สวิสเซอร์แลนด์ | Switzerland | Schweiz | Suisse
July 1998
สวิสเซอร์แลนด์ ติดอันดับประเทศที่สุดแสนโรแมนติคมาอย่างยาวนาน ผู้คนต่างควงคู่กันไปขอแต่งงาน ไปฮันนึมูน กับบรรยากาศเทือกเขาหิมะขาวโพลน ถ้าไม่มาโรแมนติคก็จะมาแนวหรูหราไฮโซ ใส่เสื้อผ้าสีสดใสไปเล่นสกีตามสกีรีสอร์ต
แต่…พวกเราไปเที่ยวสวิสเซอร์แลนด์กันเป็นหมู่คณะ และไปฤดูร้อน

LUCERNE | LUZERN
ลูเซิร์นเมืองขนาดใหญ่ตอนกลางของประเทศ เป็นที่เริ่มต้นทริปของพวกเรา (ความจริงก็มาจาก Zurich นั่นแหละ นั่งรถไฟมา 1 ชม. แล้วมาตั้งต้นเที่ยวที่นี่) ลูเซิร์นเป็นเมืองใหญ่ เมืองสวย มีทะเลสาบใหญ่กลางเมือง เป็นเมืองยอดนิยมของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะชาวไทย จะว่าไปก็สวยงามควรค่าแก่การมานอนสัก 1-2 คืน มาดูว่ามีอะไรเที่ยวบ้าง
Kapellbrücke | Chapel Bridge
จุดท่องเที่ยวที่เหมือนจุดบังคับว่าใครที่มาเที่ยวลูเซิร์นต้องมาคือสะพานไม้ข้ามแม่น้ำรอยซ์ (Reuss River) ที่เชื่อมเมือง 2 ฝั่ง คือเมืองเก่าและเมืองใหม่ สะพานดั้งเดิมสร้างมาตั้งแต่ปีคศ. 1333 แต่โดนไฟไหม้ไปเกือบหมด มาได้รับการบูรณะปรับปรุงจนเปิดให้ใช้งานได้อีกครั้งในปีคศ. 1993 แม้จะสร้างใหม่ขึ้นมาแต่ก็มีโครงของสะพานเก่าอยู่ และด้วยความเป็นเอกลักษณ์ของสะพานที่มีหลังคาคลุมกับช่องเปิดที่มองออกไปเห็นแม่น้ำและอาคารยุคกลางตามริมน้ำ ทำให้ Chapel Bridge กลายเป็นสัญญลักษณ์ของเมืองลูเซิร์น





Kapellbrücke | Chapel Bridge สะพานไม้ประจำเมืองลูเซิร์น
Spreuerbrücke | Spreuer Bridge
สะพานไม้อีกแห่งของเมืองลูเซิร์น เป็นสะพานเล็กกว่า เก่าแก่น้อยกว่า Chapel Bridge ร้อยปี แต่เป็นสะพานไม้เก่าแก่ดั้งเดิมเพราะไม่ได้โดนไฟไหม้เหมือนสะพานใหญ่ ภาพวาดบนจั่วสามเหลี่ยมด้านในสะพาน เป็นภาพดั้งเดิมทั้งหมด




Spreuerbrücke | Spreuer Bridge สะพานไม้โบราณข้ามแม่น้ำรอยซ์

Jesuitenkirche | Jesuit Church in Lucerne
ยืนบนสะพานไม้มองออกไปจะเห็นโบสถ์สวยริมแม่น้ำ

ทั้ง 2 สะพานอยู่ไม่ไกลกัน เดินไปตามทางเดินเลียบแม่น้ำรอยซ์บน Rathausquai ได้ตลอด มีร้านค้า มีคาเฟ่ ให้แวะนั่งชมวิวไปตลอดรายทางด้วย
Vierwaldstättersee | Lake Lucerne
ถ้ามีเวลา ควรไปล่องเรือในทะเลสาบลูเซิร์น ที่ว่ากันว่าเป็นทะเลสาบที่สวยงามทึ่สุดในสวิสเซอร์แลนด์เชียวนะ มีเรือท่องเที่ยวออกตลอดเวลา นั่งชมบรรยากาศ 2 ข้างทางไปเพลินๆ หนาวแหละ แต่ก็โรแมนติคอยู่เหมือนกัน



