ขึ้นถ้ำนาคี จิบกาแฟดีริมโขง @นครพนม
สิงหาคม 2568
หลังจากปีนป่ายขึ้นถ้ำนาคาฝั่งจังหวัดบึงกาฬไปเมื่อ 3 ปีก่อน [์Naga Trip @บึงกาฬ] ยังตั้งใจไปถ้ำนาคีด้วย แต่ไม่ได้จังหวะเหมาะสักที ก่อนจะแก่จนเดินไม่ไหว ปีนี้จึงไม่รีรอที่จะไป ถือเป็นโอกาสดีกลับไปนครพนมอีกครั้งในปีชงของเรา ไปไหว้พระประจำปีเกิดกันหน่อย จึงเลือกนอนที่จังหวัดนครพนม แล้วขับรถไปที่อุทยานแห่งชาติภูลังกา จุดทางเดินขึ้นถ้ำนาคี ระยะทางราวๆ 100 กิโลเมตร ขับรถประมาณ 1.5 ชั่วโมง


แผนการมาถ้ำนาคีของเราเป็นแผน 3 วัน 2 คืน พักที่ตัวเมืองนครพนม แวะโน่นนี่เรื่อยเปื่อย ไม่เน้นเที่ยวอะไรมาก เพราะเคยมานครพนมหลายครั้งแล้ว คราวนี้ก็ได้แวะกินแวะเที่ยวตามนี้
D1 : บินสีแดงเที่ยวบ่ายมาถึงนครพนม 14:40
– แวะจิบกาแฟ 76A The Space
– เช็คอินที่พัก : เวลาดี (เที่ยวไทยคนละครึ่ง)
– ถนนคนเดินริมโขง
D2 : ขับรถไปอช.ภูลังกา อ.บ้านแพง
– ขึ้นถ้ำนาคี
– น้ำตกตาดขาม
– พญานาค 7 เศียรวัดสมประสงค์วนาราม
กลับเข้าเมืองนครพนม
– จิบกาแฟ ไทยสามัคคี
D3 : ตื่นเช้าปั่นจักรยานถนนริมโขง
– พญาศรีสัตตนาคราช / วัดมหาธาตุ
– แวะจิบกาแฟ Kios ริมโขง
เช็คเอาท์ที่พัก
– บ้านลุงโฮ / พิพิธภัณฑ์ลุงโฮจิมินห์
– ไปอ.ธาตุพนม > Street Art
– พระธาตุพนม (กลับเมือง 56 กม.)
– จิบกาแฟ Phanom Books, Roastery and SLow Bar Coffee
บินสิงโตกลับ 19:25 – 20:55

