Trip : England–Scotland [November 2017] Part 9 ~ York Day ~
13 days England-Scotland Part-1 | Part-2 | Part-3 | Part-4 | Part-5 | Part-6 | Part-7 | Part-8 | Part-9 | Part-10 | Part-11 | end
ผ่านวันที่แสนหดหู่แถมเปียกและหนาวมาจากเมืองแมนเชสเตอร์ ได้หลับสนิทอุ่นสบายที่ Ibis York เปิดม่านดูสภาพอากาศเช้านี้ถึงกับยิ้มแก้มฉีก อากาศสดใสดีเหลือเกิน จัดแจงเก็บกระเป๋าลงมาฝากที่เคาร์เตอร์แล้วจัดการอาหารเช้าที่ตกลงใจซื้อเพิ่ม (เวลาจองที่พักอย่าลืมดูราคาว่ารวมอะไรบ้าง บางครั้งรวมค่าอาหารเช้าเข้าไปไม่มาก สะดวกสบาย และคุ้มค่ากว่า อย่างเช่นที่ ibis นี้) อิ่มแล้วก็ออกสำรวจเมืองยอร์คกัน Today is York Day! Part 9 แต่เป็นวันที่ 10 ในทริปล่ะ
ทำความรู้จักเมืองยอร์คกันหน่อย ยอร์คเป็นเมืองการค้าสำคัญในอดีต โดยเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างอังกฤษกับสก็อตแลนด์ มีอดีตอันยาวนานมากว่า 2000 ปี ลักษณะเมืองเป็นป้อมปราการ มีกำแพงเมืองล้อมรอบ ดังนั้นเราจึงเริ่มต้นโดยการไต่ขึ้นกำแพงเมือง จากประตู Micklegate เดินบนกำแพงเมืองไปทางซ้ายเรื่อยๆ มองเห็นสถานีรถไฟอยู่ด้านซ้ายมือ เดี๋ยวเราจะมาแวะชมช่วงเย็นๆเพราะยังไงก็ต้องมาขึ้นรถไฟที่นี่อยู่แล้ว เดินบนกำแพงเมืองเก่านี่ชมวิวได้กว้างไกล วันนี้ฟ้าเปิด อากาศสดใสแต่หนาวจับใจ ยิ่งเที่ยวขึ้นเหนือมาเรื่อยๆก็หนาวมากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน กำแพงเมืองเชื่อมต่อเข้ากับ Station Road ตรงแม่น้ำอูส (River Ouse) ที่วันนี้มีฝึกซ้อมพายเรือ ยืนให้กำลังใจฝีพายหน่อย เพราะยืนข้างบนยังหนาวขนาดนี้ น้ำในแม่น้ำคงจะเย็นจนขนลุก
ข้ามแม่น้ำมาแล้ว เลี้ยวซ้ายเข้าที่เที่ยวจุดแรก คือ Museum Garden สวนสาธารณะขนาดไม่ใหญ่ แต่ร่มรื่นเขียวขจี มีคนพาหมามาเดินเล่น มาวิ่ง มาเดินเที่ยวบ้างประปราย ส่วนที่เป็นพิพิธภัณฑ์เสียเงินเข้าไปเที่ยวชมได้ แต่เราเลือกเดินชมบรรยากาศสวนด้านนอก เดินเลยเข้าไปจะเห็นซากกำแพงบางส่วนของ St. Mary’s Abbey วิหารอันยิ่งใหญ่สมัยพระเจ้าวิลเลียมผู้พิชิตในศตวรรษที่ 11 นับดูก็เป็นพันปีแล้ว เดินต่อไปทะลุออกด้านหลังหรือจะกลับออกด้านหน้าก็ได้ เดินต่อเข้าในเมืองจะเจอ York Art Gallery สนใจก็เข้าไปชมได้ แต่เราเดินเลี้ยวลอดกำแพงเมืองตรง Petergate ที่ฝั่งตรงข้าม Art Gallery เดินเข้าไปชมเมือง ถนนในเมืองยอร์คไม่ใหญ่มาก รถก็ไม่มาก ผู้คนมีเดินกันพอคึกคัก ร้านขายของตามข้างทางตกแต่งน่ารัก ตัวอาคารสวยไปตลอดถนน เดินเพลินมาก
