Trip : England–Scotland [November 2017] Part 4
13 days England-Scotland Part-1 | Part-2 | Part-3 | Part-4 | Part-5 | Part-6 | Part-7 | Part-8 | Part-9 | Part-10 | Part-11 | end
เช้าวันที่ 5 ที่เมืองบาธ – Bath แผนการเที่ยวของเราในวันนี้คือ เดินเที่ยวเมืองบาธครึ่งวันแล้วออกเดินทางต่อขึ้นเหนือ เลาะเที่ยวเมืองน่ารักๆใน Cotwolds จัดการอาหารเช้าที่โรงแรมสุดสวย The Windsor Hotel ที่ราคาไม่รวมอาหารเช้า เพราะป้ายเขาบอกว่าที่นี่เป็นที่พักที่ได้รับรางวัลอาหารเช้ายอดเยี่ยมแห่งปี ดังนั้นถ้าคุณอยากลิ้มลองของดีต้องเสียเงินเพิ่ม
ชื่อเมืองบาธ – Bath ใช่แล้วเมืองอาบน้ำนี่แหละ ทำไมถึงชื่อเมืองแบบนี้ ลองไปค้นข้อมูลก็ไม่ได้รายละเอียดชัดเจนนัก แต่ที่พออาศัยอ้างอิงเป็นที่มาได้ก็คือตัวเมืองบาธอยู่ในบริเวณเนินเขาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษที่เต็มไปดวยบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติ เมืองบาธมีชื่อเสียงโด่งดังมากว่า 2000 ปี เพราะชาวโรมันได้สร้าง โรมันบาธ (Roman Baths) โรงอาบน้ำโรมันที่ใหญ่โตโอ่อ่า มีบ่อน้ำร้อนให้ได้อาบกันด้านใน เมื่อยุคโรมันได้ล่มสลายไป โรงอาบน้ำก็ถูกทิ้งร้างมานาน จนศตวรรษที่ 12 กษัตริย์อังกฤษได้กลับมาปรับปรุง และยังคงรูปแบบและศิลปะแบบโรมันไว้ ทำให้ Roman Bath อยู่มาถึงปัจจุบันให้พวกเราได้ชมกัน น่าจะพอเข้าเค้าบ้างนะ เมืองบาธได้รับการประกาศเป็นเมืองมรดกโลกในปี ค.ศ. 1987 เพราะสามารถเก็บรักษาสถาปัตยกรรมอันสวยงามไว้ได้เป็นอย่างดี
ตัดใจจองที่พักราคาแพงหน่อย เพราะอยู่ทำเลดี อิ่มอาหารเช้าแล้วก็ออกเดิน ที่พักอยู่บนถนน Great Pulteney เลย เดินตามถนนมุ่งหน้าแม่น้ำ Avon สองข้างทางเป็นตึกโบราณสวยงามที่ปัจจุบันเป็นร้านขายของ คุณจะเดินข้ามสะพาน Pulteney ไปแบบไม่รู้ตัว เพราะบนสะพานจะมองไม่เห็นแม่น้ำ 2 ฝั่ง แต่จะเป็นอาคารสวยๆที่บอก พอสุดอาคารก็คือสุดสะพาน ถึงจะมองเห็นแม่น้ำ ต้องเดินเลี้ยวไปนิดถึงจะถ่ายภาพสะพานได้ เช้านี้อากาศสดใสดี
1. เดินผ่าน Great Pulteney Street มาถึง Pulteney Bridge แบบไม่รู้ตัว เพราะเหมือนถนนที่มีร้านค้า 2 ข้างทางทั่วไป 2. สะพาน Pulteney ข้ามแม่น้ำ Avon ศิลปะแบบ Palladian สร้างมาตั้งแต่ปี 1774 3. ฝายกั้นน้ำที่ทำเป็นชั้นๆรูปเกือกม้า มองเหมือนน้ำตก 4. 5. 6. Bath Abbey 7. 8. ตึกและร้านสวยๆในเมืองบาธ 9. ยามเช้าที่ Queens Square
