ปั่นไปเที่ยวไปซีซั่น 2 Part I [ฮอลแลนด์ไปเบลเยี่ยม]

ปั่นไปเที่ยวไป ซีซั่น 2

Bike Touring June 2023
Netherland – Belgium -France

ตอน 1 : เนเธอร์แลนด์ – เบลเยี่ยม

โครงการปั่นไปเที่ยวไปซีซั่น 2 ของ 2 สาว กลับมาอีกครั้ง ใครยังไม่ได้อ่านซีซั่นแรก ขอเชิญไปอ่านที่ สามสิบวันพันกิโล : Bike touring on European routes : May 2022 ปีนั้นตั้งต้นจากเนเธอร์แลนด์ เข้าเยอรมัน แฉลบออกไปฝรั่งเศส เฉี่ยวๆสวิตเซอร์แลนด์ แล้ววนกลับเข้าเยอรมัน ย้อนกลับไปจุดตั้งต้นที่เนเธอร์แลนด์ มาปีนี้คุณเพื่อนและคุณพี่ก็ไปตั้งต้นที่เนเธอร์แลนด์เหมือนเดิม คราวนี้ปั่นไปทางเบลเยี่ยม เข้าฝรั่งเศสดื่มด่ำไร่องุ่น แล้ววนกลับมาเนเธอร์แลนด์ ทริป 18 วัน ระยะทาง 1,066 กม. (ซึ่งสุดท้ายก็บานปลายเหมือนเคย)

เส้นทางอาจจะดูคล้ายๆกับปีก่อน แต่ความจริงไม่ซ้ำเดิม และบรรยากาศยังคงสวยงาม ปั่นเพลิน (เขียนเหมือนไปปั่นเองอีกเหมือนเดิม – -“) และเต็มไปด้วยมิตรภาพกับการพูดคนละภาษา มาดูกันว่าปีนี้มีอะไรน่าประทับใจบ้าง

สำรวจเมืองก่อนปั่น

2 สาวบินมาตั้งหลักที่อัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์เช่นเคย คราวนี้ก่อนจะออกปั่นก็สำรวจเมืองกันก่อนสักวัน เดินเที่ยวเล่นชมเมือง ในช่วงหน้าร้อนของยุโรปบรรยากาศจะคึกคักครึกครื้น เต็มไปด้วยผู้คนที่ออกมาใช้ชีวิตกลางแจ้ง

Rijksmuseum | พิพิธภัณฑ์แห่งชาติแห่งอัมสเตอร์ดัม

พิพิธภัณฑ์แห่งชาติแห่งอัมสเตอร์ดัม เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในเนเธอร์แลนด์ เก็บสะสมงานศิลปะ อันทรงคุณค่าของศิลปินระดับโลกไว้เยอะแยะมากมาย นำมาจัดแสดงให้ดูกัน พร้อมข้อมูลทางประวัติศาสตร์ของเนเธอร์แลนด์ สถานที่ตั้งเป็นโซน Museumplein คือเป็นย่านที่เต็มไปด้วยพิพิธภัณฑ์ชื่อดังมากมาย เช่น Rijksmuseum, Van Gogh Museum, Stedelijk Museum

ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ราคา 14 Euro ในแต่ละช่วงอาจมีการแสดงพิเศษเพิ่มเติม โดยต้องจ่ายค่าเข้าชมเพิ่มเติมด้วย เช่น ช่วงที่เพื่อนไปนั้นมีจัดแสดงผลงานของ Vermeer อยากเข้าไปดูก็ต้องซื้อตั๋วเพิ่ม

Vincent van Gogh self-portrait (1887) ฝีมือของแวนโก๊ะเอง วาดด้านหลังของผืนผ้าใบ
เพราะไม่มีเงินจ้างนางแบบและประหยัดเงินค่าผ้าใบ

ผลงานที่ได้รับความนิยมอย่างมากคือผลงานของแรมบรันด์ Rembrandt ชื่อว่า The Night Watch คุณเพื่อนไม่ได้ถ่ายรูปมา ก็เลยเอารูปในเวปมาให้ดู ใครได้ไปเที่ยวที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติอัวสเตอร์ดัมอย่าพลาดไปชมนะ แต่สวยงามตรึงใจอย่างไร สำหรับคนจิตใจห่างไกลศิลปะอย่างเรา บอกไม่ได้

ทุกพิพิธภัณฑ์ควรจองตั๋วมาก่อนล่วงหน้า | จองตั๋วออนไลน์

พร้อมออกเดินทางแล้ว!!