เดินตามถนน High Petergate street ไปเรื่อยๆ ก็จะเจอกับ York Minster วิหารใหญ่สไตล์โกธิค สวยงามชวนตะลึง เสียค่าเข้าชมแล้วก็เข้าดูด้านใน โถงหลังคาโค้งสูง Stained Glass หรือกระจกเขียนสีก็มีลวดลายสวยงาม และยังมีส่วนหอคอยที่ต้องเสียเงินเพิ่ม และต้องไต่บันได 200 กว่าขั้นขึ้นไปชมวิวเมืองยอร์คได้ เรานั่งเล่นอยู่ลานหน้าวิหารนานเลย อากาศหนาวแต่แดดอุ่นๆ บรรยากาศสดใสดี มองดูผู้คนเดินไปมา มองเห็น St. Wilfrid Catholic Church อยู่หัวมุมถนนอีกฝั่ง มีรถรางวนเข้ามาส่ง-รับนักท่องเที่ยวและชาวเมืองเป็นระยะๆ นั่งเล่นพอใจแล้วเดินเที่ยวต่อ จริงๆแล้วเมืองยอร์คนี่เดินเล่นได้ทุกถนน แล้วแต่ว่าอยากไปเที่ยวตรงไหน อย่างจะไป York Chocolate story ก็เดินไปตามถนน Colliergate หรืออยากไป Parliament square ก็เดินไปตามถนน Parliament ถนนและตรอกซอกซอยสวยมีเสน่ห์ทั้งนั้น ตรอกที่เค้าว่ากันว่าคงความเป็นเมืองยอร์คเก่าแก่คือ ตรอก Shambles ซึ่งเราลืมเดินไป อยากร้องไห้ มัวแต่ไปเดินหาซื้อหนังสือ ตามร้านที่ Information center แนะนำ ก็เลยลืม
จาก York Minster เราเดินผ่าน Information center ไปเลี้ยวซ้ายเข้าถนน Lendal ตามที่เจ้าหน้าที่แนะนำ เดินเล่นไปทาง St. Helen Square แล้วต่อเข้า Brook street ซอยนี้มีสตาร์บัคด้วยนะ ถ้าใครตามหา เดินไปเรื่อยๆถึง 5 แยก มองไปทางขวาจะเป็นถนน Clifford ถนนโค้งสวยงาม กับตึกและโบสถ์ แต่ยังไม่ต้องเลี้ยว เดินตรงไปถนน Castlegate จะผ่าน St. Marry Church แหงนคอ มองตัวการ์กอยล์ (Gargoyle) บนยอดเสากันหน่อย
ผ่านการ์กอยล์แล้ว เดินไปอีกไม่ไกลสุดถนน จะเจอเนินเขาเตี้ยๆปกคลุมด้วยหญ้าสีเขียวสดพร้อมป้อมปราการหินเตี้ยๆบนยอดเนิน นั่นคือ Clifford Tower เดินวนรอบถ่ายรูปตามความพอใจ อยากขึ้นบน Tower ก็ได้ เสียค่าเข้าไปชมด้านใน แล้วยังได้ชมวิวเมืองจากมุมสูง ใกล้กับ Clifford Tower จะมีกลุ่มอาคาร ล้อมวงเวียนสนามหญ้าขนาดไม่ใหญ่นัก เรียกกันว่า Eye of York (เดิมเคยเรียกกันว่า ‘Castle Yard’ ต่อมาเป็น ‘Eye of the Ridings’) สวนหย่อมเล็กๆนี่ก็มีประวัตินะ เพราะสมัยก่อนใช้เป็นที่ชุมนุม จัดงานพิธี ใช้ประกาศเรื่องสำคัญๆของเมือง ปัจจุบันก็ยังใช้จัดงานสำคัญของเมืองหลายๆงาน ส่วนกลุ่มอาคารนั่นคือ Castle Museum กับ York Crown Court ตัวอาคารสวยดี ใน Museum มีขายอาหาร ขายกาแฟ ที่สำคัญมีห้องน้ำด้วย