จากสะพาน เดินต่อไป Abbey Church of Saint Peter and Saint Paul เรียกกันสั้นๆง่ายๆว่า Bath Abbey ที่เมื่อคืนเราเดินมาดูนักร้องประสานเสียงร้องเพลงก่อนไปกิน Fish & Chips มาดูอีกทีตอนสว่างๆ ตัวโบสต์สไตล์โกธิคใหญ่โตสวยงามมาก จากโบสถ์แล้วเดินต่อไปจะผ่าน Roman Bath ที่ใครๆก็ต้องมาเที่ยวเมื่อมาเมืองบาธ แต่เรายังไม่เข้า เพราะยังไม่เปิดด้วย ช่วงหน้าหนาวจะเปิด 9:30 ก็เดินผ่านไปก่อน เดินเล่นผ่านอาคารสวยๆที่ยังคงรูปแบบเดิมๆ ผ่าน Queens Square ไปเพื่อจะไปดูแนวอาคารโค้ง The Circus

The Circus คือ อาคาร 3 ชั้นสร้างติดกันเป็นแถวเหมือนทาวเฮาส์ แต่เป็นแถวโค้ง มี 3 โค้งอยู่รอบวงเวียนที่เป็นสนามหญ้ามีต้นไม้ใหญ่ตรงกลาง ดูสวยดีแต่ถ่ายรูปยากอยู่ ไหนจะแสงที่เข้าไม่เต็มอาคาร ไหนจะรถที่จอดขวางมุมที่ต้องการ ยังมีถุงขยะที่รอรถเก็บขยะอีก จะถ่ายยังไงให้เห็นแนวอาคารเป็นวงกลม ถ้าเป็นภาพจากโดรนน่าจะสวยงามดี The Circus เป็นฝีมือการออกแบบของสถาปนิกชาวอังกฤษ John Wood, the Elder คือมิสเตอร์วูดคนพ่อ ที่บอกคนพ่อเพราะเดี๋ยวจะมีผลงานคนลูกอีก
จากอาคารโค้งแรก เดินต่อไปดูอาคารโค้งที่ 2 The Royal Crescent ฝีมือการออกแบบของสถาปนิก John Wood, the Younger มิสเตอร์วูดคนลูก สงสัยจริงทำไมต้องใช้ชื่อเดียวกันนะ The Royal Crescent เป็นอาคารใหญ่วงจึงกว้างมาก สถาปนิกพ่อลูกคู่นี้ท่าทางจะชอบอะไรโค้งๆ เลยไปหาอ่านประวัติมา ก็พอเข้าใจได้เพราะสถาปนิกวูดนี่แกได้ไปสำรวจ Stonehenge มา ก็คงได้อิทธิพลแนวโค้งมาจากเสาหินนั่นเอง

ขากลับเดินเลาะ Royal Victoria Park กลับเข้ากลางเมืองเพื่อไปเข้า Roman Bath ที่เที่ยวอันน่าจะเป็นที่มาของชื่อเมือง Bath จ่ายเงินค่าเข้า แล้วก็เข้าไปเดินชมด้านใน จุดเด่นคือบ่อน้ำโบราณล้อมรอบด้วยเสาโรมัน บ่อน้ำร้อนมีควันลอยจางๆ ตามประวัติบอกว่าสมัยที่โรมันมาสร้างใหม่ๆถือเป็นบ่อสปาน้ำร้อนที่โด่งดังมาก นอกจากบ่อน้ำแล้วข้างในยังมีห้องแสดงข้าวของโบราณที่ขุดพบ มีทางเดินกระจกที่มองเห็นซากปรักหักพังใต้ดิน และยังมีบ่อน้ำร้อนเล็กๆด้านในอีก
เดินเล่นจนพอใจก็เดินกลับที่พักทำ Check out เพื่ออกเดินทางต่อ ถ้าดูจากแผนที่ ใกล้ๆกับ Bath abbey จะมีร้านขนมปัง Sally Lunn Bunn เป็นร้านเก่าแก่มีชื่อเสียงของเมือง Bath เราไม่ได้แวะไปเพราะรีบกลับไปที่จอดรถ ใกล้หมดเวลาที่จอดได้ เสียดายไม่ได้เข้าไปชิม
ออกจากเมือง Bath จะขับรถเข้าเที่ยว Cotwolds ยกยอดไปเล่าตอนหน้า
Day 5 Walking tips (1/2 day)
Pulteney Bridge – Bath Abbey – Queen Square – The Circus – The Royal Crescent – Roman Bath