13 days England-Scotland Part-11 [Highlands]

Trip : EnglandScotland [November 2017] Part 11 – Highlands

 

13 days England-Scotland Part-1 | Part-2 | Part-3 | Part-4 | Part-5 | Part-6 | Part-7 | Part-8Part-9 | Part-10Part-11 | end

 

ช่วงสุดท้าย ท้ายสุดของทริป เปลี่ยนแปลงก่อนออกเดินทางไม่นาน เพราะผู้ร่วมทริปบอกว่า ขึ้นมาถึงสก็อตแลนด์แล้ว น่าจะได้ออกไปขับรถชมทุ่งหญ้าป่าเขาเข้าปราสาทบ้าง ก็เลยอยู่เที่ยวเอดินเบอระแค่ 1 วัน เก็บได้ไม่ครบละเอียดนัก ไม่ได้ไปพระราชวังโฮลีรูดด้วย แต่ 1 วันเต็มๆก็พอทำให้หลงรักเอดินเบอระได้

ตื่นมาเช้านี้อากาศกลับมาอึมครึมส่งท้ายทริป แต่เราลากกระเป๋าข้ามถนนมาแค่สถานีรถไฟ มารับรถที่เราทำการจองกันเมื่อคืนก่อนนี้เอง นัดรับรถแต่เช้าๆ ทำเอกสารเสร็จเรียบร้อยจะมีเจ้าหน้าที่พาเราขึ้นรถขับไปที่ตึกจอดรถใกล้ๆนั้น แล้วเราก็ออกเดินทาง เปิด Google map หาทางออกนอกเมืองอย่างด่วน ก่อนจะรถติดเพราะคนออกมาทำงาน

โปรแกรมเที่ยวปราสาทวางไว้ตามนี้

Day 12 : Blackness Castle → Linlithgow Palace → Doune Castle → Glencoe → Glenfinnan → Overnight Muthu Dalmally Hotel

Day 13 : Kilchurn Castle → Loch Lomond → Glasgow international Airport

    

หนีรถติดออกนอกเมืองกันนะ ^^

“LOCH” ในภาษาสก็อตติช แปลว่า ทะเลสาบ คือ Lake ในภาษาอังกฤษ ส่วน “GLEN” แปลว่า หุบเขา
เข้ามาถึงสก็อตแลนด์จะเจอ Loch กับ Glen เต็มไปหมด

ออกจากเอดินเบอระมาไม่นานก็กลายเป็นทิวทัศน์ชนบทแล้ว ทุ่งหญ้า ทุ่งนา เลี้ยววัว เลี้ยงแกะ ปราสาทแรกที่จะแวะคือ Blackness Castle ซึ่งวันนี้ตัวปราสาทไม่เปิดให้ชมด้านใน แต่ก็จะไป เดินชมตัวปราสาทด้านนอกกับทิวทัศน์ก็ได้ เลี้ยวออกจากถนนใหญ่ (ก็ไม่ได้ใหญ่หรอก 2 เลนมาตลอดทางนั่นแหละ) เลี้ยวแยกเข้าไปตัวหมู่บ้าน Blackness ผ่านไปบริเวณ Blackness bay ขับไปสุดปลายทางที่ตัวปราสาท ชายหาดเป็นสีดำตามชื่อจริงๆ บรรยากาศก็หนาวเย็นลมแรง ไม่มีคนเพราะปราสาทไม่เปิด แต่เข้าไปเดินรอบๆปราสาทได้ ตัวปราสาทอยู่ชิดติดริมทะเล ขนาดไม่ใหญ่มาก ดูขลังไม่น้อย แม้จะเรียกปราสาทแต่จุดประสงค์แรกเมื่อศตวรรษที่ 15 คือสร้างเพื่อเป็นป้อมปราการ และก็ได้ปรับเปลี่ยนมาเป็นวังของราชวงศ์ มาเป็นคุก มาเป็นกองบัญชาการกองทัพในช่วงสงคราม เป็นหลายๆอย่างตลอด 400 ปีที่ผ่านมา เหมือนกับปราสาทหลายแห่งทั่วเกาะอังกฤษ

