TRIP SEPTEMBER 2012 : AUSTRALIA [MELBOURNE & TASMANIA]
![]() |
Tasmania Photo Gallery @pbase> Tasmania |
.
Day 5 : Launceston – Stanley
เช้านี้ต้องออกแต่เช้าเพื่อไปส่งเก๋ที่สนามบินเพื่อบินกลับไป Melbourne แล้วต่อเครื่องบ่ายกลับไทย เก็บข้าวของออกกันเลย แวะส่งเก๋ที่สนามบินร่ำลากันแล้ว พวกเรา 3 คนก็ขับขึ้นเหนือไปและเลาะออกตะวันตกเพื่อไปปลายทางที่เมือง Stanley เป้าหมายแรกคือเมือง Devonport หากมาทางเรือ Spirit of Tasmania จากเมลเบิร์นจะต้องมาขึ้นที่เมืองนี้ ทริปก็จะเป็นเที่ยวเหนือลงใต้ก็ได้ หรือจะมาเครื่องลง Hobart แล้วเที่ยวขึ้นเหนือกลับเรือก็ได้ค่ะ
ระหว่างทางก็ขับวนเข้าเส้น Tourist route เช่นเคย จริงๆมันคือถนนเส้นในนั่นเอง คู่ขนานกับไฮเวย์ เส้นในจะขับผ่านเมืองต่างๆได้ชมเมืองไปด้วย ชอบตรงไหนก็จอดดูได้ เราเข้าไปแวะ Devonport เพื่อหาอะไรรองท้องก่อนเพราะเมื่อเช้าไม่ทำอะไรทานเลย แม่ครัวกลับ Flight เช้าขี้เกียจทำ วนเข้าไป McDonald กันมื้อนี้เพราะทุกคนจะได้ใช้ Free wifi ด้วย ขาดการติดต่อโลกภายนอกกันมาหลายวัน ไหนจะข่าวไหนจะงาน ถือโอกาสเช็คเมล์ไปด้วย

อิ่มแล้วออกเดินทางต่อ เรายังคงใช้ tourist route ช่วงต่อจากนี้จะเป็นถนนเลียบทะเล อากาศไม่แจ่มนัก ฟ้าปิดแต่ก็ถือว่าโอเค ฝนไม่ตก ขับไปถึงเมือง Penguin ต้องขอแวะเพราะเจ้าเพนกวินยักษ์ยืนยิ้มเผล่อยู่ริมหาด (เราตัดโปรแกรมไปดูเพนกวินเดินกลับรังที่ Low head ออก เพราะเมื่อวานขี้เกียจแล้ว เหนื่อยด้วย มันต้องขับรถออกจาก Launceston ไป Low head อีกเป็น 100 กิโล ดูเสร็จมืดๆขับกลับมานอน Launceston อีก เลยไม่ไปล่ะ) เมืองนี้น่ารักดี ไม่ได้มีเพนกวิน แค่มีชื่อเพนกวิน แวะเข้า Tourist information เพื่อซื้อของที่ระลึกเล็กๆน้อยๆ ได้คุยกับป้า cashier ป้าใจดีมากช่วยเหลือสุดๆ พร้อมเอาแผนที่มากางชี้ว่า จากนี้ไปเธอต้องแวะที่ Wynyard นะ must see เลยนะเธอ ป้าแนะนำ 2 จุดคือ Table Cape มันมี Tulip field ป้าย้ำนักหนาว่าต้องแวะๆๆ และอีกที่คือ Boat Harbor Beach ป้าว่ามันสวยมว๊ากกกก เมื่อคืนเราก็อ่านโลกโดดเดี่ยวมา เจอเหมือนกันว่าช่วงปลายเดือนกันยาถึงต้นเดือนตุลาจะเป็นเทศกาลดอกทิวลิป ยิ่งป้ามากำชับด้วยแล้ว เราคงต้องแวะ แม้ไม่อยู่ในโปรแกรม!
