตัวเมืองเชียงรายประมาณ 50 กม. เป็นจุดแวะพักได้ เป็นร้านกาแฟ+อาหาร นั่งปะปนกันไป บรรยากาศเลยไม่เอื้อต่อการจิบกาแฟแลควายสักเท่าไหร่ เพราะระหว่างเรานั่งจิบกาแฟ โต๊ะข้างๆอาจสั่งกุ้งเผามาซัดกันอย่างเมามัน แต่ความจริงถ้าอยากชมควายชมพูหรือควายเผือก ก็ต้องออกไปนอกร้านเพราะคอกควายอยู่ห่างออกไป มีโต๊ะเก้าอี้ใต้ร่มไม้ให้นั่ง ร้อนระอุหน่อย แต่ก็พอไหว ที่ไม่ไหวคือกาแฟ ค่อนข้างจืด แต่ถ้าขับรถมาแล้ว 1 ชม.จะแวะสักหน่อยก็ไม่เสียหาย สั่งเครื่องดื่มเย็นอื่นๆดูอาจจะดี แถมด้วยรูปปั้นควายชมพูน่ารักๆมีให้ถ่ายรูปเล่นได้เยอะ แล้วยังมีหุ่นฟางคิงคองกับควายตามสมันนิยมด้วย รูปปั้นได้โนเสาอีกต่างหาก สรุปธีมไม่ถูกเลย

Mao Kao Coffee เมาเขาคอฟฟี่ | เวลา 7:00 – 17:00 |
พิกัด: ริมทางหลวง1020 อ.เทิง | GPS: @19.7466235,100.3017533 |
ร้านกาแฟระหว่างทางไปภูชี้ฟ้าหรือไปพะเยาบนถนนเส้นเดียวกัน แต่ห่างจากตัวเมืองเชียงรายประมาณ 80 กม. ขับรถจากตัวเมืองมาไกลกว่าควายชมพูนานกว่าเกือบเท่าตัว ถ้าขับยาวๆมาแวะพักที่นี่ก็ได้ ส่วนตัวชอบที่นี่ ทั้งเครื่องดื่มและบรรยากาศ ชนะขาดไปเลย เพราะเป็นร้านกาแฟแบบไม่ใช่ร้านอาหารด้วย ถ้ามาช่วงปลูกข้าวตั้งแต่เริ่มปลูกไปถึงเก็บเกี่ยว ยิ่งสดชื่อนสบายตาสุดๆ ถ้ามาหน้าหนาวที่เขาเกี่ยวข้าวแล้วก็อาจจะดูแห้งแล้งไปหน่อย กาแฟดีใช้ได้ นั่งจิบกาแฟแลนาข้าว เพลินมาก
บ้านกาแฟ | เวลา 7:00 – 19:00 |
พิกัด: ทางขึ้นจุดชมวิวดอยผาตั้ง | GPS: @19.9320313,100.5089136 |
เทือกเขาดอยผาหม่นเป็นเทือกเขาสูงมีอากาศหนาวเย็นก็เลยเป็นแหล่งปลูกกาแฟอราบิก้าอีกแห่งของจังหวัดเชียงราย เราผ่านเห็นโรงคั่วกาแฟดอยผาหม่นแต่ไม่มีร้านกาแฟให้ชิมเลย ร้านกาแฟที่ได้ชิมต้องไปสุดทางหลวงสาย 1093 ที่บ้านผาตั้ง ร้าน บ้านกาแฟ อยู่ในถนนเส้นแยกเข้าไปจุดชมวิวผาตั้ง สร้างอยู่บนจุดที่มองเห็นวิวหุบเขาได้ น่าจะเป็นร้านที่นั่งจิบกาแฟแลเขาได้ดี แต่โชคไม่ดีวันที่เราไปมีฝนตก มีหมอกขาวฟุ้ง เรานั่งจิบกาแฟที่นี่เพื่อรอเวลาให้ฝนหยุดและฟ้าเปิด จะได้ไปเดินเที่ยวในดอยผาตั้ง กาแฟรสไม่นุ่มนวลอย่างที่หวัง แม้จะสั่งลาเต้ที่ใส่นม แต่บรรยากาศดี อากาศเย็นสบาย ถ้าฟ้าเปิดน่าจะสวยงามพอสมควร ไม่ถึงกับติดใจแต่แวะจิบกาแฟกระจายรายได้สู่ชุมชนก่อนเข้าไปเที่ยวได้
กาแฟชมดอย | เวลา 7:00 – 1ึ7:00 |
พิกัด: ระหว่างทางจากภูชี้ดาวไปดอยผาตั้ง | GPS: @19.9211876,100.5018058 |
ระหว่างทางจากบ้านผาตั้งกลับไปที่พักบ้านร่มโพธิ์เงิน ผ่านบ้านชมดอยรีสอร์ท เห็นป้ายร้านอาหาร+กาแฟ เลยแวะขอชิมกาแฟแก้ตัวอีกสักที่ กาแฟที่นี่ใช้เมล็ดกาแฟที่ผาตั้งเหมือนกัน ก็ไม่รู้ว่าคั่วเองหรือรับมายังไง แต่กาแฟชงมาถูกปากถูกคอกว่าร้านแรก ให้เป็นทางเลือกสำหรับคอกาแฟขับผ่านทางนี้ ไม่ได้ถ่ายรูปร้านเพราะพอสั่งกาแฟปุ๊บฝนถล่มปั๊บ
ไอติมกะทิอัญชัน
พิกัด: ตรงข้ามประตูทางเข้าวัดร่องเสือเต้น
แนะนำร้านไอติมบ้าง เดินชมวัดร่องเสือเต้นในวันที่แดดแผดเผาร้อนจนเหงื่อท่วม มองเห็นร้านตรงข้ามทางเข้าวัด เป็นบ้านที่เปิดขายขนมและไอติม เดินไปดูเห็นรูปแล้วน่ากินมาก ต้องสั่งมาชิม ไอติมกะทิอัญชัน อร่อยดี ดับร้อนได้พอสมควร คุยกับพี่เจ้าของร้าน พี่เขาว่าเพิ่งเปิดไม่นาน เลยว่าจะช่วยเขาโปรโมท ถ้าไม่ชอบแบบฟูลออพชั่น ไอติมธรรมดาก็มีนะ ใส่ถ้วย ใส่โคน แถมน้ำเย็นชื่นใจ อย่าลืมไปแวะชิมไอติมกะทิอัญชันหน้าวัดร่องเสือเต้นนะ
Leave a Reply