ไม่ว่าจะเดิน หรือจะล่องเรือ ก็เห็น Chapel Bridge
General Guisan Quai
ตามริมทะเลสาบ จะมีสวนสาธารณะที่ให้คนไปพักผ่อนกันได้หลายที่ มีชาวเมืองมาเดิน มาวิ่ง มาปิคนิคกันในวันที่อากาศดีๆ ส่วนนักท่องเที่ยวอย่างพวกเราก็มาเดินถ่ายรูปกันแหละ


Löwendenkmal | Lion Monument
ภาพสลักสิงโตบนแผ่นหินขนาดยักษ์ นอนหมอบมีหอกปักหลัง หน้าตาแสดงความเจ็บปวดมาหลายร้อยปี สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงทหารรับจ้างที่เสียชีวิตจากการสู้รบในเหตุการณ์ปฏิวัติฝรั่งเศศ ซึ่งจำนวนมากเป็นลูกหลานชาวลูเซิร์นนี่เอง มาถึงลูเซิร์นทั้งทีก็ของมาร่วมรำลึกถึงเหตุการณ์เศร้ากับชาวลูเซิร์นด้วยสักครั้ง

เมืองลูเซิร์น สร้างบ่อน้ำพุและมีประติมากรรมสวยงามไว้ทั่วเมือง น้ำที่นี่ใสสะอาดใช้ดื่มกินได้เลย ถ้าอยากประหยัดเงินจากการซื้อน้ำที่ราคาแสนแพง ก็เอากระบอกน้ำมารองน้ำพุไปดื่มได้


Fritschibrunnen at Chapel Plaza | ในสวิสมีน้ำพุอยู่ทั่วไป น้ำใสสะอาด ใช้ดื่มกินได้เลย

เดินเรื่อยๆเปื่อยๆก็เจอกำแพงเมืองเก่า City walls | Museggmauer
Mount Pilatus
การเข้าใกล้หิมะที่สุดของพวกเราในทริปนี้คือ นั่งรถรางขึ้นยอดเขาพิลาตุส ยอดเขากลางเมืองลูเซิร์นที่ให้ขึ้นไปเที่ยวชมบรรยากาศ มีทางเดินให้เดินชื่นชมธรรมชาติตามแนวเขาได้ด้วย หรือถ้าชอบกิจกรรมก็มี Zipride ให้ไปเหินข้ามเขาได้



คนไทยน่าจะมาเยอะจนมีภาษาไทยข้างรถรางด้วยนะ รถรางที่นี่เป็นแบบฟันเฟืองที่ชันที่สุดในโลกที่ 45 องศา ขึ้นไปที่ยอดเขาที่ 2,132 เมตร




วันที่เราไปนั้นบรรยากาศขมุกขมัวเต็มที มองเห็นหิมะอยู่ตามยอดเขานิดๆหน่อยๆ แต่มีต้นไม้ใบหญ้าเขียวๆขึ้นตามผาหิน ดอกไม้เล็กๆก็ออกดอกสีสดใส จะว่าไปก็สวยอยู่ แม้ไม่ได้แตะหิมะแต่อากาศก็หนาวยะเยือก เปียกชื้น ลมพัดมาทีแทบจะแข็งไปทั้งตัว








ถ้ามาเที่ยวช่วงฤดูหนาว ก็ขึ้นมาสกีกัน เพราะหิมะท่วมท้นหุบเขา แต่มาเที่ยวฤดูร้อนก็จะได้เห็นต้นไม้ใบหญ้าสีเขียวสดใส และกิจกรรมที่เหมาะจะมาทำคือมานั่งรางเลื่อน หรือ Sledge นั่งกระเช้าขึ้นไปข้างบนแล้วนั่งเลื่อนลงมาตามราง ตัดผ่านหุบเขาที่ตอนนี้มีหญ้าสีเขียวสดใส ลมเย็นปะทะใบหน้ากับภาพเทือกเขาด้านหน้า มันคือดีมากๆบอกเลย