การจะเดินขึ้น “ถ้ำนาคี” ให้ไปตั้งต้นที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูลังกา อ.บ้านแพง จ.นครพนม [แต่ถ้าจะเดินขึ้น “ถ้ำนาคา” ต้องไปตั้งต้นที่ หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติชั่วคราว (น้ำตกตาดวิมานทิพย์) อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ คนละที่กัน] ตอนไปถ้ำนาคาพวกเราไปนอนที่อำเภอบึงโขงหลง ซึ่งใกล้จุดเดินขึ้นถ้ำนาคามาก และความจริงก็ใกล้จุดเดินขึ้นถ้ำนาคีด้วยเหมือนกัน
อุทยานแห่งชาติภูลังกา
มีเนื้อที่ 31,250 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่อำเภอบ้านแพง อำเภอนาทม จังหวัดนครพนม และอำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ ลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาเรียงซ้อนกันตามแนวแม่น้ำโขง คือ ภูลังกาเหนือ ภูลังกากลาง และภูลังกาใต้ ทอดยาวตามแนวจากทิศเหนือจรดทิศใต้ มีความสูงจากระดับน้ำทะเลที่จุดสูงสุดบนภูลังกาเหนือ 563 เมตร
ลักษณะทางธรณีวิทยาหินในบริเวณนี้เป็นเนื้อหินละลายน้ำได้ ทำให้เกิดชั้นเว้าลักษณะคล้ายถ้ำ ขนานยาวไปตามภูเขา สลับกับชั้นหินทรายซึ่งไม่ถูกน้ำฝนกัดเซาะละลายนูนเด่นขึ้นมาเป็นส่วนที่เหมือนลำตัวพญานาค จึงเกิดเป็นพื้นผิวที่เรียกกันว่า “หินเกล็ดพญานาค” ในทางธรณีวิทยาเรียกว่าปรากฏการณ์ “ซันแครก” (Suncrack) จึงเกิดเป็นจุดท่องเที่ยวดัง 2 จุดคือ “ถ้ำนาคา” ในเขตอ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ และ “ถ้ำนาคี” อ.บ้างแพง จ.นครพนม
อุทยานแห่งชาติภูลังกา
ตำบลไผ่ล้อม อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม
เมื่อเดินทางไปถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูลังกา อ.บ้านแพง จ.นครพนม แล้ว ต้องไปลงชื่อเข้าพื้นที่ มีค่าเข้าเขตอุทยานฯคนละ 20 บาท รถยนต์คันละ 30 บาท มีเพิ่มค่าประกันนักท่องเที่ยวอีกคนละ 10 บาทด้วย (ไม่เคยเจอแฮะ) แล้วติอต่อขอคนนำทาง 1 คน เหมือนตอนขึ้นถ้ำนาคา ไม่มีค่าบริการให้สินน้ำใจตามความพอใจตอนกลับลงมาเหมือนกัน (แต่ขอขั้นต่ำ 300 บาทต่อกลุ่ม) ไม่ต้องทำการจองคิวจองเวลาก่อนขึ้น (ถ้าจะไปถ้ำนาคา แนะนำให้จองคิวก่อน เพราะมีจำกัดจำนวนคนต่อวัน)
เส้นทางในการเดินขึ้นถ้ำนาคี มีระยะทาง ไป-กลับ ประมาณ 4 กิโลเมตร ทางเดินช่วงแรกเป็น “เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกตาดโพธิ์” จะเป็นถนนรักษ์โลกโดยการสนับสนุนของกาแฟเขาช่องใช้ขยะพลาสติค โดยเฉพาะซองกาแฟเขาช่วงรวมกับขยะพลาสติคอื่นๆที่คนบริจาค เอามาเป็นวัสดุปูพื้นทางเดิน เรียกว่า “ถนนเขาช่องกรีนโรด” เป็นทางเรียบๆค่อยๆไต่ระดับขึ้น เลาะเลียบสายน้ำตกไป ้เป็นการเดินชมธรรมชาติป่าไม้ จนสุดทางที่น้ำตกไทรงาม จากนั้นเป็นจุดเริ่มเดินขึ้นถ้ำนาคี เป็นทางขึ้นเขาแต่ไม่ชันเท่าฝั่งถ้ำนาคา มีทำบันไดให้เป็นบางช่วง มีจุดน่าสนใจให้แวะถ่ายรูปตลอดรายทาง ได้หยุดถ่ายรูปบ่อยเลยไม่ค่อยเหนื่อย
ระหว่างเดินจะได้ยินเสียงฆ้องโหม่งตลอด เดินตามเสียงไปเรื่อยๆ มีหินนาคีให้ได้เจอบ้างแล้ว จนไปถึง “ถ้ำนาคี” ถ้ำไม่ใหญ่แค่เป็นเพิงหินมีแอ่งน้ำข้างใน มีพระพุทธรูปให้กราบไหว้ จากนั้นก็เดินต่อไปมีจุดชมหินนาคีอีก 3-4 จุด แล้วถ้าไม่ไปบ่อชุบตัว ก็เดินวนไปทางลงได้เลยจะไปบรรจบทางขึ้นที่น้ำตกไทรงาม ถ้าไปบ่อชุบตัวก็ไปทางซ้ายอีกไม่ไกล เดินง่าย เดินสบาย ตลอดทางมีป้ายบอกชัดเจน แต่มีกฏให้ต้องมีคนนำทางทุกครั้ง สรุปว่า ทางเดินไม่ชันไม่เหนื่อย เมื่อเทียบกับทางขึ้นถ้ำนาคา
สิ่งที่จะได้เจอตามรายทางขึ้นถ้ำนาคี (มีเยอะกว่าทางเดินขึ้นถ้ำนาคา)
- น้ำตกตาดโพธิ์
- น้ำตกผาสวรรค์
- น้ำตกไทรงาม
- น้ำตกผางอย
- หินนาคีที่ ๙
- หินนาคีที่ ๑
- หินนาคีที่ ๗
- ถ้ำนาคี ประดิษฐานพระพุทธรูปหินหยก
- หินนาคีที่ ๒
- หินนาคีที่ ๕
- หินนาคีที่ ๖
- หินนาคีที่ ๓
- บ่อชุบตัว
- หินนาคีบริวาร
- ผานาคี จุดชมวิวแม่น้ำโขง
- หินนาคีที่ ๘
- ทางเข้าเมืองบังบด
- หินนาคีที่ ๔ + หัวใจนาคี
- หิน infinity

ระยะทางเดินขึ้นประมาณ 2 กิโลเมตร ทางเดินดี ไม่ชันมาก เดินขึ้นลง 4 กิโลเมตร แบบแวะไม่นานมากใช้เวลา 2-3 ชั่วโมงได้ ถ้าช่วงวันหยุดหรือหยุดเทศกาลคนเยอะ ก็จะเดินได้ช้าหน่อย เพราะทางแคบ พอคนหยุดพักหรือหยุดถ่ายรูปก็ต้องรอกัน และถ้าไปบ่อชุบตัววันคนเยอะก็ต้องรอคิวกันลงบ่อ อาจรอนานเป็นชั่วโมง


เมื่อมาถึงก่อนอื่นต้องไปลงชื่อเข้าพื้นที่ก่อน แล้วจ่ายค่าธรรมเนียม พร้อมติดต่อขอคนนำทาง 1 คน

ถนนเขาช่องกรีนโรด



ก่อนเริ่มเดิน ไปไหว้พระเอาฤกษ์เอาชัยก่อน และเป็นการขออนุญาตสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วย