เดินมาแต่เช้า ไกลพอสมควร ไม่ได้แวะกินอะไรเลย ตอนนี้เริ่มหิวและเมื่อย เลือกเดินไปทาง Tower Garden ข้ามแม่น้ำด้วย Skeldergate Bridge กลับไป แล้วเดินถนนเลียบแม่น้ำย้อนกลับไปทางสถานีรถไฟ ฝั่งโน้นมีแต่บ้านคนกับสำนักงาน เดินไปเรื่อยๆก็มาบรรจบกับ Micklegate street ซึ่งตอนกลางวันถนนนี้เงียบเชียบ แต่ตอนกลางคืนเป็นแหล่งบันเทิงเต็มไปด้วยร้านอาหาร และผับบาร์ ที่เราเดินมากินอาหารไทยเมื่อคืนไง วันนี้เลือกกินอาหารญี่ปุ่นก็อร่อยดี อิ่มแล้ว เดินตรงไปสถานีรถไฟก่อน จะไปเดินถ่ายรูปสถานีรถไฟที่ได้ชื่อว่าสวยมากอันดับต้นๆของอังกฤษด้วย ถ้าชอบรถไฟก็เข้าดูพิพิธภัณฑ์รถไฟได้ด้วยอยู่ติดๆกันเข้าฟรี สถานีรถไฟยอร์คสร้างขึ้นมาตั้งแต่ 1877 หลังคาโครงสร้างเหล็กโค้งมีช่องแสงตรงกลาง เดินขึ้นบันไดข้ามรางรถไฟไปถ่ายรูปแนวรางรถไฟ ถือโอกาสดูเวลาเที่ยวรถของเราหน่อย แต่ยังไม่มีขึ้น สงสัยยังนานเกินไป
วิบากกรรมจากอังกฤษไปสก็อตแลนด์
ยังพอมีเวลาเหลือ เลยเดินไปพักจิบกาแฟที่ร้านน่ารัก Your Bike of Shade ตรงใกล้ๆ Micklegate พักเมื่อยสักพัก ก็กลับไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ที่โรงแรม เตรียมตัวลากกระเป๋ามาที่สถานีรถไฟ มาก่อนเวลาเป็นชั่วโมง เผื่อจะหิวเดินหาอะไรทานหน่อย เดินวนดูตารางบอกชานชาลาหลายรอบชักเริ่มสงสัยว่า Cross country 17:30 York – Edinburgh 20:09 ของเราทำไมไม่ขึ้นจอสักที แต่ขบวนหลังเรามีขึ้นจอแล้ว หาเคาเตอร์ของ Cross country ก็ไม่มี เลยเข้าไปถามตรงที่ขายตั๋ว จนท.กดจอดู แล้วก็บอก “อืมมมม ขบวนของคุณยกเลิก” อ้าว! เฮ้ย แล้วทำยังไงล่ะ ลุงคนขายตั๋วบอกว่า ยูขึ้นขบวนอื่นไปเลย บ๊ะ! ได้เหรอ แล้วจะมีที่นั่งเหรอ 2 ชั่วโมงเลยนะ ลุงบอก ก็คงมี ตอนนี้มีขบวน 16:32 ไปเลยนะชานชาลา 10 ไปได้ รถไป Edinburgh เหมือนกัน นี่ก็คิดว่าดีเหมือนกัน ได้ไปเร็วกว่าขบวนที่จองตั้งชั่วโมง รีบแบกกระเป๋าข้ามไปที่ชานชาลา หาพนักงานสักคนให้ถามก็ไม่มี จนขบวนรถมาจอดถึงมีพนักงานโผล่มาจากไหนไม่รู้ มาดูแลผู้โดยสารขึ้นรถ แต่เป็นพนักงานของ Virgin train นะ ก็เลยวิ่งเอาตั๋วไปให้ดู น้องพนักงานทำหน้ามึนๆบอกว่า ขึ้นได้มั๊ง อ้าววววว เอาไงดี รถก็จะออกแล้ว สุดท้ายนางก็โบกมือให้ขึ้นไป
