GALLE
ศรีลังกา วันที่ ๑ : ผ่านเมืองหลวงลงใต้ไปเที่ยวทะเล
Sri Lankan Airline UL-403 บินตรงกรุงเทพ – โคลอมโบ ใช้เวลาบิน 3.5 ชม. ออก 9:00 ถึง 11:00 พอดิบพอดี กินอิ่มหลับ 1 ตื่นก็ถึงแล้ว (เวลาที่ศรีลังกาช้ากว่าเมืองไทย 1-½ ชม.) แถวตรวจตม.ไม่ยาวมาก ทำ Visa Online มาก่อน ( Visa SriLanka ) ง่ายมาก สะดวกสบาย ถ้าไม่ทำมาก็มาทำ Visa on arrival ก็ได้ง่ายเหมือนกัน เสียเวลาเพิ่มหน่อย ออกมารับกระเป๋าแล้ว ออกไปแลกเงิน ที่นี่รับทั้งไทยบาท เงินดอลลา เงินยูโร เงินรูปี แลกไม่ต้องเยอะมาก เพราะค่าครองชีพไม่สูง แถมค่าเดินทางก็ถูก (1$ : 180.5Rs. / 1฿ : 5Rs. อัตราแลกเปลี่ยน ณ มกราคม 2019)

สนามบินชื่อยาวจำยาก Bandaranaike International Airport อยู่เมือง Nekombo ห่างจาก Colombo 30 กม. พวกเราเลือกนั่งรถ Shuttle bus 187 เข้าเมือง ออกมาหน้าสนามบินก็เจอป้ายรถเลย ค่ารถ 200 รูปี นั่งชมเมืองไปไม่นานก็เข้าเขตเมืองหลวงที่ทุกคนรู้ได้ เพราะรถเริ่มติด ฝุ่นฟุ้งเหมือนปกคลุมด้วยฝุ่น 2.5 รถตุ๊กๆสีแสบสันวิ่งกันเต็มไปหมด ดูคึกคักดี Shuttle bus ไปจอดที่ท่ารถ Colombo Bus Station ซึ่งอยู่ใกล้ๆหัวลำโพงศรีลังกา Fort Railway Station แต่พวกเราจะต้องหาทางไปที่สถานี Maradana Railway Station เพื่อขึ้นรถไฟไป Galle กัน ที่พวกเราไม่ขึ้นที่หัวลำโพงศรีลังกาเพราะ Coast line train เริ่มต้นที่ Maradana Station ถ้าขึ้น Fort Railway Station มันจะเต็มมาแล้ว งงๆหน่อย พวกเราก็เลยนั่งตุ๊กๆไปดักขึ้นก่อน 1 สถานี เพราะจาก Colombo ไป Galle นี่ใช้เวลา 2.5 ชม. ซึ่งเราไม่อยากยืนกันตั้งแต่วันแรก จะทำให้เสียขวัญกำลังใจ
เรียกตุ๊กๆคันแรกของทริปโชคดีเหลือหลาย ได้ตุ๊กๆมีมิเตอร์ไม่ต้องระแวงระวังจะโดนโขกราคา จาก Bus Station ไป Maradana Railway Station ดูจาก Google Map ก็ราวๆ 3 กม. เสียไป 120 รูปี 24 บาท!! จำมาตรฐานไว้ได้เลย รถตุ๊กๆที่นี่คันเล็กน่ารัก แต่สามารถอัดเรา 3 คนพร้อมเป้ Backpack 3 ใบไปได้พอดิบพอดี วิ่งลัดเลาะไปส่งพวกเราได้อย่างปลอดภัย รีบลงไปซื้อตั๋วรถไฟ Coastline train จาก Colombo ไป Galle เที่ยว 14:30 น. ซื้อตั๋วนั่งชั้น 2 ซึ่งราคาแสนถูกแค่ 240 รูปี คือ 48 บาท!!!


เวลาน่าตื่นเต้น คือรอเวลารถไฟมา และวางแผนให้ขึ้นรถได้เร็วๆ ป้องกันการพลาดที่นั่ง ระหว่างเดินข้ามสะพานข้ามรางรถไฟไปชานชาลา 6 ของเรา มองไปก็ขนลุกเบาๆ เพราะคนเต็มชานชาลา แต่ใจสู้ ไปหาทำเลเหมาะๆตรงบริเวณที่คาดว่าจะเป็นขบวนชั้น 2 นอกจากคนท้องถิ่นแล้ว Backpacker ก็เยอะ นักท่องเที่ยวนิยมนั่งรถไฟเที่ยว เพราะทางรถไฟสวย ราคาถูก และตรงเวลา

รถไฟเข้าช้ากว่าเวลานิดหน่อย พอรถมาคนก็ขยับ เคลื่อนตัวตามขบวน เล็งตำแหน่งประตูกัน คนท้องถิ่นบางคนกระโดดขึ้นไป (ได้ยังไงฟะ) พวกเราก็เล็งๆ แต่ไม่สามารถขึ้นได้ถ้ารถไฟไม่หยุดสนิท ด้วยว่าของพะรุงพรังเกิน สุดท้ายก็ขึ้นไปจับจองที่ได้ ง่ายกว่าที่คิด และที่ยังพอเหลือ ไม่ได้เต็มอย่างที่คาด รถไฟออกได้เวลาพักผ่อนชมวิว วะฮู้….
รถไฟจอด Fort Station ที่เราลงรถบัสครั้งแรก มี Backpacker ขึ้นมาอีกเยอะ แต่ที่นั่งเหลือน้อย จึงต้องเริ่มยืนกัน นับเป็นข้อมูลเล็กๆน้อยๆที่น้องนิ่มรู้มาแต่ได้ประโยชน์มาก โคลอมโบอากาศค่อนข้างร้อนตามแบบเมืองใหญ่ทั่วไป แต่พอรถไฟวิ่งลมพัดเข้ามาก็เย็นสบาย ลมกลับไม่มีไอร้อนติดมาให้แสบตัวเหมืองเมืองไทย รถไฟวิ่งผ่านสถานีเล็กๆน้อยๆ จนออกนอกเมืองเลาะริมทะเล เป็นทางรถไฟสวยงามทีเดียว [https://youtu.be/fzWnfuMQkAE]