พวกเราเดินไปทาง“น้ำตกตาดโพธิ์”ก่อน หรือใครจะไหว้พระแล้วเดินขึ้นบันไดข้างศาลเลยก็ได้ค่อยมาน้ำตกตอนขาลง

น้องนก ไกด์คนสวยของพวกเรา อธิบายเส้นทางพร้อมแนะนำข้อห้ามต่างๆก่อนเริ่มต้นเดิน

เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกตาดโพธิ์ เป็นเส้นทางที่กาแฟเขาช่องสนับสนุนการสร้างด้วยขยะพลาสติด


ข้อดีของหน้าฝนคือ ความสดชื่นเขียวชอุ่ม และมีน้ำไหลตลอดเส้นทาง

ไกด์น้องนกบอกว่า ช่องหินนี้คือประตูเมืองเข้าถ้ำนาคี


น้ำตกผาสวรรค์ในฤดูฝนเห็นเป็นม่านน้ำสวยงาม ถ้ามาหน้าแล้ง จะมีแต่ผาหิน






เดินแวะถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ข้อดีของฤดูฝน มีอะไรให้ดูเยอะแยะ

อุโมงค์ต้นข่อย



ลานกว้างของ “น้ำตกไทรงาม” ที่คนชอบมาเล่นน้ำกัน มองเห็น”น้ำตกผางอย”เป็นสายยาวด้านหลัง

เส้นทางศึกษาธรรมชาติที่เป็นทางเรียบ สุดทางที่ “น้ำตกไทรงาม” ต่อจากนี้เป็นจุดเริ่มต้นเดินขึ้นถ้ำนาคี



เดินเข้ามาไม่นานก็เริ่มเห็นหินที่มีแนว “ซันแคร็ก”



เข้ามาใกล้ “น้ำตกผางอย” ฝนก็ลงเม็ดใหญ่ ถ่ายรูปแทบไม่ทันเลย

ไกด์น้องนกชี้ให้ดูต้นไม้หน้าคน เออ เหมือนจริงๆแฮะ

อย่างที่เล่าข้างต้นว่าทางแคบ ถ้ามาเจอคนเยอะก็ต้องเดินตามๆกันไป แซงยาก




หินนาคีที่ ๙ ลักษณะคล้ายหัวพญานาคแผ่พังพาน เป็นภาพจำของการมาถ้ำนาคี

เดินลงมาข้างหัวที่ ๙ ตรงลำตัวพญานาคี ไกด์น้องนกบอกว่าให้ขอพรตรงนี้ได้ ขอพรเกี่ยวกับการงาน เลยขอให้งานเข้าปังๆ

มุดเข้าใต้แนวผาหิน เดิมเคยเป็นสถานที่นั่งปฏิบัติธรรมของพระธุดงค์ ตอนนี้กลายเป็นที่ท่องเที่ยวก็ไม่สงบอีกแล้ว

มีร่องรอยที่มองดีๆจะเห็นเหมือนหัวงูหรือเศียรนาคี (ซ้ายบนของรูป)




หินหัวเต่าตามจินตนาการ (พอไกด์น้องนกบอก มองไปก็เหมือนแฮะ 555)

หินนาคีที่ ๑ ลักษณะคล้ายหัวพญานาคปักหัวลงด้านล่าง

หินนาคีที่ ๗ อยู่ในซอกหินตรงช่องบันไดเข้าถ้ำนาคี ที่ต้องมีจุดมองจะเห็นเป็น 2 เศียรซ้อนกัน


มุดซอกเล็กๆข้างหัวที่ ๗ เข้าไป ไต่บันไดโผล่ขึ้นไปก็ถึงถ้ำนาคีแล้ว




ต้นตอของเสียงที่ได้ยินมาตลอดทางคือฆ้องหรือโหม่งตัวนี้เอง ใครมาถึงก็ต้องมาตี


โถงถ้ำนาคี มีพื้นที่ไม่ได้กว้างมาก (แต่ค่อนข้างมืด ถ่ายมาไม่ชัดเลย)

พระพุทธรูปหินหยกในถ้ำนาคี

หินนาคีที่ ๒ ในถ้ำนาคี ถ้าน้ำสูงมากก็จะจมอยู่ใต้น้ำ

เดินลงบันไดจากถ้ำนาคีเจอ 2 หัวอยู่ใกล้กันเลย คือหินนาคีที่ ๕ (ขวา) – หินนาคีที่ ๖ (ซ้าย)

หินนาคีที่ ๕ ตรงบันไดทางลงจากถ้ำนาคี ที่ต้องใช้จินตนาการเอาหน่อย

เดินมาอีกนิด หินนาคีที่ ๖ อยู่ข้างทางเดิน


ลวดลายของหินที่จินตนาการได้ว่าเหมือนลำตัวของพญานาคม้วนตัวแล้วเห็นเป็นหัวที่ ๓ อยู่ด้านบน