วิบากกรรมต่อมาคือไม่มีที่นั่ง เดินหาไปหลายขบวนจนมีที่ว่าง นั่งไปยังไม่ทันหายเหนื่อย ลุงคนตรวจตั๋วมา ลุงบอกว่าตั๋วเธอไม่ใช่ขบวนนี้ ก็รู้แล้วอ่ะ แต่เจ้าหน้าที่ๆสถานีบอกขบวนฉันยกเลิกให้ขึ้นขบวนนี้ได้ แต่ลุงบอกว่า “ขบวนเธอไม่ได้ยกเลิก!” ที่เหลือฟังไม่เข้าใจจริงๆ ลุงพูดรัวมากเร็วมาก เราบอกก็ที่สถานีบอกว่ายกเลิก เถียงกันไปมา สรุปว่าลุงไล่ลงสถานีหน้าบอกว่ายังไงก็ต้องลง เป็นประสบการณ์โดนถีบลงรถไฟครั้งแรกในชีวิต ลงมายืนงงๆที่สถานี Dalington เข้าไปถามพนักงานซึ่งก็เป็นของ Virgin train อีกแหละ ไม่มีพนักงานของ Cross country ให้เห็นเลย คราวนี้พนักงานพูดเข้าใจสุดล่ะ คือขบวนที่เราจองมา 17:30 มีวิ่ง แต่ล่าช้าไปนิดหน่อย แถมเปลี่ยนสายเป็นวิ่งไป Newcastle แค่นั้น จึงไม่เห็นขบวนรถเวลา 17:30 ไปเอดินเบอระบนจอบอกชานชาลา ใครจะไปเข้าใจ ก็ไม่ยักเขียนบอกใน Remarks สรุปคือคนซื้อตั๋วเที่ยวนี้ไว้ก็ให้ขึ้นตามเดิม แต่คนที่ไปไกลกว่า Newcastle ต้องไปเปลี่ยนขบวนที่ Newcastle ทุกคน (ซึ่งไอ้ขบวนที่เราโดนถีบลงมาเมื่อกี้ก็ผ่าน Newcastle นะ ถ้าลุงตรวจตั๋วไม่ถีบเราลงให้เราไปลง Newcastle เลยก็ได้นะ แต่ลุงไม่ให้อ่ะ) สรุปว่าก็นั่งรอรถไฟขบวนของเรามาแล้วก็ขึ้นไป นั่งไปอีกแป๊บทุกคนก็ต้องลงที่ Newcastle เพราะสุดสายไม่วิ่งต่อ แล้วต้องไปติดต่อเคาเตอร์อีกครั้งว่าตั๋วของเราได้รับการจัดสรรค์ให้ขึ้นขบวนไหนไป Edinburgh จากที่ควรจะถึงสองทุ่ม ก็เลยกลายเป็นสามทุ่ม แต่เราก็เลือกโรงแรมใกล้สถานีรถไฟ ก็เลยสบายหน่อย ออกจากสถานีรถไฟ Edinburgh Waverley ข้ามถนน 2 ครั้ง ถึงเลย Travelodge ที่พักราคาประหยัด สะอาด สะดวก ปลอดภัย
วันนี้ระหกระเหินพอสมควร แต่ได้ประสบการณ์ว่ารถไฟอังกฤษนี่สุดยอดแห่งการเปลี่ยนแปลงจริงๆ กว่าจะถึงสก็อตแลนด์หมดแรงกันเลย คงต้องหาอาหารเพิ่มพลังหน่อย กลับลงมาที่ถนน Prince street ฝั่งตรงข้ามคือ Waverley mall ซึ่งลานริมถนนจัดเหมือนลานเบียร์ มีดนตรีเล่นครึกครื้นมาก อย่ารอช้าข้ามไปหาอะไรลงท้องสักหน่อย แต่หนาวมากต้องพุ่งหาที่นั่งใกล้เสาฮีทเตอร์ ได้ที่นั่งแล้วก็ไปซื้อ พิซซ่า ไส้กรอก พร้อมเบียร์สดมาจิบ ฟังดนตรีสนุกๆ ทำให้ความสุขกลับมาได้อย่างรวดเร็ว พรุ่งนี้ลุยเอดินเบอระกัน
York Walking tips – Day 10 : Micklegate > On city wall > Museum garden > St. Mary’s Abbey > York Art Gallery > On High Petergate St. > York Minister > St. Wilfrid Catholic Church > York Information Center > Harker (St. Helen Square) > Along Brook St. > Junction Clifford st. > Along castle gate > St. Mary Church > Clifford tower > Eye of York (Castle Museum, York Crown Court) > Tower Garden > Skeldergate Bridge > Skeldergate st. > Micklegate st. >Memorial Garden >York Train Station
iammanussite.com 