Stilt Fishing
ศรีลังกา วันที่ ๒ : ตกปลาแบบศรีลังกาสไตล์
จากตอนที่แล้ว เที่ยวเมือง กอลล์ (Galle) ช่วงเช้าแล้ว พวกเราก็ต้องเดินทางต่อ เจ้าของที่พักติดต่อหารถเช่าพร้อมคนขับให้พวกเราเพื่อไปเมือง Tissa ที่หาเช่ารถเพราะพวกเราอยากแวะเที่ยวระหว่างทาง ไปรถบัสน่าจะไม่สะดวก ได้เหมารถราคา 10,000 รูปี ก็ราวๆ 2,000 บาท แลกกับความสะดวกสบายในการท่องเที่ยว คนขับรถพอพูดภาษาอังกฤษได้ พาพวกเรานั่งรถเลาะชายหาดไปเรื่อยๆ แต่พอขับมาถึงแถวๆ Midigama Beach คนขับก็จอดรถพรืด เพราะเห็นจุดที่มีเสาและคนตกปลา ตามที่เราลงทุนเหมารถมาดูกัน


“Stilt Fishing” หรือที่เราตั้งชื่อให้ว่า การตกปลาแบบเหนี่ยวเสาเอาเบ็ดหย่อน ก็ตรงๆตัวคือ เอาเสาปักลงไปแล้วคนก็เหนี่ยวเสาไว้แล้วหย่อนเบ็ดลงไป แต่การจะปักเสาก็ไม่ใช่ปักไม่ดูทิศดูทาง ต้องปักตรงที่มีแหล่งปลาชุกชุม มองไปจะเป็นสีทึมๆท่ามกลางทะเลสีฟ้าใสนั่นคือฝูงปลา คาดว่าตรงนั้นต้องมีอาหารและหรือมีโขดหิดมีปะการัง อะไรก็ได้ที่เป็นของกิน ปลาถึงมารวมตัวกันเยอะ คนเหนี่ยวเสาก็จะหย่อนเบ็ดลงไป พอปลาฮุบเบ็ด ก็ตวัดเอาขึ้นมาปลดตะขอจับลงถุงใส่ปลา
Stilt fishing เป็นการตกปลาแบบดั้งเดิมของชาวศรีลังกา ชาวบ้านละแวกนี้ยังมีการตกปลาเลี้ยงชีพด้วยวิธีนี้ แต่เค้าจะตกกันแต่เช้ามืด สายๆก็กลับบ้านนอน หรือไม่ก็ช่วงเย็นๆ ก็แน่ล่ะเพราะแดดแรงขนาดนั้น เหนี่ยวเสาตอนแดดเปรี้ยงๆก็คงแห้งคาเสา




แถบนี้นอกจากจะมีชาวบ้านเหนี่ยวเสาตกปลา แล้วมีคนลงเล่นน้ำ เล่นเสิร์ฟกันค่อนข้างเยอะ เห็นมี Surfing shop อยู่ประปราย แถมด้วยที่พักคล้ายๆโฮมสเตย์ก็มี เกสเฮาส์ก็มี


แต่พอมันเริ่มโด่งดัง นักท่องเที่ยวก็เริ่มมาแวะดู เป็นไปตามวัฏจักรการท่องเที่ยว ชาวบ้านเริ่มเห็นช่องทางการหารายได้เสริม ก็เริ่มเหนี่ยวเสากันยันสาย จะมายืนดูหรือยืนถ่ายรูปกันเฉยๆ ก็ไม่ได้ล่ะนะ มาเฟียศรีลังกาเกิดขึ้นทันที นั่นพี่น้องฉันทำงานอยู่ ยูมาดูทำไม ยูถ่ายรูปไม่ได้นะ ฉันไม่ยอม นอกจากยูจะจ่ายเงิน ฉันจึงยอมให้ถ่าย แต่มาเฟียศรีลังกาก็มีคุณธรรมนะ ถ้าเป็นนักท่องเที่ยวศรีลังกาก็ไม่เก็บเงินนะ เห็นเดินดูเดินถ่ายรูปตามสะดวก อย่างน้อยก็มีข้อยกเว้น เห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติบางคนก็ไม่ยอม ยืนถกเถียงกันอยู่ริมหาด แต่พวกเรายอมรับความเป็นไปของโลก จึงถามกันดีๆว่ายูจะเอากี่รูปี ยูมีกี่คนตกปลาให้ไอดู (ตอนลงรถไปมีอยู่ 3 คน มาเฟียศรีลังกาบอกว่า มี 4 คน เดี๋ยวจัดให้) ตกลงกันที่ 1,000 รูปี จากนั้นก็เดินไต่หินถ่ายรูปกันตามสะดวก แถมด้วยพี่มาเฟียเอาคันเบ็ดมาให้พวกเราทำพร็อพถ่ายรูปอีกต่างหาก 55555

ตอนเราไปนั่นสายมากแล้ว แดดแรงมาก ก็คิดๆอยู่ว่า คงมาเหนี่ยวเสาหาเงินกันเฉยๆ เพราะจับปลาจริงก็คงจับเช้าอย่างคนหาปลาทั่วไป แต่นั่งมองดูอยู่สักพักก็เห็นว่าตกจริงนะ เบ็ดมีสาย และได้ปลาจริง ดูปลาดึงคันเบ็ดจนโค้ง แล้วพี่แกก็ตวัดคันเบ็ดขึ้นปลดปลารวดเร็วคล่องแคล่วมาก เห็นแล้วก็รู้สึกดีอย่างน้อยก็ตกปลาจริง