ออกจาก Penguin ขับตามถนนเส้นในไปเรื่อยๆ ไม่นานก็ถึง Wynyard อากาศก็อึมครึมอยู่อย่างนั้น ลมพัดแรงมากๆ ยิ่งตอนขับรถไปทาง Table cape นั่นจะต้องขึ้นเนินเขาไปนิดหน่อย และใกล้ชายฝั่ง ยิ่งลมแรงใหญ่ สังเกตป้ายจะมี Tulip festival เขียนไว้ จึงมั่นใจขับไปเรื่อยๆ สักพักก็เห็นป้ายชี้ว่า Tulip farm รีบเลี้ยวรถเข้าไปทันใจ โอ้ว…มีทิวลิปเป็นทุ่งจริงๆ แต่ไม่แน่นมาก บางแนวยังไม่บานเลย ที่นี่เป็นฟาร์มเอกชน มีป้ายบอกว่า ค่าบำรุงสถานที่คนละ 5AUD แต่ก็ไม่มีคนเฝ้าคนเก็บเงิน 2 สาววิ่งลงแปลงดอกไม้ทันที ทั้งๆที่หนาวจับใจ แต่ไม่แน่ใจอากาศที่ทัสมาเนียเลย กลัวฝนลงเลยรีบวิ่งไปชมก่อน 1หนุ่มเลยเดินไปจ่ายเงินให้ในเคาเตอร์ด้านใน มาคราวนี้ได้รู้จักทิวลิปหลายแบบหลายพันธ์ บางดอกก็ไม่เคยคิดว่าจะเป็นทิวลิป ยิ่งพอเข้าไปด้านใน เค้าจะติดป้ายชื่อพันธ์ต่างๆไว้ด้วย ใครชอบมากๆเค้ามีตัดดอกขายด้วย



ขึ้นด้านบนได้ ก็เดินไปตามทางที่เค้าจัดทำไว้อย่างดี เลาะหน้าผาไปเรื่อยๆ มีจุดชมวิวพร้อมรั้วกันและระเบียงชมวิวเป็นระยะๆ ลมแรงมากกกกกก หนาวยะเยือกพอสมควร จุดทีเด็ดคือจุดที่มองเห็น 2 เวิ้งอ่าว อารมณ์เหมือนจุดชมวิวเกาะพีๆ เสียดายว่าวันนี้อากาศอึมครึมไปหน่อย ถ่ายรูปเลยไม่ค่อยสวย พวกเราเดินเวียนซ้าย เลาะไปตามทาง สักพักมันก็ตัดเข้าด้านในเดินผ่านสุมทุมพุ่มไม้บ้าง ช่วยบังลมได้หน่อย ไม่มีใครเดินด้วย เดินกันอยู่ 3 คนเงียบ ๆ เจ้าวัลเลอร์บี้กระโดดหยองแหยงๆตัดหน้าไปมา ธรรมชาติดีจริงๆ นกสวยๆบินว๊อบแว๊บๆให้ส่องกันตลอดทาง จนวนมาถึงด้านหลัง The Nut ก้มมองดูหน้าผาชันๆให้เสียวเล่น ก่อนจะวนกลับมาถึงจุดเริ่มต้นที่สถานีกระเช้าที่ตอนนี้ปิดแล้ว (ไหนเอ็งบอกว่ามีเวลาเดินได้ครบไง!) อ่อ…ตอนขึ้นเราต้องนั่งผ่านทางเดินลง เห็นฝรั่งวิ่งจ็อกกิ้งขึ้นมาด้วย ยังชมว่าเก่งจัง สักพักฮีมาวิ่งอยู่ในเทรลเดินของเราด้วยซ้ำ โคตรเก่งเหอะ ตอนนี้หายไปแล้ว คงลงไปก่อนเราอีก…
ตอนเดินลงมันชันกว่าที่คิดมากๆ ถ้าเดินขึ้นคงหอบ แค่ลงยังเกือบกลิ้ง ระหว่างทางในสุมทุมพุ่มไม้มีเจ้าวัลเลอร์บี้ออกมาทักทายเยอะแยะ กระต่ายสีขุ่นๆก็มากระโดดเด้งดึ๋งให้ชม พวกมันตามมาส่งพวกเราจนถึงลานจอดรถด้านล่างเลยทีเดียวแหละ