หินนาคีที่ ๓ ดูยิ่งใหญ่ มีลำตัวเป็นองค์ประกอบให้ดูสมจริงที่สุด ในความเห็นเรา

ไม่ใช่ถ้ำมืดๆแต่ก็มีค้างคาวใต้เพิงหิน


สีสันฤดูฝน ระหว่างทางแยกไปบ่อชุบตัว

ไหว้พญานาคีระหว่างรอคิวลงบ่อชุบตัว

รอคิวลงบ่อชุบตัว โดยไกด์จะไปถามคิวกับไกด์กลุ่มอื่น แล้วเรียกเมื่อถึงคิว พวกเรารอคิวตรงนี้ 1/2 ชม.
ไกด์น้องนกบอกว่าถ้าวันเทศกาลรอกัน 1-2 ขม.ก็มี

บ่อชุบตัวคือโบกหิน (เหมือนสามพันโบก) ที่อยู่บนยอดน้ำตกผางอยนั่นเอง

มีความเชื่อกันว่า ผู้ที่ได้ชำระล้างร่างกายจากบ่อน้ำแห่งนี้ จะได้ชะล้างของไม่ดีออกจากตัว

ลงบ่อชุบตัวแล้วเดินย้อนกลับออกมา มีเพิงหินด้านซ้ายมือที่น้องไกด์บอกว่ามี หินนาคีบริวาร (บางเพจสถาปนาเป็นหัวที่ ๑๐ ไปล่ะ)
เข้าไปไหว้แล้วสวดขอพรเบิกทรัพย์ได้ ก็เอาเสียหน่อย มองเห็นเป็นหัวพญานาคีซ้อนกัน 2 หัว
จุดชมวิวผานาคีมี 3 ลาน ลานแรกเล็กหน่อยมุมแคบกว่า ลานที่ 2 มุมมองกว้างเห็นไปถึงบ่อชุบตัว ลานบนสุดมีป้ายผานาคี มุมมองกว้างสุด


ลานชมวิวแรก ได้มุมมองแค่นั้




ลานชมวิวที่ 2 เป็นลานเริ่มแรก มุมมองกำลังสวย มองเห็นน้ำตกผางอยและบ่อชุบตัวได้เลย


ลานที่ 3 เปิดใหม่ล่าสุด มีป้ายว่าผานาคีอยู่ด้วย

กลับจากผานาคี เป็นทางเดินลงจะเจอ หินนาคีที่ ๘ ต้องใช้จินตนาการอีกล่ะ

ทางเดินในฤดูฝนมันดูลึกลับซับซ้อนดี

ว่ากันว่าเป็นทางเข้าเมืองบังบด ที่สมัยก่อนเป็นช่องทางเดิน ปัจจุบันมีหินหล่นมาปิดทาง


หินนาคีที่ ๔ ลักษณะคล้ายหัวพญานาคชูคอ กับหัวใจนาคีด้านบน

น้องไกด์บอกว่า รูหินนี้เรียกว่า หินอินฟินิตี้ ช่างจินตนาการกันจริงๆ



ทางเดินวนกลับมาถึงตรงน้ำตกไทรงาม เดินกลับตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติเส้นเดิม

ลงไปถึงด้านล่างแบบเปียกปอนตอนจบ ถ้าไม่นับเวลาที่รอลงบ่อชุบตัว พวกเราเดินไปถ่ายรูปไปใช้เวลา 4 ชม.

น้ำตกตาดขาม อุทยานแห่งชาติภูลังกา
ลงมาจากถ้ำนาคีก็บ่ายโมงกว่าแล้วเริ่มหิวข้าวแต่ตรงที่ทำการอุทยานฯไม่มีร้านอาหาร เลยว่าจะไปเสี่ยงดวงดูที่น้ำตกตาดขาม ออกจากอุทยานแห่งชาติภูลังกาไปแค่ไม่กี่กม.ก็ถึง ใช้บัตรเข้าอุทยานเดิมไปเข้าน้ำตกตาดขามได้ เสี่ยงดวงถูก มีร้านไก่ย่างส้มตำ มีร้านน้ำ ร้านขนม ให้ฝากท้องได้

จอดรถแล้วเห็นน้ำตกแบบนี้เลย เป็นน้ำตกที่เที่ยวง่ายสุดๆ
บริเวณน้ำตกตาดขาม บรรยากาศดี กว้างขวาง น้ำตกใหญ่สวยงาม มีแอ่งให้เล่นน้ำได้กว้าง ถ้าฝนไม่ตกน่าจะมีคนมาเที่ยวเยอะ แต่ถึงฝนตกก็ยังมีวัยรุ่นมาเล่นน้ำ มาปิคนิคกันอยู่




พญานาค ๗ เศียร วัดสมประสงค์วนาราม
ระหว่างทางกลับเข้านครพนมแวะเข้าไปวัดสมประสงค์วนาราม อ่านเจอมาว่ามีรูปปั้นพญานาค 7 เศียร เลยแวะเข้าไปดู สวยงามใหญ่โตจริง ใครมีเวลาแวะเข้ามาได้ ไม่ออกนอกเส้นทางมาก