ถึง Galle Station ช่วงใกล้เย็น ไปถึงที่พักที่แสนใกล้สถานีรถไฟ “Be relaxing @No.1” ได้เจอเจ้าของใจดี บอกว่าเดี๋ยวจะพาขับรถชมเมืองพร้อมแนะนำร้านอาหาร เลยสบายไปในวันแรก พี่แกขับรถจากที่พักพาวนเข้าไปในส่วน Galle Fort ซึ่งเป็นป้อมปราการเก่าแก่ริมทะเลสมัยชาวดัชต์ยังปกครองที่นี่ เป็นบริเวณท่องเที่ยวสำคัญของเมือง ขับวนให้พวกเราพอได้เห็นบรรยากาศ เสียดายที่มาเย็นเกินไป ถ้าได้มาถึงบ่ายๆ ควรมาใช้เวลาเดินเล่นบริเวณนี้ตอนเย็น จาก Galle Fort ก็วนพาเรากลับไปทางหอนาฬิกาวนดูตลาด ดูร้านอาหาร พวกเราจึงขอลงบริเวณนี้ หาอาหารเย็นมื้อแรกในศรีลังกากินกันก่อน

อิ่มดีแล้ว ก็เรียกตุ๊กๆกลับไปใน Galle Fort เดินเล่นริมทะเลได้ ลมเย็นดี แต่มืดเกิน เลยเลี้ยวเข้าไปเดินเล่นในส่วนเมืองเก่า ทาง Pedlar Street มีที่พัก ร้านอาหาร ร้านขายของเก๋ๆ มีแกลเลอรี่ มีร้านชากาแฟ ตัวอาคารเป็นแบบดั้งเดิม (Dutch colonial buildings style) ดูมีเสน่ห์มากๆ เดินเที่ยวได้ตลอดถนน นักท่องเที่ยวนิยมพักกันในนี้ แต่ค่าที่พักก็สูงตามทำเล เดินเล่นจนไปทะลุถึง Old Dutch Hospital ที่ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นโรงแรม ร้านค้า ร้านอาหารสุดคลาสสิค แวะพักเหนื่อยจิบ Lion Beer แล้วถึงเรียกตุ๊กๆกลับบ้าน

ศรีลังกา วันที่ ๒ : Galle ทะเลใสๆกับกลิ่นไอชาวดัชต์
เมื่อคืน เจ้าของบ้านพักเสนอว่าจะมารับพวกเราแต่เช้าไปชม Galle Fort ซึ่งพวกเราก็รับไมตรีอย่างยินดี (โชคดีที่สุด) จากที่คิดว่าจะพักเหนื่อยจากการเดินทาง วันนี้เลยต้องตื่นแต่เช้า แต่ก็ถือว่าโชคดี เพราะที่ Galle Fort ยามเช้าอากาศดีมาก มีผู้คนมาวิ่งออกกำลังกายกันเยอะ รวมทั้งเจ้าของที่พักของเราด้วย พาพวกเรามาตรง Clock Tower แนะนำสถานที่นิดหน่อย แล้วปล่อยพวกเราเดินเล่นไปบนแนวกำแพง แล้วพี่แกก็ไปวิ่ง นัดเจอกันตรง Galle Lighthouse


Galle Fort หรือบางคนก็เรียก Dutch Fort ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกรวมกับตัวเมืองเก่าเมื่อปี 1988 ป้อมปราการขนาดใหญ่ได้รับการดูแลไว้ค่อนข้างดี Galle โดนชาวตะวันตกเข้าปกครองอยู่เป็นร้อยๆปี ตั้งแต่ชาวโปรตุเกสในยุคแรก ต่อมาเป็นชาวดัตช์ แล้วก็ยังมีอังกฤษเข้ามาอีกในช่วงท้าย ซึ่งชาวดัตช์นี่แหละเป็นผู้ปรับปรุงป้อมปราการให้แข็งแรงและขยายยาวไปตามแนวทะเล รวมทั้งยังสร้างโรงพยาบาล โรงเรียน โบสถ์ และอาคารต่างๆไว้เยอะแยะ
Galle Lighthouse เป็นประภาคารที่เก่าแก่ที่สุดในศรีลังกา มีอายุเกือบ 200 ปี / Dutch Reformed Church โบสถ์นิกายโปรเตสแตนด์ที่เก่าแก่ที่สุดในศรีลังกา
Galle เป็นเมืองน่ารักที่มาศรีลังกาไม่ควรพลาด สมควรมาใช้เวลาสัก 1 วัน พักผ่อนเดินเล่นริมทะเล เข้าพิพิธภัณฑ์ เดินตลาด จิบชายามบ่าย พวกเราใช้เวลา 1 คืน กับครึ่งวันทำความรู้จักกับ Galle ยังรู้สึกไม่พอ แต่จำต้องร่ำลา เพื่อเดินทางต่อไป