“ณ วันนี้เราเริ่มออกเดินทางแล้ว เราได้วางแผนเส้นทางกันละเอียดมาก ตาม map เนเธอร์แลนด์-เบลเยี่ยม-ฝรั่งเศส เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ”

(ซ้าย) คือ “แผนเส้นทางอย่างละเอียด”ของเพื่อน (ขวา) เราเอามาทำให้สวยงามและเพิ่มรายละเอียดเข้าไป

“It is not the distance, it is the journey”

NETHERLAND
Amsterdam – Rotterdam – Breda

เริ่มเดินทางจากสนามบิน Schiphol เมืองอัมสเตอร์ดัม โดยนั่งรถไฟไปลงที่เมือง Rotterdam ราคาค่าตั๋วรวมจักรยาน 22 ยูโร

เริ่มการเดินทางก็โชคดีแล้วที่ได้เจอเจ้าหน้าที่สถานีรถไฟที่น่ารักมาก ได้เตือนว่าให้ซื้อตั๋ว Extra อีก 2 ยูโรสำหรับที่จะขึ้น direct train ถ้าไม่มีตั๋ว Extra จะถูกปรับบนรถไฟ เป็นความรู้ใหม่สำหรับการเดินทางในวันแรก

เรื่องที่ตลกมากๆคือ เจอเจ้าหน้าที่สนามบินที่เมื่อปีที่แล้ว เดินมาจับพวกเรา ในข้อหาปั่นจักรยานในสนามบิน เพราะเราประกอบจักรยานแล้วเริ่มปั่นในเขตสนามบิน พี่แกบอกว่าให้จูงออกไปเริ่มปั่นนอกสนามบินนะ มาคราวนี้ก็เจอพี่แกยืนอยู่ที่เดิมเลย ฮา….

Rotterdam | รอตเตอร์ดัม เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของเนเธอร์แลนด์ อยู่ห่างจากเมืองหลวงอัมสเตอร์ดัม 80 กม. ถ้านั่งรถก็ใช้เวลา 1 ชม. นั่งรถไฟก็ประมาณ 45 นาที ถ้าปั่นจักรยานก็จะใช้เวลา 4-5 ชม.

วันแรก เริ่มปั่นจาก Rotterdam ไป Breda ระยะทาง 82 กิโลเมตร

วันแรกโชคดีมีหมอมินท์และคุณมาร์แตนมาเป็น Leader นำทางปั่นจักรยานจาก Rotterdam ไป Breda ระยะทางรวมที่ปั่นวันแรก 82 กิโลเมตร

ขอบคุณหมอมินท์และมาร์แตนที่มานำปั่นเที่ยวเส้นทางสวยๆ ในเนเธอร์แลนด์

ระหว่างทางปั่นจาก Rotterdam ไปสู่เมือง Breda ผ่านไร่สตอเบอรี่ แวะเข้าไปลองซื้อมาชิมราคาถาดละ 3 ยูโร เป็นตู้เย็นหยอดเหรียญ แล้วสามารถกดให้ถาดหมุนไป เพื่อเลือกขนาดของสตอเบอรี่ได้ ไม่ต้องใช้คนมานั่งเฝ้าเลย เป็นระบบที่ดีมาก

วันที่ 2 ปั่นจาก Breda ไป Antwerp ระยะทาง 58 กิโลเมตร

ทริปนี้วางเส้นทางออกจากเนเธอร์แลนด์เข้าเบลเยี่ยมจากเมือง Breda ทริปก่อนเคยใช้เส้นทางเลียบริมทะเลทางฝั่งตะวันตกออกจาก Rotterdam ลงไปเบลเยี่ยม ซึ่งลมแรงมาก ทริปนี้เข้าเบลเยี่ยมผ่านเส้นทางที่เป็นป่าและพื้นที่ฟาร์มเกษตร ปั่นสบายลมไม่แรง ไม่ได้ตามเส้นทาง komoot (แอพบอกเส้นทางเคยเล่าไว้ในโพสต์ปั่นไปเที่ยวไปปีที่แล้ว) ซึ่งช่วงออกจากเนเธอร์แลนด์ komoot ให้ใช้ถนนที่เป็นทางร่วมรถยนต์กับจักรยาน (ซึ่งมีเลนจักรยานโดยเฉพาะ) แต่เลือกเส้นทางใหม่ที่ระยะทางเพิ่มเกือบ 10 กิโลเมตร ใช้ถนนเส้นที่ผ่าน parks ตลอดจนเข้าประเทศเบลเยี่ยม ปั่นสบายมาก โชคดีที่ได้เจอคน local ที่แนะนำให้ใช้เส้นทางนี้

Antwerp | แอนต์เวิร์ป ประเทศเบลเยี่ยม ศูนย์กลางอัญมณีของโลก มีเพชรมากมายหมุนเวียนค้าขายที่นี่เป็นอันดับต้นๆของโลกแต่ใส่ชุดปั่นจักรยานคงเข้าไปชมเพชรไม่ได้ รปภ.น่าจะจับ คุณเพื่อนกับคุณพี่เลยเลือกไปเยี่ยมชมสถานีรถไฟ Antwerp Train Station แทน

BELGIUM
Antwerp – Ghent – Brugge – Brussels – Mons

EuroVelo | เส้นทางปั่นจักรยานยุโรป มี 5 เส้นทางที่ผ่านประเทศเบลเยี่ยม คือ EV 3, 4, 5,12 และ 19 ระยะทางรวมกันยาวมากกว่า 1,000 กม. นอกจากนั้นก็ยังมีเส้นทางที่คนท้องถิ่นใช้ (Local route) อีกหลายเส้นทาง ที่ไม่ว่าจะเป็นคนเบลเยี่ยม คนยุโรป หรือนักท่องเที่ยวต่างขาติก็ไปปั่นได้ มีป้ายบอกทางชัดเจน

TIPS: ข้อมูลสำหรับนักปั่นจักรยาน touring ที่ต้องการฝากของไว้ที่โรงแรมในระหว่างทริป ในกรณีที่จะปั่นวนกลับมาเมืองเดิม มีบางโรงแรมที่เป็น apartment (aparthotels) และมี locker ให้บริการโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย สามารถกลับมารับของหลังจาก check out ไปแล้วกี่วันก็ได้ จักรยานสามารถทิ้งไว้ที่ car parking ที่เข้าได้เฉพาะแขกโรงแรมและพนักงานเท่านั้น

YAYS Antwerp เป็น Aparthotels ที่มี Locker ให้ฝากของได้ฟรี

วันที่ 3 ปั่นจาก Antwerpen ไป Ghent ระยะทาง 70 กิโลเมตร

ต้องยอมรับเลยว่าเบลเยี่ยมได้ทุ่มงบในการสร้าง Bike network ได้ดีมากๆ สามารถปั่นเส้น local ได้โดยไม่ต้องใช้ navigator เลย ป้ายชัดเจนมาก และมีการพ่นสีบนถนนชัดเจน ทุกทางแยกแทบไม่หลงเลย ดูป้ายชื่อเมือง แล้วก็ดูตัว F สีฟ้าบนถนน ไม่หลงแน่นอน
นอกจากการสร้างเส้นทางจักรยานมากขึ้นเแล้ว เบลเยี่ยมเป็นประเทศที่จริงจังมากในการออกกฎหมายที่ห้ามรถยนต์เข้าไปใน City center

F4 : Bicycle Highway Antwerp – Ghent

เส้นทางปั่นจักรยาน F4 เป็นหนึ่งใน Bicycle Highway ของประเทศเบลเยี่ยม เรียกง่ายๆว่าถนนหลวงของจักรยาน ที่เชื่อมต่อระหว่างเมือง มีความปลอดภัยและมีป้ายบอกทางชัดเจน

Ghent | เกนต์

ปั่นจักรยานเข้าไปแวะชมบรรยากาศจัตุรัสกลางเมืองกับ Belfry of Ghent หอระฆังแห่งเกนต์ หนึ่งในมรดกโลกของเบลเยี่ยม

Tram ขนส่งสาธารณะของเมืองเกนต์ กับอาคารเก่าแก่ยุคกลาง Old Post Office of Ghent

วันที่ 4 ปั่นจาก Gent-Bruges 58 กิโลเมตร

ปั่นออกจากเมืองตามคำแนะนำของ Host ที่ไปพักว่าปั่นเลียบคลองไปเรื่อยๆก็ถึงจะถึงเมือง Bruges คิดว่าไม่ต้องใช้ Navigator ก็ได้ สุดท้ายก็หลงไปอีกเกือบ 10 กิโลเมตร เพราะว่าไปผิดคลอง โชคดีเจอคุณลุงเข้ามาคุยด้วยและสังเกตเห็นเราปั่นจักรยานทางไกล คุณลุงรู้ว่าเราต้องมุ่งหน้าไป Bruges แน่นอน คุณลุงรีบบอกให้เรากลับไปทางเดิม แล้วหาเส้นทางเข้า Bruges ใหม่

เส้นทางเลียบคลองไปเรื่อยๆ สวยงามมาก แต่ผิดทาง

Brugge/Bruges | บรูจจ์

เมือง Bruges มีเสน่ห์เหมือนเดิม นักท่องเที่ยวน้อยกว่าเมืองอื่นมาก

วันที่ 5 ปั่นวงรอบ Bruges – Knokke Heist – Ostend – Bruges ระยะทาง 90 กิโลเมตร

Coastal Route เส้นทางเลียบชายทะเลเหนือในเบลเยี่ยมระยะทาง 84 กม. เป็นส่วนหนึ่งของ EuroVelo 4 ระยะทาง 1,400 กม. เราเลือกปั่นแค่ช่วงเดียวจาก Knolle-Heist ไป Ostend ระยะทาง 35 กม.

วันนี้ต้องเป็นวันพักขา เลยตั้งใจจัดเส้นทางปั่นเบาๆ ไปเที่ยวชายทะเล ออกจาก Bruges ไปเมืองชายทะเล ปั่นวนไปวนมากลายเป็น 90 กม. กลับมาถึงเมือง Bruges เกือบ 3 ทุ่ม

วันนี้ใช้เส้นทาง EuroVelo 4 ซึ่งได้ชื่อว่าโหดมาก เพราะต้องสู้กับลมแรงและอากาศหนาวมาก คิดว่าซ้อมสนามสุวรรณภูมิมาแล้ว ยังสู้ไม่ไหวจริงๆ ลมแรงมาทุกทิศทาง พรุ่งนี้เลยเปลี่ยนแผนนั่งรถไฟไป Brussels หาเส้นทางใหม่

วันที่ 6 นั่งรถไฟไป Brussels แล้วปั่นจาก Brussels ไป Mons ระยะทาง 78 กิโลเมตร

จาก Bruges ขึ้นรถไฟไป Brussels รถไฟเบลเยี่ยมไม่ได้มีพื้นที่สำหรับจักรยานดีเท่ารถไฟในเนเธอร์แลนด์หรือเยอรมัน สำหรับรถจักรยาน ต้องลงที่สถานี Brussels Midi เข้าไปสถานี Brussels Central ไม่ได้ ตอนซื้อตั๋วต้องเลือก Supplement จักรยาน เพื่อความมั่นใจเรื่องรายละเอียดตั๋วกับสถานีรถไฟ แนะนำให้ไปออกตั๋วกับเจ้าหน้าที่ที่ Ticket office ให้ความช่วยเหลือดีมาก ถ้าเป็นจักรยานพับขึ้นรถไฟไม่ต้องจ่ายค่าตั๋วจักรยาน เห็นคน local ใช้ Brompton กันเยอะ พับและยกขึ้นรถไฟสะดวกดี

Brussels ไป Mons ระยะทาง 78 กิโลเมตร

ออกจาก Brussels ได้ลองเส้นทาง EuroVelo 5 ที่ผ่านเบลเยี่ยม และได้รับรางวัล Cycling route of the year 2023 ถนนจักรยานเรียบมาก ป้ายบอกเส้นทางชัดเจน ระหว่างทางมีอาคารเก่าที่เป็นสัญลักษณ์ของแต่ละเมือง หรือมี Graffiti ที่สวยงาม

ถ้าออกจากเส้น Eurovelo 5 แล้ว เส้นทางจักรยาน local ของเบลเยี่ยมยังไม่สะดวกสบายเท่าเนเธอร์แลนด์และเยอรมัน เป็นเส้นทางร่วมกับรถยนต์เป็นส่วนใหญ่ วันนี้ต้องปั่นหลบถนนเส้นใหญ่ เพิ่มระยะทางไปอีกเกือบ 20 กม.

เมือง Mons เป็นเมืองชายแดนของเบลเยี่ยมติดกับฝรั่งเศส ใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นหลัก จากเมือง Mons สามารถปั่นจักรยานเข้าฝรั่งเศสได้โดยใช้เส้นทาง EuroVelo 3 แต่เราตัดสินใจเปลี่ยนแผน ลองนั่ง FLiXBUS จากชายแดนเบลเยี่ยมข้ามมาถึงปารีส เป็นประสบการณ์ครั้งแรกกับการขึ้น FLiXBUS ข้ามประเทศ

การซื้อตั๋ว online ยากมาก ใช้บัตรเครดิตไม่ผ่านเลย ต้องขอบคุณพนักงานโรงแรม IBIS ที่ Mons ใช้ความพยายามอยู่เกือบชั่วโมงช่วยจองให้ ลองทุกช่องทางทั้ง app และ website ถ้าจองตั๋วล่วงหน้ามา สามารถซื้อตั๋วจักรยานเพิ่มได้ ไม่ต้องเก็บจักรยานใส่กระเป๋า

ไปปั่นต่อในฝรั่งเศสที่ Part 2

One response to “ปั่นไปเที่ยวไปซีซั่น 2 Part I [ฮอลแลนด์ไปเบลเยี่ยม]”

  1. […] อ่าน > ปั่นไปเที่ยวไป ซีซั่น 2 ตอน 1 […]

    Like

Leave a comment