นครพนม เมืองน่ารักริมแม่น้ำโขง สุดเขตประเทศไทยทางทิศตะวันออก ข้ามน้ำโขงไปก็เป็นเพื่อนบ้านของเราคือประเทศลาวนั่นเอง เมืองขนาดไม่ใหญ่ บ้านเรือนไม่ถึงกับแออัด เงียบสงบแต่ไม่เงียบเหงา ยิ่งในยุคนี้ความฮิปความชิคตามสมัยนิยมมักจะแทรกตัวเข้ามาอยู่ในเมืองเล็ก เมืองรอง เมืองทางผ่าน อยู่เสมอๆ การไปเที่ยวเมืองเล็กเมืองรองจึงไม่ได้ขาดแคลนเสน่ห์แต่อย่างใด เรายังได้กินอาหารพื้นถื่น แต่ก็ยังมีคาเฟ่ให้เข้า มีที่เที่ยวทางวัฒนธรรม แต่ก็มีสตรีทอาร์ตเก๋ๆให้ไปถ่ายรูปด้วย นครพนมมีทั้งหมดที่ว่ามา
Nakorn Phanom Walking Street | ถนนคนเดินนครพนม มีเย็นวันศุกร์ – เสาร์ – อาทิตย์ ตั้งต้นตั้งแต่ตรงรูปปั้นพญาศรีสัตตนาคราช ยาวตลอดถนนไปถึง หอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์ มีของกินหลากหลาย มีของขายทั้งเสื้อผ้า ของที่ระลึก จัดทำที่นั่งไว้หลายจุด ให้ซื้ออาหารมานั่งกินหรือนั่งเล่น มีดนตรีเล่นสดให้ฟังเพลินๆ

พญาศรีสัตตนาคราช ตอนกลางคืนเปิดไฟแล้วพ่นน้ำด้วย มีคนเข้ามาสักการะตลอดเวลา


ถนนคนเดินวันศุกร์คนเยอะพอสมควร



มื้อเย็นวันนี้ลูกรอกย่างกินกับน้ำจิ้มเผ็ด เนื้อโคขุนย่างกับข้าวเหนียว นั่งกินในลานริมโขง


ร้านกาแฟยอดนิยม 2 ร้านของนครพนมที่เปิดถึงกลางคืน อยู่ในถนนคนเดิน “76a The Club” กับ “ไทยสามัคคี”



วันสุดท้ายของทริป ตื่นเช้ามา เปิดม่านออกไปชมวิวโขง เมฆยังเยอะ แต่มีแสงอาทิตย์อุ่นๆ สรุปว่าฝนตกวันเดียว คือวันที่เราขึ้นถ้ำนาคี

ที่พักมีจักรยานให้ยืมไปปั่นได้ฟรี ก็เลยปั่นจักรยานยามเช้าบนทางจักรยานเลียบริมแม่น้ำโขง ไปจนถึงพญาศรีสัตตนาคราช อากาศดี ทางจักรยานแยกออกจากถนนใหญ่ ปั่นได้ปลอดภัย




ถนนเลียบโขง มีทำช่องจักรยานไว้อย่างดี / ใครไม่อยากเมื่อยขา หาเช่าจักรยานไฟฟ้าได้ มีร้านเปิดให้เช่าหลายร้านตามข้างทาง

แวะนมัสการพระพุทธมหามุนีศรีพรมนาถ ที่แกะสลักจากหินหยกเขียวแม่น้ำโขง

จากถนนเลียบโขง ตัดขึ้นมาระดับถนน แต่ก็ยังมีทำช่องจักรยานเลาะวิวโขง ระดับเดียวกับทางเดิน แต่ทางค่อนข้างเก่า ขรุขระไปหน่อย


วัดกลาง / วัดมหาธาตุ และพระธาตุนคร พระธาตุประจำวันเกิดของคนเกิดวันเสาร์


มีฟู๊ดทรัคเปิดขายแต่เช้าหลายคัน บรรยากาศริมโขงดีงาม

ปั่นไปแวะไปเรื่อย / วัดโพธ์ศรี


ปั่นจักรยาน 3 กิโลเมตรถึงพญาศรีสัตตนาคราช

ตอนเช้าพญานาคไม่พ่นน้ำ




ขากลับ แวะพักจิบกาแฟชมวิวแม่น้ำโขง แดดอุ่น ลมเย็นๆ แล้วปั่นกลับโรงแรม ไปกินอาหารเช้าที่โรงแรมเพราะรวมในราคาแล้ว คราวนี้ไม่ได้ไปร้านอาหารเช้าอร่อยๆในเมืองเลย แต่อาหารโรงแรมก็ดีอยู่นะ


วันนี้เช็คเอาท์แล้วเลือกไปเที่ยวที่ๆไม่เคยไป คือ “บ้านลุงโฮ” ทั้งบ้านจริงบ้านจำลอง
บ้านลุงโฮจิมินห์ (Ho Chi Minh’s House) หรือเรียกกันติดปากว่า “บ้านลุงโฮ”อยู่ในอำเภอเมืองนี้เอง เป็นบ้านที่เคยใช้เป็นที่พักของท่านโฮจิมินห์ ในช่วงที่มาอยู่ที่ไทย ก่อนจะกลับไปกอบกู้เอกราชของเวียดนาม