Day 6 : Stanley – Launceston – Melbourne
เช้านี้ตื่นมาเพื่อชม The Nuts ยามเช้า แต่ฟ้าก็ไม่ค่อยเปิดเท่าไหร่นัก แต่อากาศก็เย็นสบายดี สูดอากาศยามเช้าแล้วก็เก็บของออกจากโรงแรมเลย ขับรถเข้าไปทานอาหารเช้าที่ร้านในเมือง ร้าน Moby Dicks เปิดขายอาหารเช้าตามคำแนะนำของโลกโดดเดี่ยว เข้าไปวนเมืองร้างดูบ้านสวยๆทรงโบราณ และจอดรถลงเดินถ่ายรูป ไม่นานก็เจอโมบี้ดิค ร้านน่ารักๆที่เข้าไปเจอครอบครัวใหญ่เจ้าของร้านต้อนรับอย่างดี สั่งชุดอาหารเช้ากันคนละชุดพร้อมโกโก้ร้อน คุณตาสุดเท่ห์ก็มาโบกมือลาเพื่อพาหลานชายหลานสาวเดินไปโรงเรียน ปล่อยยายกะแม่เด็กดูแลร้านต่อไป
จัดแจงเอาของเข้าห้องพัก แล้วออกมานั่งรถรางฟรี ไปลงแถบ Flinder St.เราข้ามสะพานไปฝั่ง Southbank เดินชมแม่น้ำ (Yarra River) ยามเย็น วันนี้อากาศดีมาก แจ็คเก็ตบางๆกำลังสบาย ฟ้าใส แสงเย็นสวยจริงๆ ชาวเมืองออกมาจ็อคกิ้งกันขวักไขว่ ในแม่น้ำก็มีนักกีฬามาซ้อมพายเรือทั้งเดี่ยวทั้งทีม เดินเล่นในสวนไปจนใกล้มืด ก็ย้อนกลับมา เดินต่อไปไชน่าทาวน์หาอาหารเย็นกินกัน วันนี้เลือกราเม็งร้อนๆซดแก้เลี่ยน แต่ไม่ค่อยอร่อย แค่พอกินได้ เสร็จแล้วเดิน เที่ยวไปเรื่อยๆ ช็อปของฝากบ้าง เดินดูการแสดงข้างทางบ้าง ไปถึงที่พักก็หมดแรงพอดี!
เมื่อวานเราคุยกับเคาเตอร์ทัวร์ด้านล่างเพื่อติดต่อทัวร์ไปเที่ยว Great Ocean Road ในวันนี้ ราคาแพงกว่าที่เราหาข้อมูลมา แต่มันรวมอาหารกลางวันด้วย บวกลบคูณหารแล้วถ้าไม่เอาอาหารด้วย เราก็ต้องไปซื้อกินเองน่าจะราคาพอๆกัน (ปล.แต่เคยเห็นตามรีวิวว่าอาจหาทัวร์ราคาถูกกว่านี้ได้นะ ให้ไปซื้อที่บ.ทัวร์ โน่นนี่นั่น แต่เราไม่หาล่ะ ขี้เกียจ) เช้านี้เลยตื่นมานั่งรอแต่เช้ามืด เพราะมันนัด 7 โมง ร้านขายอาหารเช้าใกล้ๆที่พักเปิดแล้ว หมอเลยไปสอยแซนวิสร้อนๆมาคนละชุด นั่งกินไปรอไป วันนี้อากาศกลับมาหนาวๆอีกแล้ว ทัวร์มารับด้วยรถมินิแวนขนาดนั่งไม่เกิน 20 คน คนขับวัยรุ่นสุดฮิปกางเกงแทบหลุดตูดชื่อ คาร์ลบอกว่า ฮีจะขับรถและนำทัวร์พวกเราเป็นกรุ๊ปสุดท้าย พรุ่งนี้ฮีจะย้ายงานล่ะ!