Blackness castle ได้รับสมญานามว่า เรือที่ไม่เคยออกทะเล ‘the ship that never sailed’ เพราะรูปทรงของผังปราสาทเหมือนเรือที่หันหัวเรือออกทะเล ต้องดูจากภาพมุมสูงถึงจะเข้าใจ ปราสาทขนาดไม่ใหญ่นี้แต่ได้เป็นฉากในหนังและละครมาหลายเรื่องอยู่นะ เช่น Doomsday หรือละคร Ivanhoe เมื่อเข้าด้านในไม่ได้เพราะปราสาทปิดวันจันทร์ ก็นั่งชมวิวรับลมหนาวจนแสบหน้าก็ลากลับ

       

‘the ship that never sailed’

       

จุดหมายต่อไปคือเมือง Linlithgow เป็นเมืองบ้านเกิดของ Queens Mary เมืองนี้ค่อนข้างใหญ่ เมื่อเทียบกับเมืองที่ขับผ่านๆมา เป็นเมืองท่องเที่ยวมีป้ายแนะนำหลายจุด ใครขับรถมาให้ขับตรงเข้าไปตัวปราสาทเลย มีที่จอดรถด้านข้างโบสถ์ เราไม่รู้เลี้ยวไปจอดที่ลานจอดก่อนถึงปราสาทหน่อยนึง เสียเวลาหยอดเหรียญค่าจอดรถกับป้าๆอีก 2-3 คันอยู่พักนึง เพราะตู้หยอดมันเสีย ป้าต้องไปวิ่งวุ่นหาเจ้าหน้าที่ เป็นบ้านเราก็คงเดินกันไปตัวปลิวล่ะ คนที่นี่เค้าซื้อสัตย์กันดีอยู่ ทั้งๆที่ไม่มีไม้กั้นอะไรเลย กล้องก็ไม่มี ถ้าไปจอดตรงปราสาทเลยฟรี

Linlithgow Palace นี่เป็นปราสาทใหญ่ขึ้นมาหน่อย ได้รับการบูรณะไว้ค่อนข้างดี เริ่มตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 ที่มีการก่อสร้าง manor ตรงบริเวณนี้ และได้เปลี่ยนเป็นกองบัญชาการกองทัพในศตวรรษที่ 14 เป็นจุดสำคัญในเส้นทางเชื่อมต่อระหว่าง Edinburgh Castle กับ Stirling Castle ตัวปราสาทมีการก่อสร้างเพิ่มเติมหลายครั้ง มีการสร้าง The Parish Church of St Michael ขึ้นมาด้านข้างๆด้วย

เสียค่าเข้าชมแล้วเดินเข้าด้านใน เริ่มจากห้องต่างๆที่จัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์ เดินวนๆไปจน ออกไปสู่ตัวปราสาทโล่งๆ ห้องโถงต่างๆ เหลือแต่ผนังหิน ที่สวยประทับใจคือทิวทัศน์รอบๆ มองจากหน้าต่างบานไหนออกไปก็สวยหมด เพราะปราสาทอยู่ติดทะเลสาบ – Linlithgow Loch เดินวนเที่ยวด้านในที่เหลือแต่ผนังหินจินตนาการเอาเองว่าสมัยก่อนเป็นยังไง ก่อนจะวนกลับลงมาด้านล่าง เดินผ่านลานกลางปราสาท มีบ่อน้ำพุที่มีรูปปั้นรูปสลักสวยงาม เป็นจุดเดียวที่ดูสมบูรณ์ที่สุด

       

 

       

ที่ Linlithgow Palace มีมัคคุเทศก์น้อย พาทัวร์ด้วยนะ

ปีนขึ้นบนยอดหอคอย ชมวิวสวยๆแต่เสียวๆ เพราะสูงและลมแรงมาก หนาวอีกต่างหาก
ไม่ว่าจะมองออกไปทางไหนทิวทัศน์ก็สวยจับใจ เป็นวังที่อยู่ในทำเลที่สวยสุดๆ

       