ด้านในบ้านมีลุงคนนึงคอยเล่าเรื่องราวในอดีตให้ฟัง แกว่าแกเป็นรุ่นหลานของเจ้าของบ้าน คือเจ้าของที่ดินนี้เป็นชาวเวียดนามอพยพหนีมาตั้งแต่สมัยฝรั่งเศสยึดครองเวียดนามแล้วโดนกดขี่จนทนไม่ไหว สมัยนั้นมีคนเวียดนามอพยพหนีเข้ามาฝั่งลาว แล้วข้ามเข้าไทยจำนวนมาก มาตั้งรกรากอยู่ตามจังหวัดแนวชายแดน แม้จะหนีมาไทยแต่ท่านเจ้าของบ้านก็เป็นแนวร่วมในการต่อสู้เรียกร้องเอกราชมาตั้งแต่สมัยนั้น ส่วนลุงโฮฯนั้น ได้เข้ามาอาศัยที่นี่ในตอนหลัง มาสร้างบ้านหลังนี้หลบซ่อนอยู่ในพื้นที่ ลุงโฮฯเป็นคนเก่ง ฉลาด เพราะไปเรียนที่ฝรั่งเศสมา ท่านมาอาศัยอยู่ในประเทศไทยราวๆ 7 ปี (พ.ศ. 2466 – 2474) ใช้บ้านเป็นที่ติดต่อประสานงานวางแผนและเคลื่อนไหวการต่อสู้ ต่อมาก่อตั้งกองกำลัง “เวียดมินห์” รวบรวมแนวร่วมเรียกร้องเอกราชให้กับเวียดนามจนสำเร็จ ลุงโฮฯเลยกลายเป็นวีรบุรุษของชาติ บ้านหลังนี้จึงถูกให้ความสำคัญว่าลุงโฮฯเคยมาอยู่ที่นี้

บ้านลุงโฮไม่มีเก็บค่าเข้าชม แต่มีกล่องรับบริจาคอยู่ด้านใน

ลุงผู้คอยเล่าเรื่องราวในอดีตให้คนเข้าชมได้ฟัง ฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง สำเนียงแกแปลกๆ อาจจะเป็นอิสานปนเวียดนาม

บ้านถูกแก้ไขปรับปรุงซ่อมแซมจากความทรุดโทรมไปตามกาลเวลา แต่โต๊ะทำงานตัวนี้ (เขาว่า) เป็นตัวเดิมที่ลุงโฮฯเคยใช้
เหมือนลุงจะบอกว่าบ้านดั้งเดิมได้พังทรุดโทรม รื้อทิ้งไปหมดแล้ว บ้านหลังนี้สร้างขึ้นใหม่แต่อยู่ในที่เดิม

ส่วนที่เป็นโรงครัว แยกออกไปอีกหลัง

โรงนี้คืออะไรไม่แน่ใจ อาจเป็นที่เก็บเสบียงเพราะยกพื้นสูง (เดาเอา)

บ้านลุงโฮ ประกอบด้วยเรือน 3 หลัง บ้านพัก โรงครัว และยุ้งข้าว+เสบียง

พื้นที่บ้านกว้างขวางร่มรื่น เดินทะลุไปได้ถึงอีกซอย ที่มีบ้านอีกหลังที่น่าจะเป็นที่อยู่อาศัยปัจจุบันของเจ้าของที่


ต้นมะพร้าวที่ปลูกโดยท่านโฮจิมินห์ (ยังอยู่?)
ไม่ห่างกับบ้านลุงโฮฯมี อนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์ ที่เพิ่งสร้างใหม่ใหญ่โต พื้นที่กว้างขวางกว่า 7 ไร่ เป็นพื้นที่ราชพัสดุที่รัฐบาลไทยมอบให้ใช้ในการก่อสร้าง มีศาลาให้ขึ้นไปเคารพรูปปั้นท่านโฮจิมินห์ มีตึกพิพิธภัณฑ์แสดงภาพชีวประวัติและหุ่นขี้ผึ้งจำลอง มีร้านขายของที่ระลึก มีให้เช่าชุดอ่าวหญ๋ายให้ใส่ถ่ายรูป แถมมีจำลองบ้านลุงโฮไว้ด้วย สร้างเหมือนที่บ้านลุงโฮเดิมเปี๊ยบ ทั้งลักษณะบ้าน 3 หลัง และแผนผังบ้าน พิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์ก่อสร้างขึ้นจากความร่วมมือของรัฐบาลไทยและรัฐบาลเวียดนาม เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2559 ซึ่งเป็นวันครบรอบ 126 ปี วันคล้ายวันเกิดของอดีตประธานาธิบดีโฮจิมินห์ด้วย ที่นี่ก็ไม่เก็บค่าเข้าเหมือนกัน มีแค่กล่องรับบริจาคอยู่ตรงทางเข้า

ซุ้มประตูอนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์ ใหญ่โตตามแบบฉบับเวียดนาม