ทริปวันนี้จะจอดตามจุดท่องเที่ยว 5-6 จุดฮิตๆ แต่ขับไม่ถึงไหน ฟ้าก็มืดลงๆ แดดอุ่นๆเมื่อเช้าหายไปไหนล่ะ นั่งกันมาสักชั่วโมง ก็มาจอดจุดแรกคือ Bell Beach จุดนี้จะเป็นหาดดังที่คนมาเล่นเสิร์ฟบอร์ด พวกเราลงจากรถมาก็สั่นงั่กๆเพราะมันหนาว ยังคิดว่าคงไม่ได้เห็นคนเล่นเสิร์ฟหรอก เดินไปตรงจุดชมวิวเพื่อถ่ายภาพชายหาดกันก็ได้ พอเดินไปถึง บ๊ะ…หนาวขนาดนี้ยังมีคนเสิร์ฟเถอะ หลายคนด้วย คารวะจริงๆ ชมวิวแบบสั่นๆสักพักฝนก็ลงโครม ไอ้ที่จะได้นั่งจิบกาแฟอุ่นๆชิลๆชมวิวหนุ่มเล่นเสิร์ฟ เลยต้องวิ่งมาซดกาแฟในรถ เศร้าเล็กๆเลยนะเนี่ย

จุดจอดต่อไปชื่ออะไรไม่ได้ฟังเป็นจุดชมวิวริมทาง แต่ฝนมันตกเราเลยไม่ลง จากนั้นก็เลี้ยวซ้ายเข้าไปในส่วน Otway National Park ผ่านเข้าไปเหมือนเป็นอุทยานแห่งชาติ สักพักคาร์ลก็จอดรถใต้ต้นยูคาเพื่อให้พวกเราลงไปชมโคอาล่าแบบธรรมชาติๆกัน ที่นี่เหมือนป่าที่อนุรักษ์โคอาล่าเลย เพราะมีโคอาล่าเกาะตามต้นไม้เยอะแยะยังกะลิงในป่าทางขึ้นเขาใหญ่ ใครใคร่จอดตรงต้นไหนก็จอด แต่ขอให้ดูกันเงียบๆ

จุดต่อไปคือไฮไลต์ของวัน (เค้าว่ากันว่างั้น) Twelve Apostles ซึ่งอยู่ในเขต Port Campbell National Park มันเป็นแท่งหินธรรมชาติที่อยู่ในทะเล โดนลมโดนฝนมากี่พันปีกัดเซาะจนเป็นแท่งๆแง่งๆ แต่ก่อนคงมี 12 เลยได้ชื่อว่างั้น ตอนนี้เหลือไม่ถึงหรอก บางคนนับได้ 8 บางคนนับได้ 9 แล้วแต่จะนับอะไรบ้าง หากใครล่ำซำสามารถซื้อทัวร์พิเศษขึ้นคอปเตอร์บินชมวิวได้ แต่ดูท้องฟ้าเถิดพี่น้องไอ้แดดแจ๋ๆฟ้าใสๆนั่นมันอยู่ตรง Otway ที่เดียวจริงๆ มาที่นี่ครึ้มอีกแล้ว ลมก็แรงมาก ไม่ควรค่าแก่การขึ้นเลย แต่ก็มีคนขึ้นนะ เห็นคอปเตอร์สีแดงแปร๊ดบินขึ้นเป็นระยะๆ เราลงจากรถก็รีบจ้ำไปตามทางเดินที่เค้าทำไว้อย่างดี มาทัวร์เวลามีน้อยอย่าคิดจะได้อ่านรายละเอียด เอาแค่เดินไปให้ทั่วก็แทบไม่ทันแล้ว แต่เราก็เดินไปได้จนสุดเก็บภาพได้แทบทุกมุม แต่ฟ้าไม่สวยเลย แถมลมแรงมากกกก หนาวสุดๆ คนเยอะด้วย ต่างคนต่างถ่าย ต่างคนต่างยิ้ม แช๊ะๆๆ เต็มไปหมด ได้เวลาเดินกลับ ยังไม่ทันถึงฝนก็ลงซะแระ แต่ยังไม่แรงมาก รีบกลับขึ้นรถได้ทันเวลา โชคดีจริงๆ