นั่งดูพี่แกจับปลาอย่างเพลิดเพลินจนพอใจ ก็ออกเดินทางต่อ แวะตรงที่อยากแวะ มาถึงแถบ Weligama มีร้านกาแฟเท่ห์ๆ ร้านเสื้อผ้าเก๋ๆ ตลอดถนนริมหาด ตามถนนดูเงียบๆ หลายร้านปิดปีใหม่ด้วย เลือกเดินเข้าร้านขายเสื้อผ้าฮิปๆ surf style หยิบดูราคาโหดใช้ได้เลย เป็นที่เดียวในทริปที่เจอของแพง น้องคนขายบอกว่ามี café ด้วยอยู่ด้านหลัง พอเดินเข้าตรอกแคบๆข้างร้านไปทะลุข้างหลัง โอ้โห..ฝรั่งตรึม นักท่องเที่ยวมาอยู่ตามซอกตามซอยนี่เอง พวกนี้มาพักผ่อนจริงๆ เล่นเสิร์ฟ นอน อ่านหนังสือ เล่นโยคะ ว่างๆก็จิบชา กาแฟ


หลังจิบกาแฟแล้วเดินกลับมาขึ้นรถ ผ่านตุ๊กๆจอดอยู่ไม่มีคนขับ เลยเข้าไปปีนป่ายถ่ายรูปเล่น สักพักก็มีฝรั่งเดินเข้ามาที่รถ พวกเราก็เลยรีบออกมาคิดว่าฝรั่งคงเหมารถมาเที่ยว ที่ไหนได้ ฝรั่งขึ้นไปขับเฉย เลยถามว่ารถยูเหรอ? หนุ่มฝรั่ง 2 คนบอกว่า ใช่เลย ไอเช่าตุ๊กๆขับเที่ยว 7 วัน ไหนๆก็ต้องเรียกรถไปเที่ยว ต้องใช้พลังงานในการต่อรองราคาทุกวัน เช่าขับเองเลยดีกว่า โว๊ะ! ชอบอ่ะ น่าสนใจจริงๆ เช่าตุ๊กๆขับเที่ยวก็ได้ด้วย
นั่งรถไปต่อถึง Mirissa เมืองท่องเที่ยวคึกคัก ฝรั่งเต็มหาด อารมณ์เหมือนหาดบางแสน เพราะเก้าอี้ชายหาดเต็มพรืด แต่ไม่มีส้มตำ ปลาหมึกเดินขาย แต่มีร้านอาหาร+ที่พัก ตลอดริมหาด ต่างกับบางแสนที่ทะเลที่นี่สวยจริงสวยจัง แถมคลื่นสูง มีคนเล่นเซิร์ฟกันเยอะ มาถึงบ่ายแล้วแวะทานข้าวสักหน่อย เลือกสุ่มๆไป อาหารมันก็คล้ายๆกัน นั่งดูฝรั่งอาบแดดบ้าง เล่นเซิร์ฟบ้าง ถ้าไม่มีเด็กเสิร์ฟศรีลังกา พาลจะคิดว่าอยู่ไมอามี่



อาหารศรีลังกาชุดพื้นฐาน ข้าว แกง และเครื่องเคียง ข้าวแต่ละเมืองก็ไม่เหมือนกัน มีทั้งเม็ดสั้น เม็ดยาว แต่ไม่นุ่มอร่อยเหมือนข้าวหอมมะลิบ้านเรา ♦ มะพร้าวศรีลังกาสีเหลืองไม่เขียวแบบบ้านเรา แต่น้ำไม่หอมหวานเท่ามะพร้าวน้ำหอมบ้านเรานะ แถมเจาะแค่ใส่หลอดทุกร้าน ไม่กินเนื้อกันหรือไงก็ไม่รู้
จาก Galle ไปถึง Tissa ระยะทาง 150 กม. ขับจริงๆก็ราว 3 ชม.กว่า แต่พวกเราแวะโน่นนี่ไปเรื่อย ออกจาก Mirissa ยังต้องไปอีกไกล ยังคิดว่าจะมืดกลางทางมั๊ย แต่หนุ่มคนขับรถของเรานอกจากตีนเปล่าแล้วยังตีนผีอีกด้วย ช่วงหลับพี่แกเหยียบมิด ไปส่งพวกเราถึง The Cool Nest Hotel ในเมือง Tissa ได้ตอน 5 โมงเย็น
คืนนี้นอน Hotel ที่หน้าตาเหมือนบ้านเดี่ยว เดินจากโรงแรมเข้าเมืองไปกินข้าวเย็น พร้อมเดินชมเมือง ที่เล็กเท่าอำเภอชายแดนบ้านเรา เงียบมาก รีบกินรีบกลับมานอน เพราะพรุ่งนี้เช้าต้องออกแต่เช้ามืด มีรถมารับไปซาฟารี




แผนการเดินทางวันที่ 2 จาก Galle ช่วงก่อนเที่ยง ไปดูคนตกปลาแถว Midigama Beach แวะคอฟฟี่เบรคแถว Weligama อีก แล้วไปหามื้อเที่ยงกินที่ Mirissa จากนั้นนั่งรถยาวไป Tissa ซึ่งจริงๆแล้ว จาก Galle ถ้าไม่แวะเที่ยวเลยก็ 3 ชม.ถึง แต่พวกเราโอ้เอ้เถลไถลฟาดไป 6 ชม.
จาก Galle ไป Tissa นี่หารถยังไงครับ
LikeLike
เจ้าของที่พักที่ galle หาให้ค่ะ
LikeLike