BEIL | BIENNE | BERN
หลายคนอาจจะนึกไปว่าซูริคหรือเจนีวาคิอเมืองหลวงของสวิสเซอร์แลนด์ แต่ความจริงแล้ว เมืองหลวง คือ เมืองเบิร์น ที่มาจากคำว่า แบร์ | Bear ที่แปลว่าหมี เพราะผู้ตั้งเมืองคนแรกตั้งใจไว้ว่า จะตั้งชื่อเมืองตามชื่อสัตว์ที่จับได้ในบริเวณนี้เป็นตัวแรก ก็เลยได้ชื่อหมีมานั่นเอง (โชคดีที่ไม่เป็นม้า เป็นหมูป่า หรือสัตว์อะไรแปลกๆกว่านี้)
Altstadt | Old City of Bern
ย่านเมืองเก่าของกรุงเบิร์นได้ขึ้นทะเบียนมรดกโลก เมื่อปี 1983 ตัวเมืองทั้งเก่าและสวยงาม มาถึงแล้วต้องใช้เวลาในการเดินเล่นไปตามถนนดั้งเดิมที่ปูด้วยหิน ตึกเก่า 2 ข้างทางปลูกดอกไม้สีสันสดใส ร้านขายของ ขายอาหาร หรือคาเฟ่ ก็แสนจะน่ารัก เดินเล่นได้เพลินมาก จุดน่าสนใจตามทางอีกอย่างคือ บ่อน้ำพุที่มีเสาสูงกับรูปปั้น มีอยู่ 15 จุดในเมืองเก่า ไม่เหมือนกันเลย แต่จุดเด่นที่สุดของเมืองเก่าคือ หอนาฬิกา Zytglogge ที่นักท่องเที่ยวจะเดินไปรอดูตุ๊กตาที่ออกมาเต้นทุกๆชั่วโมง



เบิร์นได้ขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลก เพราะความสวยงามของบ้านเมืองตั้งแต่ยุคกลางยังคงอยู่ จุดชมเมืองเก่าสวยๆ เดินไปดูได้บน Nydegg Bridge ที่จะเห็นหลังคาสีแดงอิฐของเมืองเก่าอยู่ริมแม่น้ำอาเรอ | Aare River เดินลงจากสะพานก็มีบ่อหมี สัตว์ที่เป็นสัญญลักษณ์ของเมืองด้วย

เดินขึ้นบน Nydegg Bridge ดู Bern Old City ริม Aare River

บ่อหมีที่ยืนรออยู่นาน หมีก็ไม่ออกมาให้ยลโฉม
Berner Münster | Bern Minster
มหาวิหารประจำเมือง สร้างในสมัยคศ.ที่ 14 ใช้เวลาสร้าง 470 ปีกว่าจะเสร็จ มีบันไดวนที่ขึ้นไปถึงยอดหอคอยได้ แต่ต้องรอขึ้นเป็นรอบเพราะบันไดแคบมาก เสียดายที่เราไม่มีเวลารอเลยไม่ได้ขึ้น แต่ด้านนอกวิหารก็มีจุดชมวิวได้อยู่เหมือนกัน