ออกจากที่นี่เราไปแวะที่สุดท้ายคือ Gibson Step จอดรถแล้วลงบันไดหลายเสต็ปไปที่ชายหาดกัน ฝนหยุดพอดีอีก ฟ้าเปิดเล็กๆ ค่อยยิ้มออกได้ ลงไปวิ่งๆที่หาดกันสักพัก หากมาหน้าร้อน ให้ลงไปแหวกว่ายในทะเลได้ด้วย แต่มาวันนี้หนาวจะแย่แค่ยืนชายหาดก็สั่นแล้ว ไต่กลับขึ้นมา ยังมีเวลาเดินเล่นชมพันธุ์ไม้แถบนั้นได้อีกหน่อย ข้ามถนนไปส่องวิวส่องแกะได้ด้วย สุดท้ายร่ำลา Great Ocean Road กันเสียที ขากลับจะกลับอีกทางไม่ใช่ทางเดิม ไม่มีจุดชมวิวริมหาดให้ดู แต่ผ่านบ้านผ่านเมืองต่างๆไป คงเป็นเส้นตรงไม่ต้องอ้อม ระหว่างทาง อยู่ดีๆฮีก็เบรค แล้วบอกว่าดูๆๆ จิงโจ้มันโดดหยองแหยงอยู่หน้ารถ โอ้ว…เห็นป้ายระวังจิงโจ้มาหลายวันเพิ่งเห็นจะๆวันนี้เอง ปิดทริปได้น่าประทับใจแท้…. ^^
เช้านี้พอมีเวลาก่อนไปรับรถตอนเที่ยง เพราะขับไป Phillip Island มันไม่ไกลมาก ขับแค่ชม.กว่าๆก็น่าจะถึง ช่วงเช้าเราเลยออกไปนั่งรถรางเล่นชมเมืองหน่อย วันนี้ฟ้าใสแดดดีอีกแล้ว นั่งรถรางไปลงแถบ Southern Cross station ลงเดินเล่น เมืองดูคึกคักเพราะผู้คนเดินใส่ชุดเตรียมเชียร์บอลกันเยอะแยะ ทั้ง Sydney Swans และ hawthorn hawks เดินไปจนถึง Melbourne Aquarium มองหน้ากัน เอาวะขอเห็นเพนกวินกับฉลามขาวหน่อย เลยตีตั๋วเข้าไปชม เจอเพนกวินต้อนรับเป็นด่านแรกเลย เป็น King of Penguin ที่ตัวใหญ่ปีกเหลืองๆดำๆ น่ารักมาก เดินกระเตาะกระแตะแล้วก็พุ่งลงน้ำโชว์นักท่องเที่ยว เดินเข้าด้านในก็มีพวกสัตว์หน้าตาแปลกๆใต้ทะเลออสเตรเลีย ไปจนถึงบ่อฉลาม กำลังมีการให้อาหารปลาฉลามกับปลากระเบนตัวยักษ์ เป็นอันทั่ว เดินออกมาก็งงกับอากาศอีกรอบ ไอ้แดดแจ๋ๆหายไปอีกแล้ว รีบนั่งรถรางกลับไปที่รร.เพื่อเอารถ ตอนนี้รถรางฟรีแน่นมากเต็มไปด้วยกองเชียร์ทั้ง 2 ฝ่าย บรรยากาศดูสนุกจริงๆ
จัดแจงเดินไปรับรถ แล้วก็ออกเดินทางไป Phillip Islands กัน จนท.Thirfty ช่วยเหลืออย่างดีพอเราถามทางไปเกาะ ฮีหยิบแผนที่มาให้แต่มันเป็นแผนที่ทำมือที่บอกด้วยตัวหนังสือว่าวิ่งตามถนนี้ไปถึงแยกเลี้ยว ซ้ายวิ่งไปเจอแยกให้ชิดขวา บลาๆๆๆ ช่วงแรกดูประกอบแผนที่ในเมืองพอได้อยู่ สักพักแผนที่เมืองมันหมด ต้องขับตามโพย สุดท้ายหลง! ทำยังไงจะไปถึง Monash Free way ล่ะ ต้องจอดถามทางที่ปั๊มป์กว่าจะหลุดออกมาถูกทางเล่นเอาเหงื่อแตก