เป้าหมายต่อไปคือ Doune Castle ที่เมือง Doune ระหว่างทาง เป็นป่า สลับกับทุ่งหญ้า และเริ่มเห็นภูเขายอดขาวๆ รอบด้าน ถนนก็ยังคง 2 เลน แต่ไม่ได้ขับยากเย็นอะไร รถก็ไม่มากมายอะไร ผ่านเมืองเล็กๆน้อยๆไปเรื่อย จนเห็นป้ายเข้าตัวปราสาท เลี้ยวเข้าไปไม่มีใครเลย ตัวปราสาทปิด เลยเดินเล่นรอบๆ พื้นหญ้ามีเกล็ดน้ำแข็งเต็มไปหมด หนาวจับจิตจับใจ บรรยากาศวังเวงสิ้นดี จนมีคนงานเข้ามาเริ่มงานซ่อมแซมปรับปรุงถนนรอบๆปราสาท ค่อยมีเพื่อนให้หายหลอน

Doune Castle สร้างอยู่ริมแม่น้ำ – the River Teith แต่เป็นแม่น้ำสายเล็กๆจนน่าจะเรียกว่าลำธารได้ เห็นเงียบๆหลอนๆนี่เป็นสถานที่ถ่ายหนังถ่ายละครหลายเรื่องเหมือนกันนะ อย่าง Outlander หรือ Game of Throne

       

       

ขับกลับออกมาในตัวเมือง Doune แวะซื้อแซนวิสกับกาแฟ แล้วออกเดินทางต่อ เป้าหมายวันนี้ต้องไปเห็นทางรถไฟสายฮอกวอทต์ที่ Glenfinnan ทางไปต่อจากนี้ ผ่านหุบเขา Glencoe บรรยากาศสวยแบบซึมๆ แต่น่าจอดเดินเที่ยวจริงๆ เห็นมีรถจอดแล้วเดินเล่นผ่านทุ่งหญ้าฝ่าพื้นน้ำแข็งเข้าไปตามเชิงเขา แต่เราไม่มีเวลาต้องไปถึง Glenfinnan ก่อนแสงจะหมด ดวงไม่ดีอีกครั้ง เจอรถพ่วงย้ายบ้าน ใช่ ย้ายบ้าน คือยกบ้านทั้งหลังเลย ถนน 2 เลน แซงก็ไม่ได้ ขับตามกันไปเป็นชั่วโมง เสียเวลากับระยะทางไปพอสมควรเลย

       

จุดพักรถริมทะเลสาบ ในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติ Loch Lomond & The Trossachs National Park

       

       

ชมวิวมาดีๆก็หิมะตกซะงั้น และบ้านมา!

       

ย้ายบ้าน!!!

 

       

 

หิมะตกอยู่แป๊บๆ มาถึง Ford William ฟ้าเปิดแดดดีซะอย่างงั้น

สุดท้ายก็มาถึง Glenfinnan ก่อนจะมืด งุนงงกับจุดที่จะดูทางรถไฟ เราขับไปจนถึง Glenfinnan viaduct information center ตรง Glenfinnan Monument จุดที่เราไปเป็นมุมด้านล่างของรางรถไฟ ตอนนั้นไม่รู้ว่าจุดดูทางรถไฟอยู่ตรงไหนดูตาม GPS มันให้เข้าไปซอยข้างๆ information center แต่เลี้ยวไปแล้วเจอป้าย Private เลยจอดรถด้านนอกแล้วเดินเข้าไป เห็นมีรถจอดอยู่คันหนึ่ง เลยจอดตาม แล้วเดินเข้าไป แต่ไม่เจอใครเลย เงียบสงบจนหลอนอีกครั้ง พระอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำ เงียบๆหนาวๆชื้นๆ ปีนขึ้นเนินไปถ่ายรูปจนเริ่มมืด ต้องเดินกลับออกมาล่ะ เสียใจหาข้อมูลมาไม่ดีพอ ถ้าจะดูมุมด้านบนต้องเข้าไปที่ View Point ที่ Fort William ซึ่งเราขับเลยมาแล้ว แต่จุดนี้ก็ได้เห็นทางรถไฟโค้งสวยงามตามต้องการ แม้มุมจะผิดไปหน่อยก็เอาอยู่

       

       

 

จาก Glenfinnan ตั้งใจไปนอนที่ Dalmally เพราะพรุ่งนี้ตอนบ่ายๆเราต้องไปขึ้นเครื่องกลับเมืองไทยจาก Glasgow จึงต้องหาที่นอนให้ใกล้ที่สุด