LAUSANNE
โลซาน คนไทยส่วนมากน่าจะคุ้นชื่อเมืองโลซานกัน เพราะเป็นเมืองที่ในหลวงร.๘ ในหลวงร.๙ และพระพี่นาง เคยประทับและศึกษาอยู่ในช่วงยังทรงพระเยาว์ หรือใครจะคุ้นชื่อโลซานจากชื่อขนมก็ไม่ว่ากัน
โลซานเมืองขนาดไม่ใหญ่แต่ก็ไม่เล็กนัก อยู่ริมทะเลสาบเจนีวา ห่างจากตัวเมืองเจนีวาแค่ 60 กม. อยู่ชิดติดเขตแดนเมืองเอวิยอง (Evian) ของประเทศฝรั่งเศส ผู้คนแถบนี้จึงใช้ภาษาที่เรียกกันว่า Swiss-French ก็คือภาษาฝรั่งเศสนั่นเอง ซึ่งเราฟังไม่รู้เรื่องเอาเลย
Lausanne Cathedral | The Cathedral of Notre Dame of Lausanne | Cathédrale de Lausanne
มหาวิหารโลซานน์ วิหารเก่าแก่สถาปัตยกรรมโกธิค ใหญ่โตสมฐานะโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในสวิสเซอร์แลนด์ ซุ้มประตูสลักลวดลายละเอียดยิบ มีกระจกสีประดับตกแต่งสวยงาม เดินไปที่ระเบียงด้านหลังโบสถ์เป็นชมวิวเมืองโลซานได้ด้วย



GENÈVE | GENEVA
เจนีวา เมืองขนาดใหญ่อันดับ 2 ของสวิสเซอร์แลนด์ มีแม่น้ำโรน (Rhone River) และทะเลสาบเจนีวา (Lake Geneva) แหล่งน้ำจืดสำคัญของทวีปยุโรป เจนีวาเป็นเมืองสำคัญเมืองหนึ่งของโลก เพราะเป็นที่ทำการขององค์กรระหว่างชาติต่างๆมากมาย เช่น สำนักงานใหญ่ขององค์การสหประชาชาติ (UN), องค์กรอนามัยโลก (WHO), องค์กรการค้าโลก (WTO), สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR)
Jet d’Eau | Geneva Water Fountain
น้ำพุในทะเลสาบเจนีวาที่แปลกกว่าน้ำพุทั่วไป เพราะพุ่งสูงกว่า 140 เมตร ต้องใช้ปั๊มป์ขนาด 500 Kw 2 ตัว ปั้มป์น้ำขึ้นไป จนได้ชื่อว่าเป็นน้ำพุที่สูงที่สุดในโลก น้ำพุเฌดโดเริ่มติดตั้งครั้งแรกตั้งแต่ปีคศ. 1886 ครั้งแรกสุดน้ำพุสูงแค่ 30 เมตร ต่อมาเพิ่มเป็น 90 เมตร ในงานเฉลิมฉลอง 600 ปีการก่อตั้งสมาพันธรัฐสวิส แล้วมาเพิ่มให้สูงเป็น 140 เมตร ในปีคศ. 1951

Jardin Anglais | The Jardin ฤnglais
สวนชาร์แดงอองเกล อยู่ใกล้กับน้ำพุ สวนสาธารณะที่มีต้นไม้อายุนับร้อยปี มีจัดสวนสวยงาม ไฮไลต์ของสวนคือ L’horloge fleurie | Flower clock ที่นักท่องเที่ยวต้องไปถ่ายรูปเป็นที่ระลึก



Lac Léman | Lake Geneva
ทะเลสาบเจนีวา เชื่อมต่อสวิสเซอร์แลนด์กับฝรั่งเศส ถ้ามีเวลาก็ลงเรือล่องทะเลสาบชมวิว 2 ข้างทางที่เป็นคฤหาสถ์ หรือปราสาทตามเชิงเขา


CHÂTEAU-D’ŒX
เมืองเล็กๆที่พวกเราผ่านไปเจอ และแวะเข้าไปหาที่พัก ซึ่งแทบจะหาไม่ได้เพราะเราไปช่วงนอกฤดูท่องเที่ยว แถบนี้เป็นสกีรีสอร์ท เรามาช่วงฤดูร้อนเจ้าของที่พักก็ปิดเพื่อไปพักผ่อนกันหมด แต่ในที่สุดพวกเราก็ได้ที่พักน่ารัก แม้เมืองจะเล็กๆเงียบๆ และไม่มีหิมะตามที่ควรจะเป็น กลับกลายเป็นว่าหญ้าเขียวๆดอกไม้เล็กๆน่ารัก ประทับใจพวกเราไม่น้อยเลย





INTERLAKEN
เมืองหน้าด่านไป ยอดเขาจุงเฟรา (Jungfrau) ยอดเขาชื่อดังของสวิสเซอร์แลนด์ เสียดายว่าวันที่ไปฟ้าปิด ไม่เห็นเทือกเขาเลย และเป็นเมืองที่หัวหน้าทริปไม่ได้ให้แวะเที่ยว ได้แค่แวะผ่าน ติดไว้ก่อน จะไปใหม่

SCHAFFHAUSEN
ขับรถมาแวะเมืองชื่อแปลกที่เราไม่รู้จัก แต่เพราะที่นี่มีน้ำตกใหญ่ชื่อเสียงโด่งดังชื่อว่า น้ำตกไรน์ | Rhein Fall ที่ได้ตำแหน่งน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ด้วยความกว้าง 150 ม. สูง 23 ม. เป็นน้ำตกที่อยู่กลางลำน้ำไรน์ ด้วยความใหญ่โตทำให้มีละอองฝอยของน้ำที่ตกฟุ้งขึ้นมาจนเปียกชื้นทั่วไปหมด ขนาดมาเที่ยวหน้าร้อนแต่อากาศก็ยังเย็น เจอละอองน้ำเข้าไปยิ่งหนาวกันไปใหญ่ วิ่งเข้าวิ่งออกถ่ายรูปกันพอให้เพลิดเพลินก็เดินทางต่อไม่ได้ไปล่องเรือ
Rheinfall | Rhine Falls





ZÜRICH | ZURICH
ซูริค เมืองใหญ่ที่สุดของสวิสเซอร์แลนด์ที่หลายๆคนเข้าใจผิดว่าเป็นเมืองหลวง ความจริงแล้วซูริคเป็นศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญของยุโรป เป็นที่ตั้งของสนามบินนานาชาติซูริค (Zurich Airport) ที่สามารถเดินทางต่อไปเมืองอิื่นๆได้สะดวกทั้งรถยนต์ รถไฟ หรือเครื่องบิน

Limmat river | แม่น้ำลิมมัท แม่น้ำสายสำคัญในซูริค


Grossmünster | Grossmunster Church
โบสถ์กรอสมุนซเตอร์ ริมแม่น้ำลิมมัท | Limmat river เป็นโบสถ์เก่าแก่ที่สำคัญในซูริค มีหอคอยคู่ที่โดดเด่นมองเห็นได้จากทั้งเมือง

Fraumünster | Church of our lady
โบสถ์เก่าแก่ตั้งแต่ คศ.ที่ 9 ตกแต่งด้วยกระจกสีขนาดใหญ่ 5 บานใหญ่ เรียกว่า กระจกชากาล ออกแบบโดย มาร์ก ชากาล (Marc Chagall) จิตรกรชาวเบลารุส-ฝรั่งเศส

การมาเที่ยวสวิสเซอร์แลนด์ในหน้าร้อน ไม่เจอหิมะเลย ก็สนุกไปอีกแบบ ไม่หนาวทรมาน ไม่มืดเร็ว ขับรถง่าย อากาศสดชื่น ท้องทุ่งและภูเขามีสีเขียว ซื้อโรเล็กซ์สักเรือนแล้วกลับเมืองไทยได้ 🙂

สวิสเซอร์แลนด์มีชายแดนติดกับประเทศเยอรมนี ประเทศฝรั่งเศส ประเทศอิตาลี ประเทศออสเตรีย และประเทศลีทเทนชไตน์ พวกเราก็เลยข้ามไปเที่ยวในเยอรมันด้วย 2-3 วัน ไหนๆก็ขับขึ้นเหนือมาถึงแถบชายแดนประเทศแล้ว การขับรถข้ามประเทศในยุโรปสะดวกสบาย ง่ายดายสุดๆ ถนนหนทางเชื่อมต่อกันได้หมด