ขับเล่นชิลๆไปจนถึงเกาะแวะเข้า Tourist information center เพื่อซื้อตั๋วดู Penguin Parade (หรือไปซื้อที่ดูเลยก็ได้) ซื้อเสร็จก็รีบบึ่งไปอีกนิดเพื่อไป Churchill Island เค้าว่าเป็นฟาร์มเก่าแก่ มีรอบโชว์รีดนมวัว โชว์ตัดขนแกะ โชว์บูมเมอร์แรงฯ แต่เราพลาดทั้งหมด ไปไม่ทันบูมเมอร์แรงโชว์ ก็ไม่เป็นไร ไปเดินเล่นแถบๆนั้น (แต้เข้าด้านในฟาร์มไม่ได้เสียค่าเข้า ถ้าไม่ทันดูโชว์ก็ไม่รู้จะเข้าไปทำไม) เดินด้านนอกก็มีวัวมีแกะมีไก่ให้ดูเยอะแยะ แถมมีทุ่งลาเลนเวอร์เล็กๆริมทะเลด้วย นอกจากนั้นก็ช็อปปิ้งพวกของที่ระลึกในร้านได้ เกาะเชอร์ชิลนี่เหมือนเป็นเกาะเล็กๆแยกออกมาอีก มีสะพานข้ามมา ระหว่างทางที่ขับรถมาก็เป็นป่าเล็กๆ มีวัลเลอร์บี้ มีไก่ มีนก ตามรายทางด้วยนะ

ดูเวลาแล้วออกไปที่ดูเพนกวินดีกว่านะ ขับย้อนออกไปนิดเดียวเองแหละ พอออกจากลานจอดรถ ก็เห็นตัวอะไรตะคุ่มๆตามพงหญ้าข้างทาง เลยไปไกลถึงพงหญ้าตามริมหน้าผาด้วย เลยจอดส่องกัน มันคือจิงโจ้นั่นเอง เห็นป้ายระวังจิงโจ้อยู่เหมือนกัน มันนั่งนิ่งรับลมทะเลให้เราถ่ายรูปกันสบายๆเลย ร่ำลาจิงโจ้แล้วไปจุดที่จะดูเพนกวิน เข้าไปในลานจอดรถ รถเริ่มมากันมากแล้ว รถทัวร์ก็มี เดินเข้าด้านในมีพวกร้านขายของ ร้านอาหาร (ควรซื้อกาแฟติดไปนั่งจิบระหว่างรอนะ) ไม่มีอะไรทำเลยเดินออกไปตามทางเพื่อไปจับจองที่นั่งดูริมหาด เค้าทำเป็นอัฒจรรย์เล็กๆริมหาด 3-4 ล็อคเลือกนั่งตามสะดวก นั่งคุยกันไปกินขนมไป เสียดายไม่ได้ซื้อกาแฟมา ขี้เกียจเดินกลับไป ไกลอยู่ วิวทะเลสวยดี นกนางนวลบินวนลงมาโฉบเฉี่ยวริมหาดเต็มไปหมด แต่เค้าห้ามถ่ายรูปขอถ่ายตอนเพนกวินยังไม่มาเค้าก็ไม่ยอม เลยได้แต่นั่งมองแล้วจำไว้ นั่งไปเป็นชม.เหมือนกัน หนาวพอควรเตรียมอุปกรณ์กันลมกันฝนให้พร้อมนะ บางคนมาเป็นผ้าห่มเลย เล่นคลุมผีผ้าห่มกันริมหาดก็มี
![]() |
Picture from Phillip Islands website |
นั่งไปเริ่มโพล้เพล้เพนกวินก็ยังไม่โผล่ คอยต่อไปจนเริ่มมืด ยังลุ้นว่ามันจะโผล่ตรงไหนตอนไหน พอจนท.