นับว่ามีเวลาน้อยไปหน่อยในการชื่นชมเขตไฮท์แลนด์นี้ ควรมีเวลาได้เดิน trail บ้าง ภูมิประเทศแถบ Glencoe ดูสวยงามน่าเดินเที่ยวมากๆ (สำหรับคนชอบนะ ถ้าไม่ชอบแนวนี้คงคิดว่าไม่เห็นมีอะไรเลย) และการไป Glenfinnan เพื่อชมทางรถไฟสายฮอกวอร์ต ถ้าให้เหมาะต้องไปให้ถึง Ford William ช่วงก่อนเที่ยง แล้วเดินจากสถานีรถไฟไปตามแนวทางเดินท่องเที่ยว ไปที่จุดชมวิวที่เรียกว่า Glenfinnan via duct รอถ่ายรูปตอนขบวนรถไฟหัวรถจักรไอน้ำวิ่งผ่าน หุบเขาเกล็นฟินนาน (Glenfinnan) ตามทางรถไฟสายโค้งจากมุมบน เห็นรูปจากคนอื่นแล้วมันสวยงามเหมือนในหนังเลย หรืออาจไปนอนที่ Ford William เพื่อวันรุ่งขึ้นไปนั่งรถไฟสายฮอกวอร์ตผ่านทางรถไฟเส้นนี้ ที่นักท่องเที่ยวนั่งไปแล้วนั่งกลับได้

กว่าจะไปถึง Dalmally ก็มืดพอดี ที่พักดีใช้ได้ แต่มองมาตลอดทางไม่มีร้านอะไรเลย หมู่บ้านนี้เล็กถึงเล็กที่สุด ทานอาหารในโรงแรมเหอะ จะได้นอน

 

♥♥♥♥♥♥♥♥

Day 13

ตื่นนอนมาเช้านี้ มีโปรแกรมไปเก็บปราสาทสวยงามอีกแห่ง Kilchurn Castle กับภาพสะท้อนจากทะเลสาบทำให้พวกเราดั้นด้นมาที่นี่ ออกมาหน้าโรงแรมต้องกลับไปใส่เสื้อผ้าเพิ่มและเปลี่ยนรองเท้า เพราะออกไปเจอพื้นขาวโพลน หลังคารถก็ขาวโพลน อาจไม่ถึงกับเป็นหิมะปุยๆแต่ก็เป็นเม็ดๆบางๆ

       

ออกจากโรงแรมแต่เช้า ขับออกไปไม่ไกล ก็เจอทางไปปราสาท จอดรถแล้วเดินเข้าไป ก่อนเข้าเจอป้ายว่าปราสาทปิด เพราะปราสาทเปิดให้เข้าเที่ยวในฤดูร้อน แต่มาแล้วก็เดินเข้าไปชม เดินเล่นผ่านทุ่งหญ้าไปจนถึงตัวปราสาท บรรยากาศยามเช้าหนาวๆ หนาวชนิดแอ่งน้ำตามทางเดินเป็นน้ำแข็ง แต่ก็สดชื่น เดินวนดูแล้วมันไม่ใช่มุมตามรูปที่เคยเห็น เล็งมุมแล้ว มันต้องมุมตรงข้ามทะเลสาบ เลยเดินกลับมารถ แล้วขับไปฝั่งตรงข้าม มีที่จอดรถข้างทาง ต้องเดินผ่านทุ่งหญ้าไปที่ริมทะเลสาบ ถึงได้มุมตามต้องการ

Kilchurn Castle เป็นปราสาททิ้งร้างกลางหุบเขา ริมทะเลสาบ Loch Awe สร้างมาตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 15 โดยตระกูลแคมป์เบล แคลน (Campbell Clan) ตระกูลเก่าแก่และมีบทบาทในประวัติศาสตร์สก็อตแลนด์ ภายหลังในช่วงปลายศตวรรษที่ 17 ตระกูลแคมป์เบลได้รับการแต่งตั้งให้เป็น Earls of Breadalbane ก็เลยย้ายไป Taymouth Castle ทิ้งปราสาทน้อยนี้ให้รกร้างหักพังไปตามกาลเวลา