อาคารรูปปั้นประธานโฮจิมินห์สร้างไว้ใหญ่โต

บ้านลุงโฮฯจำลอง ที่สร้างเลียนแบบจากบ้านเดิมมาทั้งขนาดและแผนผัง

จำลองมาครบทั้งบ้านหลัก โรงครัว และยุ้งข้าว




ใครไปดูบ้านลุงโฮในที่จริงมาก่อนแล้วจะเห็นว่าบ้านจำลองมาเหมือนหมด ยกเว้นการตกแต่งภายใน และไม้ดูใหม่กว่า
มาถึงนครพนมต้องได้ไปนมัสการ พระธาตุพนม ที่อำเภอธาตุพนม ต้องขับรถออกจากอำเภอเมืองไป 56 กม. ถนนดีขับแค่ครึ่งชม.ก็ถึงแล้ว วัดพระธาตุพนม ขยายใหญ่โต มีสิ่งก่อสร้างเพิ่มขึ้นจากที่เคยมา มีผู้คนเข้ามานมัสการองค์พระธาตุกันเยอะในวันอาทิตย์
วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร





ได้มาไหว้พระธาตุประจำปีเกิดอีกครั้งในปีชง สบายใจแล้ว

ถนนสายวัฒนธรรมเมืองนครพนม ตรงเข้าสู่องค์พระธาตุพนม
ก่อนกลับ แวะชม สตรีทอาร์ทธาตุพนม กันหน่อย อ่านเจอมาว่ามีอยู่หลายจุด เห็นภาพสวยๆอยู่เหมือนกัน ปรากฏว่ามันรกร้าง เลอะเลือนไปพอสมควรแล้ว แต่ก็แวะถ่ายรูปมา 3 จุด
จุดที่ 1 ด่านตรวจคนเข้าเมืองธาตุพนม
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/SAoBCTtsCmFY36DB7



ภาพหลักคือภาพใบหน้าคนกับปลา แล้วก็กาละแมโบราณที่เป็นเมนูอาหารถิ่นจังหวัดนครพนม ตามกิจกรรม 1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น มีร้านขายกาละแมโบราณอยู่ใกล้ๆหลายร้านให้เลือกซื้อด้วย


จุดที่ 2 ลานว่างข้างร้าน Shabuku
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/s1huU36xvRUCZQ1j6




เดินจากจุดที่ 1 มาได้ห่างกันไม่ถึง 100 เมตร เป็นลานว่างๆ ที่ตอนนี้รกร้างหญ้าท่วม ไม่กล้าลุยเข้าไป ได้แต่ยืนถ่ายรูปอยู่ไกลๆ น่าเสียดาย ภาพสวยน่ารักดี
จุดที่ 3 ถนนพนมพนารักษ์ 7 / ซอยอุดมเศรษฐกิจ
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/XRmwr6ZUDt7rxc3T8





ภาพวาดอยู่บนกำแพงตอนต้นซอยข้างตึกธนาคารเก่า มีรูปไฮไลต์เป็นรูปพญานาคกับหน้าคนสวมกระติ๊บข้าวเหนียวถือป๋องแป๋ง อีกฝั่งเป็นคำว่านครพนม ที่ต้องเพ่งต้องเล็งถอยหลังออกมามองเอาหน่อย

แจมด้วยลายน่ารักมุ้งมิ้งของเจ้าแมวน้อย บางคนจึงเรียกซอยนี้ว่าซอยแมว
จุดแถม ขับผ่านมาเจอ ข้างร้าน Sister ภาพเข้ากับสถานการณ์ช่วงนี้มากๆ
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/qPTXWYj5PLSxtDVt9

เก็บตกระหว่างทาง
พญานาค ๙ เศียร วัดหัวดอน อำเภอธาตุพนม / พระธาตุน้อยศรีบุญเรือง ที่เล่ากันว่าสร้างขึ้นตามหลังพระธาตุพนม จากเหตุที่ชาวบ้านที่ตั้งใจนำของมีค่าไปบรรจุในองค์พระธาตุพนมแต่ไปไม่ทันพิธี ก็เลยสร้างเป็นพระธาตุน้อยขึ้นมา / พระธาตุมรุกขนคร พระธาตุบริวารของพระธาตุพนมองค์ที่อายุน้อยที่สุด เป็นพระธาตุประจำผู้เกิดวันพุธกลางคืน




ร้านอาหารไม่ได้ไปกินร้านเด่นดังอะไรเลย เช้ากินอาหารโรงแรม เที่ยงกินตามที่เจอ อาหารเย็นวันแรกกินในถนนคนเดิน วันที่ 2 กินข้าวต้ม แต่ร้านกาแฟเน้นไปร้านที่หาข้อมูลมา + ร้านตามสถานการณ์

☕️ 76A The Space [07:00 – 18:00]
📍 พิกัด : https://maps.app.goo.gl/LRyDR9vt4V7pqcU89
ร้านกาแฟที่อยากมาเพราะตึกเก่าสวยตึกนี้รืมน้ำโขง มาชิมแล้วกาแฟใช้ได้เลยทีเดียว แถมขยายใหญ่โต กลายเป็นคาเฟ่แนวชิคๆอยู่ด้านหลังความคลาสสิคของอาคารเดิมด้านหน้า ที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็น Flagship Store ของร้าน เด่นด้วยอาคารสีเหลีองกับรูปดีเจอ๋องแอ๋งอันใหญ่เบิ้ม

☕️Thai Samakkee ไทยสามัคคี [8:00 – 24:00]
📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/oV7EckbeVbbQhAGeA
ร้านกาแฟที่ไม่อยู่ในแผน แต่มีหลายคนพูดถึง ก็เลยมาตามกระแส ร้านปรับปรุงจากอาคารเก่าแก่สวยงาม ตั้งอยู่ในทำเลทอง คนชอบมาถ่ายรูปกันมากๆ เพราะร้านก็สวย วิวจากระเบียงด้านบนก็สวย กาแฟที่ลองสั่งมาชิมดีเกินคาด นอกจากเครื่องดื่มหลากหลาย ก็มีขายอาหารด้วย แถมปิดดึกดื่น เดินเล่นถนนคนเดินมาแวะจิบอะไรเย็นๆก่อนกลับก็ยังทัน

☕️Phanom Books, Roastery and Slow Bar Coffee [9:00-16:00]
📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/jDtFcXUMHCm9RRSQA
ร้านกาแฟชื่อสั้นๆ “พนม” แต่ชื่อเต็มยาวเป็นกิโล เป็นร้านที่ตั้งใจมาชิม เพราะหาข้อมูลมาได้ว่านอกจากจากเปิดเป็นร้านกาแฟแล้วยังคั่วกาแฟขายด้วย ก็ต้องมีฝีมือล่ะวะ ร้านมี 2 สาขาคือ ร้านนี้กับอีกสาขา คือ Phanom specialty coffee ชื่อสั้นๆได้ใจความ ที่เราตั้งใจไปวันแรก แต่ไม่ทันร้านปิดก่อน แต่ได้ไปเห็นมา ร้านจะดูเก๋ไก๋เอาไจวัยรุ่นกว่าร้าน Books & Roastery นี้ กาแฟไม่ทำให้ผิดหวัง คั่วเองเบลนด์เองได้รสที่ดี นับว่าถูกใจ

☕️ Slow Bar ริมน้ำโขง ที่ลืมถามชื่อ แถมอ่านชื่อร้านไม่ออกซะอีก กาแฟดี บรรยากาศดียิ่งกว่า กับกาแฟราคา 60 บาท
📍พิกัดอยู่ไม่ไกลจากพญาศรีสัตตนาคราช เยื้องๆกับวัดโพธิ์ศรี ดูจากรูปที่ถ่ายมา เปิด 6 โมงเช้า ปิดบ่ายโมง กาแฟดีๆในบรรยากาศแบบนี้ควรแวะ
รีวิวที่พัก
เลือกนอนโรงแรมเวลาดี เพราะอยากจะใช้สิทธิ์เที่ยวไทยคนละครึ่ง ก็อุตส่าห์กดลงทะเบียนได้มากับเขาด้วย จะเลือกที่อื่นราคาถูกกว่านี้แหละ แต่ไม่ว่าง ที่เวลาดีว่างแต่เป็นห้อง Suite ก็ได้(วะ) มากินมาอยู่มานอนชิลห้องดีๆ เพราะไม่เน้นออกท่องเที่ยว เน้นพักผ่อนแล้วขึ้นถ้ำนาคี
โรงแรมเวลาดี เข้าโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง เราพัก 2 คืน ก็จ่ายแค่ 1 คืน ห้องธรรมดาเต็ม เลยได้ห้องสวีทในราคา สามพันกว่าบาท ห้องก็ไม่ได้สวีทอะไรนัก แต่มีโต๊ะอาหารที่แทบไม่ได้ใช้ นอกจากเอาไว้ตากเสื้อผ้ากับวางของ ฮา…. คือหมายถึง เอาห้อง Superior ปกติก็ได้ ถ้ามีนะ


ขนาดห้องพักก็กว้างขวาง สะอาด ที่นอน+หมอนดูดวิญญานมาก สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน วิวแม่น้ำโขงสวยงาม มีห้องอาหาร ร้านกาแฟ มีสระว่ายน้ำ มีสปา แถมมีจักรยานให้ยืมไปปั่นฟรีด้วย และที่สำคัญ พนักงานสุภาพมากทุกระดับชั้น บริการดีแทบอุ้ม แม้ช่วงที่เราไปจะคนเยอะเพราะมีกรุ๊ปบริษัท มีจัดงานแต่งงาน แต่พนักงานยังยิ้มแย้มแจ่มใสอารมณ์ดี พูดเพราะ ประทับใจมาก

พิกัดโรงแรมอยู่ห่างจุดเริ่มต้นจากถนนคนเดิน คือตรงพญาศรีสัตตนาคราช ประมาณ 3 กม. ปั่นจักรยานไปได้ ใครชอบเดินก็เดินเลาะเลียบถนนริมโขงมาได้ ใกล้ๆโรงแรมก็พอมีร้านอาหาร ร้านกาแฟอื่นๆอยู่บ้าง ถ้าไม่มีรถก็อาจจะไม่ค่อยสะดวกนัก
จบทริปอย่างดีมีความสุข กลับบ้านได้


Leave a comment