เริ่มชี้มือไปที่ทะเล ก็มองตามกันแต่ไม่เห็น อยู่ดีๆเพนกวินก็โผล่พรวดมาที่ริมหาด! กลุ่มแรกมา 2-3 ตัว สักพักเริ่มจับสังเกตุได้ มองดูแสงแว๊บๆในฟองคลื่นคือเงาสะท้อนท้องมัน มันจะโผล่พรวดขึ้นมายืนที่หาด เวลามามันมาเป็นกลุ่มๆ เหมือนทีละหมู่บ้าน แล้วแต่หมู่บ้านใหญ่หรือเล็ก กลุ่มใหญ่สุดมีเป็นสิบตัว จะมาพร้อมๆกันขึ้นมาพรึ่บๆ แล้วก็เดินเตาะแตะกันขึ้นมาบนหาด เดินขึ้นเนินไปด้านข้างๆอัฒจรรย์ของพวกเราเพื่อไต่เขาเข้าไปในรังของมัน เพนกวินที่นี่เป็นตัวเล็กๆสีเทาๆ เดินดุ๊กดิ๊กๆ เข้าไปในพงหญ้าด้านหลัง คือนอกจากนั่งดูมันขึ้นจากทะเลแล้ว ถ้าลุกจากที่นั่งเดินไปด้านหลังที่เป็นทางเดิน คุณก็จะเห็นเพนกวินที่ไต่เขาขึ้นมา เดินลอดใต้ทางเดินของพวกเรานี่แหละเข้าป่ากลับบ้าน ตรงนี้จะเห็นชัดเห็นใกล้มากๆเถอะ มันน่ารักมากๆนะ หัวหน้าหมู่จะยืนคอยสมาชิกจนครบแล้วเดินปิดท้ายขบวนไป บ้านใครบ้านมัน น่ารักมากๆ ระหว่างทางเดินกลับอาคารที่ทำการ เพนกวินบางหมู่บ้านอยู่ไกลมากเหอะ ก็เดินมากะเรานั่นแหละ แต่เราเดินบนทางไม้มีรั้วกั้น เพนกวินเดินด้านนอกเลาะป่ามาตามทาง เดินกันเห็นๆ เยอะแยะมากๆ บางพวกเดินมาถึงหลังที่ทำการด้วยซ้ำ จนท.ต้องมาคอยกั้นคนกันเลย ถึงว่าตอนจนท.ประกาศบอกว่าเวลาขับรถกลับก่อนถอยรถช่วยมองใต้ท้องรถด้วยอย่าเอาเพนกวินกลับไปด้วย ไอ้เรานึกว่ามุขตลก ที่แท้มันเดินมาถึงตึกเลยนะ อาจมีพวกที่เดินเข้าป่าไปทะลุที่ลานจอดรถได้เหอะ! นั่งดูอยู่ริมหาดจนถามกันว่า เอ…เราจะเลิกดูกันเมื่อไหร่ หรือจนท.เค้าจะรู้มั๊ยว่าหมดแล้ว ยังคุยกันไม่จบ ธรรมชาติก็ช่วยจัดการให้โดยการปล่อยฝนโครมลงมา 1 โครม วงแตกทันที ต่างคนต่างเดินแย่งกันกลับ อย่างที่บอกฟ้าฝนที่นี่มาไวไปไว แป๊บนึงก็หยุด เราจึงได้เดินคุยกับเพนกวินกลับมาอย่างสบาย แม้กางเกงจะเปียกๆแฉะๆหนาวๆก็เหอะ
![]() |
Picture from website |
สุดท้ายกลับออกมาด้วยความประทับใจในความน่ารักของเพนกวินตัวน้อยๆ รีบบึ่งรถกลับเมลเบิร์น หิวก็หิวเหนื่อยก็เหนื่อย สุดท้ายเห็นร้านระหว่างทางแถบเมือง… ดูน่ากินเลี้ยวเข้าจอดอย่างไม่ลังเลไม่สนว่าจะถูกหรือแพง เข้าไปร้านดูหรูหรานิดหน่อย แต่ราคาพอรับได้ รายการอาหารมี Thai Beef Salad ด้วยว๊อย ยำเนื้อนี่หว่าต้องสั่งๆ ตามด้วยพิซซ่าและริซ็อตโต้ ไวน์คนละแก้ว โอ้ว…มื้อนี้อร่อยมาก ราคาพอสมควรกับรดชาด ขอแนะนำหากใครขับมาดูเพนกวิน แล้วหิวก็แวะได้เลย กลับถึงที่พักสลบเหมือด อ่อ…ก่อนสลบ เครียดมากตรงหาที่จอด เพราะที่จอดในเมลเบิร์นมันปิด 4 ทุ่ม ริมถนนก็อ่านป้ายไม่เข้าใจว่าจอดได้หรือไม่ ไม่อยากโดน ticket เป็น 100$ ให้ช้ำใจ สุดท้ายวนจนเจอที่จอดที่ยังไม่ปิด (จากเดิมดูที่จอดตรงข้ามรร.ไว้อย่างสบาย ดันปิด ได้แต่เอารถออก) สุดท้ายได้ที่เดินไกลหน่อย 2 บล็อคแต่ก็เอาแล้ว
เช้าสุดท้ายในออสเตรเลีย เรากะหมอนัดกันตื่นแต่เช้าเดินไปชมตลาดกัน ทะลุหลังโรงแรมไปนิดเดียวคือ Victoria market มันเป็นตลาดสดด้วย ตลาดขายของด้วย แต่ตลาดสดของเค้ามันมีแต่ผักกับผลไม้ ถ้าตลาดเนื้อสดต้องข้ามไปอีกถนนนึง มาเห็นเอาตอนขับรถกลับแล้ว แต่เราเดินตลาดนี้ดูผักผลไม้ก็พอแล้วยังซื้อ Rockette กลับมากินบ้านเลย กล่องแพ็คพลาสติคอย่างดี 2$!!! โคตรถูก อย่างเยอะ สอยมา 2 กล่อง อีกส่วนของตลาดเป็นของที่ระลึกพวกพวงกุญแจแม็กเน็ตผ้าพันคอเสื้อพวกราคาถูกๆ ใครหาซื้อของฝากเยอะๆมาที่นี่เลย และด้านหลังตลาดเริ่มมาเปิดร้านกันคล้ายๆซันเดย์มาเก็ต (วันนี้วันอาทิตย์) เสียดายว่าเราต้องกลับ Flight บ่าย ดังนั้นสายๆคงต้องออกแล้ว ร้านรวงยังเปิดไม่เต็มที่ แต่ก็ได้เห็นบรรยากาศบ้างแล้ว
เดินหาซื้ออาหารเช้ากลับไปห้อง จัดการอาหารเช้าเก็บกระเป๋าเรียบร้อยก็ไปเอารถ เสียค่าจอดนับเป็น 2 วันๆละ 6$ เพราะจอดค้างคืน ไม่เป็นไรดีกว่าโดนใบสั่ง ออกเดินทางไปสนามบิน จะคืนรถที่สนามบินเลยประหยัดค่าแท็กซี่ด้วย คุ้มมาก อิตอนวนหาทางไปสนามบินแบบไม่ต้องขึ้น Toll ก็ฮามาก คือว่า งง!! แต่สุดท้ายวนไปวนมาจนเจอ Freeway จนได้ ฮ่าๆๆๆ จากนั้นไปตามโพยของบริษัทฯรถเช่าที่บอกว่าใกล้ๆสนามบินมีปั๊มป์ตรงไหนเติมแล้ววนรถตรงไหนเข้าไปจอดคืนรถตรงไหน เค้าทำระบบไว้ดีมาก คืนรถแบบง่ายๆเหมือนเคย แล้วก็เช็คอิน กวาดเงินที่เหลือ(น้อยนิด) ซื้อของในสนามบินอีกที แล้วขึ้นเครื่องนอนยาวกลับบ้านกันอย่างแฮ็ปปี้ค่ะ….
I have noticed you don’t monetize iammanussite.com,
don’t waste your traffic, you can earn extra bucks every month
with new monetization method. This is the best adsense alternative for any type of
website (they approve all websites), for more info simply search
in gooogle: murgrabia’s tools
LikeLike