      

       

 

เดินผ่านทุ่งหญ้าไปถึงตัวปราสาทได้ ถ้าอยากเข้าไปดูข้างในต้องมาหน้าร้อน

       

 

 

ย้ายมาฝั่งตรงข้ามทะเลสาบ ได้มุมถ่ายภาพสมดังต้องการ

 

ถ่ายรูปจนพอใจถึงกลับมาทานอาหารเช้าที่โรงแรม ร่ำลา Mathu Dalmally เพื่อกลับ Glasgow จากนี้ขับรถไปราวๆ 100 กม. เลาะทะเลสาป Loch Lomond ไปเรื่อยๆ ระหว่างทางจะมีจุดแค้มปิ้งหลายจุดมาก เป็นกิจกรรมกลางแจ้งของชาวสกอตแลนด์ ทั้งเดินป่า ปีนเขา ตกปลา เราแวะทานกลางวันกันที่ Loch Lomond Shores มีอควาเรี่ยม มีมอลล์เล็กๆริมทะเลสาป มีร้านอาหารราคาไม่แพงพร้อมวิวสวยๆ

  

  

   

ถนนเส้น A82 นี่สวยงามจริง

วิวสวยๆจุดสุดท้ายของทริปที่ Loch Lomond Shores

อิ่มดีก็เข้า Glasgow เลย เสียดายไม่มีเวลาอีกสัก ½ – 1 วัน จะได้เที่ยวชมเมืองสักหน่อย Flight ของเราเวลา 16:35 ก็เลยส่งรถคืนช่วงบ่ายที่สนามบินแล้วทำเช็คอินเลย Glasgow international Airport มีขนาดไม่ใหญ่โต ร้านขายของไม่ได้มากมาย ใครคิดจะมาเก็บซื้อของฝากที่นี่ก็เสียใจด้วย ไม่มีอะไรให้ซื้อเท่าไหร่ แต่มีร้านอาหารให้ฝากท้องได้ มีของ Duty free shop ทั่วๆไปบ้าง แต่ผู้โดยสารเยอะเต็มไปทั้งสนามบิน ปัญหาที่พบคือปัญหาเดิมๆ ไม่มีมนุษย์ที่ Information counter ให้ติดต่อ ไม่มีเจ้าหน้าที่เดินเกลื่อนกลาดให้เข้าไปถาม มีแต่โทรศัพท์วางไว้ โทรไปถามก็ได้คำตอบแต่ว่าข้อมูลยังไม่มีรอไปก่อน ยิ่งใกล้เวลายิ่งร้อนใจ gate ไม่ขึ้นสักที กว่าจะหาเจ้าหน้าที่เจอสักคนก็ใกล้เวลามากๆ สุดท้ายก็รู้ Gate จนได้ วิ่งไปขึ้นเครื่อง ได้กลับบ้านเสียที แต่ขากลับเราโดน 3 stop จาก Glasgow เราต้องไปต่อเครื่องที่ Dublin, Ireland แล้วถึงไปต่อเครื่องที่ Abudabi, Arab Emirate อีกต่อ เราเลือกเอง เพราะเวลาได้ตามต้องการ ถึงจะต่อ 3 ต่อก็ไม่มีปัญหา สุดท้ายก็ถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ เป็นทริปที่ประทับใจอีกทริปที่ใช้เวลาเที่ยวยาวนานสำหรับเรา บางคนอาจบอกว่าแค่ 2 สัปดาห์สั้นมาก เที่ยวยาวๆต้องเที่ยวเป็นเดือน แต่สำหรับเราคิดถึงบ้านมากแล้ว คิดถึงเมืองไทย คิดถึงอาหารไทย กลับบ้านให้หายคิดถึงแล้วจะออกเดินทางใหม่

       

       

Day 12-13 Driving Route (1-1/2 day)

Day12 : Blackness Castle → Linlithgow Palace → Doune Castle → Glenfinnan → Overnight Muthu Dalmally Hotel

Day 13 : Kilchurn Castle → Loch Lomond → Glasgow international Airport

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Twitter picture

You are commenting using your Twitter account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s

Website Built with WordPress.com.

Up ↑

%d bloggers like this: